ฉบับที่ 90 เมษายน ปี2553

สร้างพระ..ก่อนที่องค์พระจะหมด

สัมภาษณ์
เรื่อง : ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์ e-mail : [email protected]
ภาพ : อันนา ดุสิตาภิรมย์

 





 

 

สร้างพระ..ก่อนที่องค์พระจะหมด

"ตอนนั้น..ดูเหมือนเราทำอะไรเกินตัวที่สร้างพระให้แม่ ๑ องค์ แต่เพราะบุญนี้แท้ ๆ ที่ทำให้แม่รอดชีวิต..!"

          บุณรดา ศรีราจันทร์ หรือคุณอ้อย ..หญิงนักสู้ ที่ไม่ได้มีทางเลือกมากมายนักสำหรับชีวิต แต่เธอพบทางรอดให้กับชีวิตแม่ที่เธอรักที่สุด...

          เราเองเข้าวัดได้ไม่นาน แรก ๆ ก็ไม่เข้าใจเรื่องการสร้างพระ จึงไม่คิดตัดสินใจทำ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ข่าวเรื่องการสร้างพระจารึกชื่อ ๑ ล้านองค์มาระยะหนึ่งแล้ว จนกระทั่งพี่แอ๋ว คนจังหวัดมุกดาหารบ้านเดียวกัน อยู่ ๆ ก็ไปทำบุญสร้างพระให้เราก่อน ด้วยความที่เขาหวังดีอยากจะให้เราได้บุญ และตอนหลังเขาได้มา บอกเราว่า ..พี่สร้างพระให้อ้อยแล้วนะ สร้างพระอยู่เป็นพันปีแบบนี้ไม่มีที่ไหน อานิสงส์มากจริง ๆ อย่างไรอ้อยก็ต้องทำด้วยตัวเอง แต่ไว้ให้อ้อยมีเงินก่อน แล้วค่อย ๆ ผ่อนเงินคืนให้พี่ก็ได้... ตอนนั้นก็เลยคิดว่า เขาออกเงินทำบุญให้เราแล้ว ยังไงก็ต้องทยอยคืนเงินให้เขา ซึ่งก็แปลก บุญบันดาลอย่างไรก็ไม่ทราบ ที่มีคนมา ใช้หนี้เราพอดี ก็เลยทำให้คืนเงินให้พี่แอ๋วไปทั้งหมด ๑๕,๐๐๐ บาท แต่ทำบุญเสร็จแล้วก็ไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวญาติพี่น้องไม่เห็นด้วย เพราะเกิดมาครอบครัวเราก็ไม่เคยทำบุญอะไรกันมากขนาดนี้ และสภาพที่บ้านเราก็ไม่พร้อม จากนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนกระทั่งมาเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดของครอบครัว

 




 

  ต่อมาคุณยายนารี ชัยพันโท แม่แท้ ๆ วัย ๗๐ ปี ของคุณอ้อย ล้มป่วยหนัก จนญาติพี่น้อง ทุกคนต่างทุกข์ใจเป็นที่สุด

          เนื่องจากแม่อายุมากแล้ว เป็นโรคคนแก่ หมอบอกว่าเป็นโรครูมาตอยด์ คือ ไขข้ออักเสบเรื้อรัง เยื่อบุข้อเจริญหนาตัวลุกลามเข้าทำลายกระดูก และข้อต่อ ทำให้มีอาการปวดร้อนตามข้อทุกข้อ ทั่วร่างกาย แม่ปวดทรมานไปทั้งตัว ซึ่งเราก็พยายามพาไปรักษาต่อเนื่องนาน ถึง ๓ ปี แต่ก็ไม่ดีขึ้น กินยาจนกระทั่งมีอาการตัวบวมมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีแรง เป็นหนักจนนอนซมกระดุกกระดิกไม่ได้ มีอาการเบลอ เหม่อลอย จำใครไม่ได้ ปัสสาวะ อุจจาระออกมาก็ไม่รู้สึกตัว จนต้องพาท่านเข้าโรงพยาบาล ต่อมาหมอก็วินิจฉัยเพิ่มว่าเป็นโรคหัวใจโตและไตวาย หลังจากนั้น ๑ สัปดาห์ อาการก็แย่ลงอย่างเฉียบพลันอีก คือ ปวดท้องต่อเนื่องยาวนานอย่างรุนแรง จนมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ที่ทางการแพทย์เรียกว่า biliary colid ยาก็กินไม่ได้ น้ำก็ดื่มไม่ได้ ปัสสาวะ อุจจาระเองก็ไม่ได้ ต้องใส่สายไว้ตลอดเวลา ซ้ำร้าย แม่ยังพยายามดึงสายนั้นออก อีกทั้งยัง เพ้อแบบ ไม่ได้สติ ซึ่งอาการนี้ทำให้หมอตรวจพบว่าแม่เป็นถุงน้ำดีอุดตัน ต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วน แต่เนื่องจากสภาพร่างกายอ่อนแอมาก อายุก็มาก หมอบอกว่าให้ทำใจเพราะโอกาสรอดน้อยมาก ตอนนั้นญาติพี่น้องทุกคนต่างกำลังเศร้าโศกเสียใจ พยายามทำใจให้ยอมรับกับการที่แม่อาจจะต้องจากไป แต่เรากลับตัดสินใจเอาเงินที่เรากู้มา ๑๐๐,๐๐๐ บาท ที่เอาไว้มาเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงนั้น แบ่งมาทำบุญสร้างพระให้แม่ทันที ๑๕,๐๐๐ บาท และบอกให้แม่นึกถึงบุญในการสร้างพระ หลายคนอาจจะคิดว่า เราโอเว่อร์ หรือทำอะไรเกินตัว ทั้งที่แม่ก็ป่วย เงินก็ไม่มี แต่ขณะนั้นคิดว่า แม้เราจะไม่มีเงิน ครอบครัวก็ยังไม่พร้อม แต่นี่เป็นการทำบุญครั้งสุดท้ายให้แม่ที่เรารักที่สุด อย่างน้อยหากท่านจากเราไป จะได้มีบุญติดตัว ซึ่งตั้งแต่ แม่เกิดมาจนอายุปูนนี้ ก็ไม่เคยสร้างพระประจำตัวจารึกชื่อให้ตัวเองเลย ซึ่งก็แปลกมาก หลังจากที่ตัดสินใจทำบุญไป ก็เกิดเหตุอัศจรรย์จนเราและคนในครอบครัวเราเองต่างก็ทึ่งไปตาม ๆ กัน คือ หลังจากที่แม่ผ่าตัด ต้องอยู่ในห้อง ICU มีสายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด ไม่สามารถขับถ่ายเองได้ ไม่สามารถหายใจเองได้ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา จากสภาพที่แย่มากขนาดนี้ หลังจากที่สร้างพระไปไม่กี่วัน อาการก็เริ่มดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา จนกระทั่งร้อยเอกเรืองเดชและ ครูดา สงอินทร์ มาเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล เอาองค์พระที่เป็นของที่ระลึกจากการสร้างพระมาให้ พอแม่ได้เห็นก็ดีใจ พูดขึ้นมาว่า แม่ฝันเห็นเจดีย์ใหญ่ ที่มีองค์พระเยอะแยะเต็มไปหมด จากนั้นก็เห็นพระภิกษุ ๔ รูป ท่านตามมาคุ้มครองแม่ไว้ ทำให้ทุกคนทึ่งมากกับความฝันที่แม่เล่า เพราะตั้งแต่แม่เกิดมาก็ยังไม่เคยได้มาเห็นมหาธรรมกายเจดีย์เลย แต่ในฝันแม่เห็นได้อย่างไร และนับแต่บัดนั้น...อาการของแม่ก็ดีวันดีคืนขึ้นเป็นอัศจรรย์ มีความแข็งแรงเป็นปกติมาจนถึงทุกวันนี้

 





          ..ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ครอบครัวเราเชื่อมั่นในบุญ เพราะเห็นผลบุญจากการสร้างพระ ซึ่งเป็นบุญใหญ่ที่มีอานิสงส์มากจริง ๆ นอกจากแม่จะรอดชีวิตแล้ว ยังทำให้ชีวิตเราดีขึ้นมาโดยตลอด มีเงินใช้หนี้ที่กู้มาจนหมด อีกทั้งยังทำให้ญาติพี่น้อง สามี และลูก ๆ ทุกคนในครอบครัวเข้าใจในเส้นทางบุญ มีชีวิตที่ดีขึ้นในทุกด้าน ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะเป็นสิ่งที่เราสัมผัสได้กับครอบครัวตัวเอง และโอกาสสุดท้ายที่อยากจะฝากไว้ คือ อีกไม่กี่วันนี้ ก็จะถึงวันที่จะหล่อองค์พระเป็นครั้งสุดท้าย วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓ นี้ ถ้าใครยังไม่มีองค์พระก็ให้รีบมา สร้าง ก่อนที่องค์พระบนเจดีย์จะหมดไปจริง ๆ ...

 


 

หลังจากที่ตัดสินใจทำบุญไปก็เหตุอัศจรรย์ จนเราและคนในครอบครัวเราเองต่างก็ทึ่งไปตาม ๆ กัน

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล