พระศาสดาทรงเทศนาอริยสัจแต่โดยย่อแก่ท่านสุทัตตะ จนเศรษฐีได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นผู้มีศรัทธาไม่หวั่นไหวในพระรัตนตรัย แล้วทรงย้ำในตอนสุดท้ายว่า“ดูก่อนสุทัตตะ! การได้อัตภาพมาเป็นมนุษย์เป็นของยาก การดำรงชีพอยู่แห่งสัตว์ทั้งหลายเป็นของยาก การได้ฟังธรรมของสัตบุรุษเป็นของยาก และการอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายก็เป็นของยาก ดูก่อนสุทัตตะ! เพราะเหตุนั้นการแสดงธรรมของสัตบุรุษก็ตาม การเกิดขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าก็ตาม ล้วนเป็นเหตุนำความสุขความสงบมาสู่โลก”
...อ่านต่อ
ดูก่อนภราดา พระอานนท์เล่าต่อไป “พระดำรัสตอนสุดท้ายของพระผู้มีพระภาค เป็นเสมือนสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงบนใบหน้าของบุตรีพราหมณ์ นางรู้สึกร้อนผ่าวไปหมดทั้งร่าง สำหรับสตรีสาว อะไรจะเป็นเรื่องเจ็บปวดยิ่งไปกว่าการเสนอตัวให้ชายแล้วถูกเขาเขี่ยทิ้งอย่างไม่ไยดี ดังนั้น นัยน์ตาซึ่งเคยหวานเยิ้มของนาง จึงถูกเคี่ยวให้เหือดแห้งไปด้วยไฟโทสะ ใบหน้าซึ่งเคยถูกชมว่างามเหมือนจันทร์เพ็ญนั้น บัดนี้ได้ถูกเมฆ
...อ่านต่อ
เมื่อพระผู้มีพระภาคอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าผู้อนาวรณญาณทรงสละละทิ้ง
...อ่านต่อ
วันหนึ่งเวลาเช้าอันเป็นฤดูใบไม้ผลิ ใบเก่าของพฤกษชาติถูกสลัดร่วงลง และเหี่ยวแห้งอยู่บริเวณโคนต้น ที่เน่าเปื่อยไปแล้วก็มีเป็นจำนวนมาก ใบอ่อนซึ่งผลออกใหม่ดูสวยงามสร้างเสลา
...อ่านต่อ
แลแล้วพระอานนท์ก็กล่าวว่า“น้องหญิง! ชีวิตนี้เริ่มต้นด้วยเรื่องที่น่าละอาย ทรงตัวอยู่ด้วยเรื่องที่ยุ่งยากสับสนและจบลงด้วยเรื่องเศร้า
...อ่านต่อ
ในที่สุดเมื่อเห็นว่าจะสะกดใจไว้ไม่อยู่แน่แล้ว นางจึงตัดสินใจลาพระศาสดาพระอานนท์ และเพื่อนภิกษุณีอื่น ๆ จากวัดเชตวันเมืองสาวัตถี
...อ่านต่อ
นอกจากมีเมตตากรุณา หวั่นใจในความทุกข์ยากของผู้อื่นแล้ว พระอานนท์ยังเป็นผู้สุภาพอ่อนโยนอย่างยิ่งอีกด้วย ความสุภาพอ่อนโยน และลักษณะอันน่ารัก มีรูปงามผิวพรรณดีนี่เอง ได้เคยคล้องเอาดวงใจน้อย ๆ ของสตรีผู้หนึ่งให้หลงใหลใฝ่ฝัน โดยที่ท่านมิได้มีเจตนาเลย
...อ่านต่อ
พระอานนท์เป็นผู้มีจิตเมตตากรุณา ทนเห็นความทุกข์ความเดือดร้อนของผู้อื่นไม่ได้ คอยเป็นธุระช่วยเหลือเท่าที่สามารถ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร ดังเช่น เรื่องเกี่ยวกับพระนางมหาปชาบดีโคตมี เป็นต้น
...อ่านต่อ
พูดถึงความจงรักภักดี และความเคารพรักในพระผู้มีพระภาค พระอานนท์มีอยู่อย่างสุดพรรณนา ยอมสละแม้แต่ชีวิตของท่านเพื่อพระพุทธองค์ได้ อย่างเช่นครั้งหนึ่ง พระเทวทัตร่วมกับพระเจ้าอชาตศัตรู วางแผนสังหารพระจอมมุนี โดยการปล่อยช้างนาฬาคิรี ซึ่งกำลังตกมัน และมอมเหล้าเสีย ๑๖ หม้อ
...อ่านต่อ
ขณะที่พระบรมศาสดาประทับอยู่ ณ นิโครธาราม กรุงกบิลพัสดุ์นั้น มีเจ้าชายในศากยวงศ์หลายพระองค์ ได้เสด็จออกบรรพชา เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์ตามทางแห่งพระพุทธองค์ พระโลกนาถสำราญพระอิริยาบถอยู่ ณ นิโครธารามตามพระอัธยาศัยพอสมควรแล้ว ทรงละกบิลพัสดุ์ไว้เบื้องหลังเสด็จสู่แคว้นมัลละ สำราญพระอิริยาบถ อยู่ ณ อนุปปิยัมพวัน
...อ่านต่อ
นับถอยหลังจากเวลาที่พระอานนท์รับเป็นพุทธอุปัฏฐากไปเป็นเวลา ๕๕ ปี ในพระราชวังอันโอ่อ่าของกษัตริย์ศากยราชมีการประดับประดาประทีปโคมไฟเป็นระย้าไสวไปทั่วเขตพระราชวัง พระเจ้าสุกโกทนะ อนุชาแห่งสมเด็จพระเจ้ากรุงกบิลพัสดุ์มีพระพักตร์แจ่มใสตลอดเวลา ทรงทักคนนั้นคนนี้ด้วยความเบิกบานพระทัย พระประยูรญาติและเสนาข้าราชบริพาร มีความปรีดาปราโมชอย่างยิ่ง ที่มีพระราชกุมารพระองค์หนึ่งอุบัติขึ้นในโลก เขาพร้อมใจกันถวายพระนามราชกุมารว่า “อานันทะ” เพราะนิมิตที่นำความปรีดาปราโมชและบันเทิงสุขมาให้ เจ้าชายอานันทะอุบัติขึ้นวันเดียวกับพระราชกุมารสิทธัตถะก้าวลงสู่โลกนั่นแล
...อ่านต่อ
สมณะทั้งสองเดินดื่มผ่านทุ่งกว้างเข้าสู่เขตป่าโปร่ง มีทางพอเดินได้สะดวกสมณะซึ่งเดินนำหน้ามีอินทรีย์ผ่องใส มีสายตาทอดลงต่ำ ผิวขาวละเอียดอ่อน ลักษณะแสดงว่ามาจากวรรณะสูง อากัปกิริยาและท่าทีเยื้องย่างน่าทัศนา นำมาซึ่งความเลื่อมใสปีติปราโมชแก่ผู้เข้าพบเห็นยิ่งนัก ผ้าสีเหลืองหม่นที่คลุมกาย แม้จะทำขึ้นอย่างง่าย ๆไม่มีรูปทรงอะไร แต่ก็มองดูสะอาดเรียบร้อยดีส่วนสมณะผู้เดินอยู่เบื้องหลัง แม้จะมีส่วนสูงไม่เท่าองค์หน้า แต่ก็มีรูปร่างอยู่ในขนาดเดียวกัน ท่านเดินได้ระยะพองามไม่ห่างนักและไม่ชิดจนเกินไปทั้งสองเดินมาถึงทางสองแพร่ง
...อ่านต่อ

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร


ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล