หลักปฏิบัติของพุทธบริษัท 4
การทำสักการบูชา
หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพักในบริเวณสวนมะม่วงแล้ว ก็เสด็จมุ่งตรงยังเมือง กุสินารา เมื่อเสด็จถึงสาลวันอันเป็นพระราชอุทยานของมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินาราแล้ว ตรัสสั่งพระอานนท์จัดที่ประทับระหว่างไม้สาละคู่ หันศีรษะไปทางทิศอุดร แล้วทรงบรรทมด้วยสีหไสยาสน์ ที่เรียกว่า อนุฏฐานไสยา9)
ครั้งนั้น แม้ไม่ใช่ฤดูกาล แต่ไม้สาละทั้งคู่ผลิดอกบานสะพรั่ง ร่วงหล่นโปรยปรายลงมาที่พระสรีระเพื่อบูชาพระองค์ แม้ดอกมณฑารพอันเป็นของทิพย์ก็ตกลงมาจากอากาศ ร่วงหล่นโปรยปรายลงมาที่พระสรีระเพื่อบูชาพระพุทธองค์ แม้จุณแห่งจันทน์อันเป็นของทิพย์ ก็ตกลงมาจากอากาศ ร่วงหล่นโปรยปรายลงมาที่พระสรีระเพื่อบูชาพระพุทธองค์ แม้สังคีตอันเป็นทิพย์ก็บรรเลงเสียงดนตรีในอากาศเพื่อบูชาพระพุทธองค์
เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปรารภเหตุการณ์นี้ตรัสกับพระอานนท์ว่า
“ พุทธบริษัทหรือบุคคลผู้ปฏิบัติตามธรรม สมควรแก่ธรรม ทำการสักการบูชาตถาคตด้วยสิ่งสักการะอย่างนี้ หรือมากกว่านี้ หาชื่อว่าเป็นการบูชาอย่างยิ่งและแท้จริงไม่ หากแต่บุคคลใดไม่ว่าจะเป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา หรือผู้ที่ปฏิบัติธรรมตามสมควรแก่ธรรม ได้ศึกษาและประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนนี้ จึงชื่อว่า เป็นการบูชาตถาคตอย่างแท้จริง”
เครื่องระลึกนึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ครั้งนั้น พระอานนท์ได้กราบทูลถึงเครื่องระลึกเครื่องเตือนใจ หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ปรินิพพานไปแล้ว พระพุทธองค์จึงตรัสว่า
“ อานนท์ สังเวชนียสถาน 4 แห่ง คือ
1. สถานที่ตถาคตประสูติ
2. สถานที่ตถาคตตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
3. สถานที่ตถาคตยังธรรมจักรให้เป็นไปแล้ว
4. สถานที่ตถาคตเสด็จปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพาน
สังเวชนียสถาน 4 แห่งนี้ เป็นที่ควรเห็น ควรระลึกของพุทธบริษัทหรือผู้มีศรัทธาเลื่อมใสในตถาคต ชนเหล่าใดเที่ยวจาริกไปยังสถานที่เหล่านี้ด้วยความเลื่อมใส ครั้นทำกาละ ก็จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์”
ข้อปฏิบัติในสตรีของภิกษุ
พระอานนท์ทูลถามข้อที่ภิกษุจะพึงปฏิบัติในสตรี ซึ่งพระพุทธองค์ก็ได้ตรัสตอบให้ภิกษุปฏิบัติในสตรีอย่างนี้ คือ
1. การไม่มองดูสตรี จัดเป็นการดี
2. หากจำเป็นต้องมอง การไม่พูดจาด้วย เป็นข้อปฏิบัติที่สมควร
3. หากจำเป็นต้องพูดด้วย ก็สำรวมระวังตั้งสติไว้ให้มั่นคง อย่าให้แปรปรวนด้วยอำนาจราคะ
วิธีปฏิบัติในพระพุทธสรีระ
หลังจากนั้น พระอานนท์ได้ทูลถามต่อไปอีกว่า จะพึงปฏิบัติอย่างไรในพระพุทธสรีระ พระพุทธองค์ตรัสว่า
“ อานนท์ พวกเธออย่าขวนขวายเพื่อบูชาสรีระของพระตถาคตเลย พวกเธอจงสืบต่อในประโยชน์ตน ประกอบตามในประโยชน์ตน ไม่ประมาทในประโยชน์ตน จงตั้งใจบำเพ็ญเพียรมุ่งสู่ที่สุดแห่งพรหมจรรย์เถิด บรรดากษัตริย์ พราหมณ์ คหบดีทั้งหลายที่เลื่อมใสในพระตถาคตมีอยู่ เขาเหล่านั้นจักทำการบูชาสรีระของพระตถาคตเอง”
แต่ด้วยความรอบคอบของพระอานนท์จึงทูลถามอีกว่า พวกชนเหล่านั้นจะพึงปฏิบัติในพระพุทธสรีระด้วยวิธีใด พระพุทธองค์ก็ตรัสตอบว่า ให้ปฏิบัติแบบเดียวกับพระเจ้าจักรพรรดิ
พระอานนท์จึงทูลถามว่า “ ชนเหล่านั้นจะปฏิบัติกับพระสรีระของพระเจ้าจักรพรรดิอย่างไร”
พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า “ ชนทั้งหลายห่อพระสรีระของพระเจ้าจักรพรรดิด้วยผ้าใหม่ แล้วซับด้วยสำลี แล้วห่อด้วยผ้าใหม่ โดยอุบายนี้ ห่อด้วยผ้า 500 คู่ แล้วเชิญพระสรีระลงในหีบทอง ซึ่งใส่น้ำมันหอมไว้เต็ม แล้วปิดครอบด้วยหีบทองอีกใบหนึ่ง แล้วอัญเชิญขึ้นสู่จิตกาธานซึ่งทำด้วยไม้หอม ถวายพระเพลิงพระสรีระ แล้วสร้างสถูปไว้ในหนทางใหญ่ 4 แพร่ง อัญเชิญพระอัฐิธาตุบรรจุไว้ที่พระสถูป”
พระพุทธองค์ตรัสต่อไปถึงอัฐิของบุคคล 4 จำพวกที่สมควรจะบรรจุไว้ในพระสถูป โดยเรียกบุคคลทั้ง 4 จำพวกว่า ถูปารหบุคคล ได้แก่ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า สาวกของพระตถาคต พระเจ้าจักรพรรดิราช
-------------------------------------------------------------------
9) อนุฏฐานไสยา คือ การนอนแล้วไม่ลุกขึ้นอีก
GL 204 ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
กลุ่มวิชาเป้าหมายชีวิต