ฉบับที่ 69 กรกฏาคม ปี 2551

บวชช่วงเข้าพรรษาพิเศษอย่างไร


อยากกราบเรียนถามว่าการให้บุตรหลานบวชเรียนในช่วงเข้า พรรษาจะได้บุญมากกว่าบวชเรียนช่วงอื่นหรือไม่ครับ

ความจริงแล้ว พระในพระพุทธศาสนาไม่ว่าจะบวชในฤดูกาลไหนจะบวชช่วงสั้น ช่วงยาวแค่ไหนก็ตาม ก็มีวัตถุประสงค์ในการบวช เหมือนกัน คือ มุ่งที่จะกำจัดทุกข์ให้หมดไป
แล้วก็ทำพระนิพพานให้แจ้ง หรือพูดกันภาษาชาวบ้านว่า มุ่งกำจัดกิเลสเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพาน จะได้ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดกันอีก

     อย่างไรก็ตาม เมื่อบวชแล้ว ถ้าตั้งใจทำตาม วัตถุประสงค์ของการบวชอย่างเต็มที่ ไม่ว่าบวชช่วงไหนก็ได้บุญเท่าๆ กันทั้งนั้น
อันนี้โดยหลักการ แต่ว่าจริงๆ แล้ว เนื่องจากเรายังเป็นคนที่เข้ามาสู่ศาสนากันใหม่ๆ แล้วก็ยังต้องการสภาพที่เหมาะสม พิเศษๆ ในการที่จะศึกษาธรรมะ ในการที่จะขัดเกลา ตัวเองตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นถ้าได้บรรยากาศพิเศษๆ ก็จะช่วยให้ บรรลุวัตถุประสงค์ของการบวชง่ายขึ้นและดีขึ้น ปู่ย่าตาทวดของเราจึงได้เลือกแล้วว่าฤด เข้าพรรษานี่แหละเป็นบรรยากาศพิเศษ เหมาะที่จะให้ลูกหลาน ของตัวเองเข้ามาบวช

พิเศษอย่างไรในฤดูนี้

๑. ดินฟ้าอากาศเป็นใจ คือ ในฤดูร้อนประเทศไทยเรารู้ๆ กันอยู่ ถึงคราวร้อนก็ร้อน เหลือหลาย ร้อนจนกระทั่งแม้ในทางโลก เด็กนักเรียนก็ปิดเทอมกันภาคฤดูร้อนนั่นแหละฤดูร้อน มันเรียนไม่ค่อยจะรู้เรื่อง อากาศมันร้อนหนัก เพราะฉะนั้นโรงเรียนก็ปิดเรียน ในทางธรรมก็เช่นกัน ถ้าจะให้พระใหม่มาเรียนหนังสือในฤดูร้อน คงย่ำแย่

แต่ว่าแล้วฤดูหนาวล่ะ ฤดูหนาวก็เหมือนกัน สมัยเราเป็นเด็กๆ ไปโรงเรียนกัน ฤดูหนาวก็ไปนั่งผิงไฟกันด้วยซ้ำ ไปนั่งงอก่องอขิงกัน บรรยากาศในการเรียนมันหย่อนๆไปเหมือนกันแหละ ร้อนไปก็ไม่ดี หนาวไปก็ไม่ดี ฤดูที่ไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป เห็นมีอยู่ฤดูเดียวสำหรับประเทศไทย คือ ฤดูฝน หรือฤดูเข้าพรรษานั่นเอง ดินฟ้าอากาศพร้อมเป็นใจ เหมาะแก่การศึกษาธรรมะ การค้นคว้าธรรมะให้ยิ่งๆ ขึ้นไป

ประการที่ ๒. ครูก็พร้อม เพราะว่าพระภิกษุ ที่เป็นครูบาอาจารย์ ท่านถูกพระวินัยกำหนดแล้วว่าห้ามไปไหน
ต้องพักค้างอยู่ในวัดตลอดพรรษา เพราะฉะนั้นครูบาอาจารย์จึงพร้อมหน้าพร้อมตามากที่สุด ในฤดูเข้าพรรษานี้เพราะ ฉะนั้นถ้าใครมาเป็นลูกศิษย์ก็จะ ได้พบหน้าพระที่เป็นครูบาอาจารย์ทุกองค์เลย โอกาสจะได้รับการถ่ายทอด ธรรมะจึงเต็มที่มากกว่าฤดูอื่น

        ....จึงเป็นธรรมเนียมกันมาทุกวันนี้ว่า บวชเข้าพรรษานั้นน่าบวช ที่สุดเพราะว่ามีโอกาสได้บุญมากที่สุด พระผู้บวชได้ศึกษาเต็มที่ และมีโอกาสที่จะโปรดโยมพ่อโยมแม่มากที่สุดเพราะถึงแม้ตัวเองเป็นพระ
ใหม่ยังเทศน์ไม่ได้ แต่พระอาจารย์ในวัดก็ช่วยเทศน์ให้ ทกุอย่างสมบูรณ์ พูนสุขจริงๆ

ประการที่ ๓. เราถือเป็นค่านิยมกันแล้วว่าพระใหม่ควรจะบวชในฤดูเข้าพรรษาเพราะฉะนั้นต้องถือว่าฤดูนี้ ดินฟ้าอากาศเป็นใจ ครูบาอาจารย์คือพระเก่าพร้อมลูกศิษย์คือพระใหม่ก็พร้อมหน้าพร้อมตากันมาบวชในฤดูนี้ เมื่อเป็นอย่างนี้ความคึกคัก ในการเรียนมันก็มี

ยิ่งไปกว่านั้นความพร้อมประการที่ ๔. ญาติโยมเอง เมื่อลูกหลานมาบวช ก็เกิดความคึกคัก เหมือนกันที่จะมาฟังเทศน์ด้วย เพราะนอกจากจะมาด้วยความห่วงพระลูกพระหลานของตัวเองแล้ว ยังนำข้าวปลาอาหารมาทำบุญ มาเลี้ยงพระลูก พระหลาน แล้วก็เลยเลี้ยงกันไปทั้งวัดอีกด้วย ยังไม่พออีก มาเลี้ยงพระลูกพระหลานเสร็จ อย่างไรก็ต้องไปกราบพระที่เป็นครูบาอาจารย์ เมื่อเป็นอย่างนี้ ความคุ้นเคยระหว่างพระกับโยม ในช่วงเข้าพรรษามันก็มีมากขึ้น ญาติโยมก็เลยมีโอกาสจะได้ฟังเทศน์ฟัง ธรรมพร้อมๆ กันไปด้วย พระลูกพระหลานก็เข้า class เข้าห้องเรียนไป ห้องหนึ่ง โยมพ่อโยมแม่ก็เข้าฟังเทศน์ในศาลา อีกศาลาหนึ่ง รวมทั้งข้าวปลาอาหารก็มีพร้อมมูลอย่างนี้ บรรยากาศแห่งความสมบูรณ์ในการประพฤติปฏิบัติธรรมมาพร้อมกันถึง
๔ ประการอย่างนี้ ฤดูเข้าพรรษาจึงนับว่าเป็นฤดูที่เหมาะสมต่อการเข้ามาบวชอย่างยิ่ง

จึงเป็นธรรมเนียมกันมาทุกวันนี้ว่า บวช เข้าพรรษานั้นน่าบวชที่สุด เพราะว่ามีโอกาสได้บุญมากที่สุด พระผู้บวชได้ศึกษาเต็มที่ และมีโอกาสที่จะโปรดโยมพ่อโยมแม่มากที่สุด เพราะถึงแม้ ตัวเองเป็นพระใหม่ยังเทศน์ไม่ได้ แต่พระอาจารย์ในวัดก็ช่วยเทศน์ให้ ทุกอย่างสมบูรณ์พูนสุขจริงๆ บวชเข้าพรรษาจึงมีทีท่าว่าจะได้บุญมากกว่าฤดูอื่นด้วยประการฉะนั้น

 
บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล