ฉบับที่ 109 พฤศจิกายน ปี2554

ขันที่ลอยมากับมวลน้ำ

เรื่อง : โค้ก อลงกรณ์

 

 

ขันที่ลอยมากับมวลน้ำ

 

ป้ายังไม่ทันได้เก็บข้าวของอะไรเลยสักอย่าง ไม่นึกว่าน้ำจะมาเร็วขนาดนี้ž
ยายเกิดมาก็ไม่เคยเจออย่างนี้ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตž
ทุกอย่างจมน้ำหมด พวกเราไม่เหลืออะไรเลยž
.....ฯลฯ....ž

          ถ้อยคำระคนทุกข์ของผู้ประสบภัย และภาพมวลน้ำไหลเชี่ยวที่ไหลบ่าผ่านทางภาพข่าวคือ สิ่งแรกที่ไหลเข้าสู่โสตประสาทให้เราได้ยินได้ฟังทั่วกัน แล้วจากนั้นสิ่งต่าง ๆ ก็ไหลตามมวลน้ำยักษ์มาอย่างต่อเนื่อง

          ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผู้คนทั้งประเทศรับรู้ถึงภัยพิบัติน้ำท่วมร่วมกัน ผืนแผ่นดินส่วนใหญ่ที่ทุกคนอาศัยอยู่นี้กำลังจมน้ำ เดินทางไปไหนไม่ได้ เราเหมือนติดอยู่บนเกาะ

          นับตั้งแต่กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ มวลน้ำปริมาณมหาศาลไหลบ่าเข้าพื้นที่ต่าง ๆ ตั้งแต่ ภาคเหนือไล่ลงมาเรื่อย ๆ ทำลายทำนบแนวป้องกัน มุ่งสู่ศูนย์กลางของประเทศ ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางในทุกระบบ ก่อความเสียหายในภาคการผลิตมหาศาล ทุกคนทุกข์ร้อนกันทุกหย่อมหญ้า วิกฤตการณ์อุทกภัยครั้งนี้นับว่าสาหัสสุดในรอบ ๕๐ ปีเมืองไทยของเรา

          ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับรู้ร่วมกันเป็นสายน้ำสายเดียวที่ไหลบ่าเข้ามาท่วมถึงในบ้าน รวดเร็วกว่าสายน้ำใด ๆ ชนิดที่เราไม่ทันตั้งตัว กว่าจะโผล่พ้นขึ้นมาหายใจได้ ทุกคนก็ตกอยู่ในสภาพสำลักน้ำไปแล้วหลายอึก

          ขณะที่มวลน้ำยักษ์ยังเดินทางมาไม่ถึงหน้าบ้าน แต่ทุกอย่างโดยเฉพาะ สติž กลับจมอยู่ใต้น้ำไปเรียบร้อย ชีวิตเราแทบไม่มีอะไรเหลือ

          การรับข้อมูลข่าวสารนั้นมีประโยชน์ในแง่ให้รู้ทันเพื่อป้องกัน และเตรียมรับมือกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น แต่หากรู้ไม่เท่าทันก็จะทำให้เกิดความตระหนก หวั่นวิตก กลายเป็นการสะสมความเครียด เวลานั้นการคิดหาหนทางแก้ไขก็เป็นเรื่องยาก ในที่สุดทั้งเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และความสุขในชีวิตก็เงียบหายไปสนิท ความคิดบวก และทัศนคติที่ดีที่เคยมีก็จะเหลือไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพในภาวะฉุกเฉินเช่นนี้

          แต่ใช่ว่าข่าวสารที่ไหลบ่าเข้ามานั้นจะแย่ไปหมด ทุกอย่างอยู่ที่เรารู้จักเลือกที่จะรับ รับแล้วรู้จักวิเคราะห์ อะไรที่ชอบ ที่เป็นประโยชน์กับชีวิตก็เลือกเก็บไว้ นอกนั้นก็ปล่อยให้ไหลตามสายน้ำไป

          หลายท่านที่ได้รับชมการให้สัมภาษณ์ของชาวบ้านในพื้นที่น้ำท่วม คงได้ผ่านสายตาบ้างว่า บางท่านทั้ง ๆ ที่เดือดร้อนต้องอพยพครอบครัวมาอาศัยพักค้างริมถนน แต่ขณะให้สัมภาษณ์ยังยิ้มและหัวเราะออกมาได้ แม้จะยังมีความเศร้าเจือปน แต่ภาวะเช่นนี้ ทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ออกมานั้นกลายเป็นขวัญกำลังใจมีค่า ที่ส่งผ่านไปปลอบประโลมจิตใจของเพื่อนพี่น้องผู้ที่ประสบทุกข์ด้วยกันอย่างทั่วถึง

          ความเข้าอกเข้าใจกันและกันเช่นนี้ ทำให้ใครหลายคนได้กลับมาฉุกคิด นอกจากของยังชีพซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในยามนี้ ที่ต่างก็พยายามเก็บกักตุนไว้ให้มากที่สุดแล้ว สิ่งสำคัญที่ชีวิตเราทุกคนไม่ควรลืม และต้องรีบหามาตุนเป็นเสบียงไว้ให้มากที่สุดอีกอย่างนั้นก็คือ กำลังใจž

กลางเดือนตุลาคม ปริมาณน้ำเหนือมหาศาลได้เดินทางมาถึงพื้นที่โดยรอบปริมณฑลของเมืองหลวง

          มวลน้ำยักษ์ได้ทำหน้าที่เชื่อมนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ เข้ากับถนนทุกสาย เชื่อมที่พักอาศัยทุกหลังคาเรือนเข้ากับพื้นที่การเกษตร เชื่อมทุกหนแห่งให้เป็นผืนเดียวกัน มองไปทางไหนเราอยู่บนผืนน้ำเหมือนกัน พร้อมกันนี้ยังได้เชื่อมความเห็นอกเห็นใจของคนทั้งประเทศ ในการเข้ามาช่วยเหลือบรรเทาความเดือนร้อนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอีกด้วย

          มวลน้ำเชื่อมมวลชน

          น้ำเชี่ยวเชื่อมน้ำใจ

          นี่ก็เป็นอีกหนึ่งในหลาย ๆ สิ่งที่ไหลตามมาพร้อมกับสายน้ำ

          สิ่งที่ไหลมามีทั้งน้ำเสียและน้ำใส มีทั้งงูและปูปลา มีทั้งคราบน้ำมันและผักตบชวา ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องร้าย ๆ เท่านั้น เรื่องดี ๆ ก็มีไม่ใช่น้อย

          เราควรเป็นเช่นชาวประมงที่ฉลาด เมื่อลากอวนมาได้ ย่อมเลือกกุ้ง หอย ปู ปลา เลือกเฉพาะสิ่งที่ต้องการไว้เท่านั้น ส่วนเศษไม้และขยะที่ติดมาก็โยนทิ้งไป สิ่งที่เราควรทำก็เช่นกัน เกี่ยวสิ่งที่เราสนใจมาเก็บไว้ อะไรไม่เข้าท่า ก็ปล่อยให้มันไหลไปกับสายน้ำต่อไป

ที่ผ่านมาสิ่งหนึ่งที่ผมเลือกเก็บนั้นคือ ขันž ที่ลอยมากับสายน้ำ

          เดิมทีคิดว่าสิ่งนี้ไร้สาระ ไม่มีประโยชน์ จวบจนเมื่อความขันช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลาย กระตุ้นสติและกำลังใจในตัวกลับคืนหลังจากที่ได้หัวเราะและยิ้มออกมา

          ขันหลายใบที่ลอยมาอยู่ในระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ก เป็นข้อมูลเรื่องราวต่าง ๆ ที่ส่งต่อ ๆ ให้กันเป็นลูกโซ่ ทุกข้อความล้วนสร้างสรรค์มาจากอารมณ์ขันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเพลงแปลงที่แสบ ๆ คัน ๆ หรือบทสนทนาที่นำธรรมชาติมาคุยโต้ตอบกันระหว่างน้องน้ำกับพี่เมืองกรุง น้องกระสอบทรายและพี่ทะเล เป็นเรื่องราวสนุกน่าติดตาม หากมองข้ามพ้นเรื่องเหน็บแนมและเสียดสี ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สิ่งที่คิดว่าไร้สาระเหล่านี้ได้ช่วยกู้อารมณ์ของเราให้ดีขึ้นจากเดิม

          อารมณ์ขันอีกส่วนหนึ่งมาในรูปของภาพถ่าย บางภาพเมื่อเห็นแล้วถึงกับต้องหัวเราะก๊ากออกมา ทั้งหมดล้วนเกิดจากพี่น้องผู้ประสบภัยที่ได้ใช้ความขบขันบรรเทาความทุกข์ของตนให้เป็นความบันเทิง

          ขันอีกใบหนึ่งมาในรูปของบทเพลงที่ศิลปินต่าง ๆ ได้ใช้ความสามารถที่มีมาช่วยปลอบขวัญให้มีกำลังใจสู้ชีวิต ผลงานหนึ่งที่ร่ำรวยอารมณ์ขันนั่นคือ กลุ่มคนดนตรีที่ได้รวบรวมเอาศิลปินและผู้ประสบภัยจากพื้นที่จริงมาร่วมสร้างสรรค์ในงานเพลง เปลี่ยนน้ำท่วมให้เป็นน้ำใจž

          ภาพในมิวสิกมีความขำบรรจุอยู่เต็มขัน บ้างต้องหนีน้ำขึ้นไปยืนร้องบนหลังคา บางคนก็หลบมาร้องกันที่ริมตลิ่ง หนักกว่านั้นไปไหนไม่ได้ก็สู้ยืนแช่และนั่งแช่ร้องกันในน้ำ ผสมผสานกับนักดนตรีหลากหลายทั้งเครื่องดนตรีพื้นบ้าน ร่วมกับเครื่องดนตรีร่วมสมัย ดีดกีตาร์กันในเรือ ตีขิมริมคลอง เป่าขลุ่ยลุยน้ำ ใส่ขาสั้นเป่าแซ็ก เป็นภาพบรรยากาศที่ไม่อาจทำได้ในยามภาวะปกติ

          นับเป็นการขับกล่อมจิตใจทุกคนให้พ้นขึ้นมาเหนือน้ำ และยังขับไล่สายน้ำตาให้ไหลไปพร้อมกับสายน้ำ เป็นการใช้อารมณ์ขันสร้างสรรค์ให้เกิดกำลังใจและความสามัคคี ส่งผลให้มั่นใจว่า ดนตรีสามารถเปลี่ยนโลกได้จริง เปลี่ยนความขมขื่น ความทุกข์ความเศร้าเป็นความเข้าใจและเห็นใจ เปลี่ยนความต่างที่เคยขัดแย้งเป็นความเข้าใจ เปลี่ยนน้ำท่วมให้เป็นน้ำใจได้จริง ๆ

          ขันใบใหญ่ใบหนึ่งเป็นเรื่องของมวลชนที่ช่วยกันใช้สองมือเล็ก ๆ บรรจุทรายใส่กระสอบจากศูนย์กลางวัดพระธรรมกาย แล้วขนไปวางเรียงเป็นทำนบกันมวลน้ำ ต่างทำกันด้วยหัวใจและความหวังที่ความเป็นจริงไม่น่าจะเป็นไปได้ ทั้งกำลังคน สภาพดินฟ้าอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย รวมกับอุปสรรคมากมายที่เกิดขึ้นนั้นห่างไกลจากคำว่า ความสำเร็จž เป็นอย่างมาก

          ความยาวตลอด ๘ กิโลเมตรของแนวทำนบกันน้ำคลองระพีพัฒน์ที่ช่วยกันทำในเวลาที่จำกัด จำนวนกระสอบทรายนับแสนนับล้านกระสอบที่ต้องเร่งช่วยกันทำ เพียงแค่คิดก็กลายเป็นเรื่องน่าขันที่เกินวิสัย แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ความหวังกลับไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อ

          มุมขันจากมุมคิดในความสำเร็จเกิดขึ้นนี้ อาจเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตของอาสาสมัครทุกคน ที่ปฏิบัติสวนทางจากประเพณีโบราณ จากเดิมเขามีแต่พากันขนทรายเข้าวัด แต่ตอนนี้ทุกคนกลับได้ขนทรายออกจากวัดด้วยความปลื้มปีติ

          เหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น ก็มีเรื่องราวดี ๆ ที่น่าประทับใจมากมายเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ทุกอย่างเมื่อไหลผ่านมาไม่ช้าก็จะไหลผ่านไป

          ในทุกวิกฤติย่อมมีโอกาส ดังเช่นที่บางคนบอกไว้ สิ่งใดเมื่อเกิดขึ้นแล้วสิ่งนั้นย่อมดีเสมอ เพียงแต่เราจะพบเจอสิ่งที่ดีนั้นได้ ก็ต่อเมื่อเรารู้จักเลือกที่จะมอง


อารมณ์ขันนั้นเกี่ยวพันกับชีวิต เป็นเรื่องของสภาพจิตภายในล้วน ๆ บางครั้งจำเป็นต้องขันให้แน่นเพิ่มขึ้น บางสถานการณ์ก็ต้องขันให้ผ่อนคลายลง

          ในสถานการณ์ที่บางครั้งต้องจริงจังกับชีวิต ก็ไม่ใช่ว่าอารมณ์ขันไม่มีความจำเป็นจนต้องโยนทิ้งไป บางทีมันกลับช่วยกู้สถานการณ์ให้ดีขึ้นโดยไม่ได้เสียความจริงจังไปแม้แต่น้อย

          น่าเสียดายที่ขันของบางคนจมหายโดยที่เจ้าของไม่รู้สึกตัว แต่ก็ยังไม่สาย หากจะดำลงไปงมเอาขึ้นมาใช้แต่ถ้างมหาไม่เจอจริง ๆ การคว้าเอาขันที่กำลังจะลอยผ่านหน้าไป มาเก็บสำรองไว้ใช้ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี

          ขันใบล่าสุดที่ผมคว้าไว้เป็นขันที่ผ่านมาทางสายโทรศัพท์ ทันทีที่หมู่ญาติจากต่างจังหวัดทราบข่าวน้ำท่วมก็รีบติดต่อมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ซักถามสถานการณ์ที่พักอาศัยว่าท่วมหรือไม่ท่วมแค่ไหน-สู้ไหวหรือเปล่า?

          เมื่อได้ตอบกลับไปให้เกิดความสบายใจหายห่วงแล้ว ปลายสายได้ถามกลับมาอีกว่า ผมคิดไม่ถึงเลยใช่ไหมว่า น้ำจะท่วมสูงมากขนาดนี้?

          ผมตอบไปว่า ใช่! ผมคิดไม่ถึงž

          ก่อนที่ทางปลายสายจะวางหู ผมได้ยินข้อความสั้น ๆ ตอบกลับมา

          แต่เชื่อไหมว่า...มีคนคิดถึง! ...จึงต้องโทรมาž
.......................................................

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล