ในหนังสือประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นชื่อนิฮอนโกชิ บันทึกไว้ว่า วันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๑๐๙๕ อันเป็น ปีที่ ๑๓
ในรัชกาลพระเจ้ากิมเมจิ จักรพรรดิองค์ที่ ๑๙ ของญี่ปุ่น พระพุทธศาสนา ได้เข้าสู่ญี่ปุ่น
โดยพระเจ้าเซมาโวแห่งเกาหลีส่งราชทูตไปยังราชสำนักพระเจ้ากิมเมจิ พร้อมด้วยพระพุทธรูป
คัมภีร์พุทธธรรมธง และพระราชสาสน์แสดงพระราชประสงค์ ที่จะขอให้ พระเจ้ากิมเมจิรับนับถือพระพุทธศาสนา
พระเจ้ากิมเมจิทรงรับด้วยความพอพระทัย นี้เป็นการเริ่มต้นของพระพุทธศาสนา
ในญี่ปุ่นและเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในสมัยพระจักรพรรดิกิมเมจิ
ชาวญี่ปุ่นนับถือพระพุทธศาสนาควบคู่ไปกับชินโต พระพุทธศาสนาแบ่งออกเป็นหลายนิกาย นิกายที่สำคัญมี ๕ นิกาย
หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ มีนักการศึกษามากมายพยายามที่จะเชื่อมประสานพระพุทธศาสนานิกายต่าง ๆ เข้าด้วยกัน โดยจัดตั้ง เป็นองค์การขึ้น กิจการทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญ
และมีจุดเด่นก้าวหน้าที่สุดของญี่ปุ่น คือ การจัด การศึกษา ซึ่งพระพุทธศาสนานิกายต่าง ๆ จะมีมหาวิทยาลัย วิทยาลัย โรงเรียนระดับมัธยม
ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๒ ประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนาก็ได้ถูกจารึกอีกครั้ง เมื่อสุภาพบุรุษจากแดนอาทิตย์อุทัย ได้พร้อมใจกันมาบรรพชาอุปสมบทเป็นพระธรรมทายาทหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นรุ่นแรกของโลก ที่วัดพระธรรมกาย ระหว่างวันที่ ๘ - ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
ซึ่งผู้เข้ารับการอบรม เป็นชาวญี่ปุ่นแท้ ๆ ทั้งหมด ๒๔ ท่าน หลากหลาย อาชีพ เช่น พระภิกษุมหายาน คือ ท่านโยชิคิโยะ ฟูจิโมโต
ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโคลินจิ ในจังหวัดฟุกุ้ย ประเทศญี่ปุ่น ท่านเล่าว่า การดำเนินชีวิตของพระญี่ปุ่นนั้น
จะปฏิบัติตัวได้เหมือนฆราวาสทุกอย่าง สามารถทำงานหลักเป็นนักธุรกิจ ทำงานออฟฟิศได้เหมือนฆราวาสทั่วไป
จะต่างก็ตรง ที่พระมีหน้าที่ดูแลวัดและทำพิธีทางศาสนา โดยก่อน จะประกอบพิธีทุกครั้งต้องสวมชุดพระ และทุกคนจะให้เกียรติ
ให้ความเคารพ ซึ่งใน ๑ วัด มักจะมีพระเพียง ๑ รูป เท่านั้น พระพุทธศาสนาในญี่ปุ่นอยู่ในนิกายมหายาน ที่นำเอาหัวใจคำสอนของพระพุทธเจ้ามาพัฒนาปรับปรุง
แต่ท่านเองก็เชื่อว่า พระพุทธศาสนาที่แท้จริงต้องมีการฝึกฝนตนเอง ผ่าน การทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา
นำคำสอน มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้อง ลงมือปฏิบัติถึงจะรู้จริง เมื่อทราบว่าวัดพระธรรมกายจัดอบรมธรรมทายาทสำหรับชาวญี่ปุ่นขึ้นเป็นครั้งแรก
ท่านจึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ โดยมีความตั้งใจที่ จะเรียนรู้ชีวิตของพระแท้ และศึกษาเกี่ยวกับสมาธิให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
ธรรมทายาทชาวญี่ปุ่นท่านต่อมาที่มีประวัติชีวิตที่น่าสนใจมากก็คือ ท่านศาสตราจารย์ มิโตโมะ เคนโยะ ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน อภิธรรมในคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยริชโช ประเทศญี่ปุ่น เมื่อทราบข่าวโครงการอุปสมบท อาจารย์ก็มีความสนใจอย่างมากและสมัครบวชทันที
ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์ยังได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตร ชักชวนให้ลูกศิษย์มาบวชในโครงการนี้ด้วย และ ได้ติดต่อให้ทางหนังสือพิมพ์ "ชูไกนิปโป" ลงข่าวประชาสัมพันธ์โครงการในหนังสือพิมพ์ เพื่อชักชวน
ให้ชาวญี่ปุ่นมาบวชอีกทางหนึ่งด้วย ทำให้ชาวญี่ปุ่น ที่ได้อ่าน มาสมัครบวชเป็นจำนวนมาก ท่านได้เล่าว่า "ผมศึกษาวิจัยเกี่ยวกับพระอภิธรรมมากว่า ๔๐ ปีแล้ว
การที่ผมมาร่วมในโครงการอุปสมบทหมู่ธรรมทายาทชาวญี่ปุ่นครั้งประวัติศาสตร์นี้
เพราะคิดว่า
การจะศึกษาพระพุทธศาสนาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ไม่ใช่แค่เพียงศึกษาผ่านตำราเท่านั้น
การที่ เราจะเข้าไปถึงแก่นแท้ของพุทธธรรมได้นั้น เราควร ที่จะได้บวชเป็นพระภิกษุและฝึกฝนอบรมตนตามพระธรรมวินัย
ปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงธรรม เหมือน ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกระทำเป็นแบบอย่าง มาแล้ว
เราไม่ควรจะติดแค่กรอบความเชื่อของนิกาย แต่ควรได้เข้าไปเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อจะสามารถ เข้าใกล้พุทธธรรมที่แท้จริงได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมสนใจในแนวทางการสร้างบารมีของวัดพระธรรมกาย
ที่กำลังสวนกับกระแสของสังคม ที่ศีลธรรมกำลังเสื่อมถอยไปจากจิตใจของคนไทยในประเทศ
การมาบวชครั้งนี้ผมหวังว่าเรา จะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงกันและกันระหว่าง
พระพุทธศาสนาเถรวาทและมหายานครับ" นอกจากนี้ยังมีเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่น ผู้แสวงหาความจริงของชีวิต ได้พลิกโฉมตัวเองจาก
ผู้มีหนวดเครารุงรัง มาเป็นบุคคลผู้สงบเรียบร้อยสำรวม เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ด้วย นั่นก็คือ คุณโนริมิจิ ซูซูกิ อายุ ๒๑ ปี เขาเกิดและเติบโต เหมือนเด็กวัยรุ่นญี่ปุ่นทั่ว ๆ
ไปคือ กิน เที่ยว เรียน หนังสือ ทำอย่างนี้ซ้ำ ๆ กันหลายปี จนรู้สึกว่าเป็น ชีวิตที่ไม่มีคุณค่า ล่องลอย
ไร้จุดหมาย เมื่อเรียนจบจากโรงเรียนสอนทางด้านศิลปะการวาดภาพก็คิดว่า ถึงเวลาแล้วที่จะออกเดินทางแสวงหาความจริง
ของชีวิต เขาเลือกเดินทางไปตามเส้นทางสายไหม ตามรอยบุคคลในประวัติศาสตร์ เพื่อที่จะเรียนรู้
ด้วยตนเองว่า พวกเขาได้เคยพบเจออะไรบ้าง มีประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่เพียงใด และพวกเขารู้สึกอย่างไร
ในการเดินทางผ่านเส้นทางประวัติศาสตร์สายสำคัญนี้ เมื่อเดินทางมาจนถึงประเทศลาว
เขาก็ได้พบกับคนญี่ปุ่นคนหนึ่งซึ่งจะบวชเป็นพระภิกษุ ในโครงการบวชพระธรรมทายาทสำหรับชาวญี่ปุ่น
ที่จะจัดขึ้นที่วัดพระธรรมกาย ประเทศไทย พอได้ฟัง ดังนั้นเขาก็สนใจเข้ามาร่วมบวชด้วย
ธรรมทายาททุกท่าน ต่างก็ตั้งใจฟังคำชี้แนะ จากพระอาจารย์เป็นอย่างดี
และตั้งใจปฏิบัติธรรม เพื่อการเข้าถึงพระธรรมกายภายในตัวให้ได้ ซึ่งนาคธรรมทายาทชาวญี่ปุ่นได้เข้าพิธีขลิบปอยผมในวันศุกร์ที่ ๑๔ สิงหาคม
ที่อุโบสถวัดพระธรรมกาย เวลา ๑๖.๐๐ น.
และได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบทในวันเสาร์ที่ ๑๕ สิงหาคม ที่อุโบสถวัดพระธรรมกาย ตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น. เป็นต้นไป
หลังจากนั้นก็ได้ขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่วัดกิ่วลม ระหว่างวันที่ ๑๖ - ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ รวมระยะเวลาในโครงการทั้งสิ้น ๒๓ วัน
การบวชธรรมทายาทชาวญี่ปุ่น รุ่นแรกของโลกในครั้งนี้ ถือเป็นนิมิตหมายแห่งความสว่างไสว องพระพุทธศาสนาแบบดั้งเดิม
ที่จะสถิตสถาพร ในประเทศญี่ปุ่นไปอีกนานแสนนาน สมดังนามแดนดิน แห่งอาทิตย์อุทัยฉายแสงส่องสว่างแก่ทุกผู้คน
|