ฉบับที่ 42 เมษายน ปี 2549

ปลื้มสุดแสน หล่อพระแสนองค์

 

 

          พระพุทธเจ้าทั้งหลายมีอานุภาพเป็นอจินไตย บุญที่เกิดจากการสักการบูชาท่าน จึงมีมากมายเป็นอจินไตย คือไม่สามารถคำนวณได้ว่า บุญนี้มีประมาณเท่าใด และถึงแม้ว่าพระพุทธองค์จะทรงพระชนม์ชีพอยู่ หรือดับขันธปรินิพพานไปนานแล้วก็ตาม หากเรามีจิตเลื่อมใสชนิดเป็นอจลสัทธา คือมีศรัทธาตั้งมั่นอย่างไม่คลอนแคลน อานิสงส์ที่เกิดขึ้นก็ได้เท่ากัน คือไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน เพราะฉะนั้น ตั้งแต่โบราณกาลมา บรรพบุรุษทั้งหลายจึงได้นิยมก่อสร้างเจดีย์ พระสถูปบ้าง หรือปั้นองค์พระปฏิมา เพื่อเป็นเครื่องรำลึกนึกถึงพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณและพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย อันจะเป็นมหานิสงส์ที่จะทำให้ผู้สร้าง ได้เข้าถึงมนุษย์สมบัติและสวรรค์สมบัติไปทุกภพทุกชาติ ไม่พลัดไปเกิดในอบาย เมื่อบุญเต็มเปี่ยมก็ได้นิพพานสมบัติ คือหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์

 

 


            การปรารภเหตุพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วหาโอกาสสั่งสมบุญนั้น นับว่าเป็นการดำเนิน ตามแบบอย่างของบัณฑิตทั้งหลายในปางก่อน เหมือนดังเรื่องของนักบวชนอกศาสนาท่านหนึ่ง ชื่อเทวละ เป็นดาบสที่เคร่งครัดในการบำเพ็ญตบะ จนได้อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ท่านเป็นผู้มีอานุภาพมาก สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ มีลูกศิษย์ ๘๔,๐๐๐ คน คอยอุปัฏฐากรับใช้ทุกอย่าง มีที่จงกรมที่อมนุษย์เนรมิตไว้ให้ อาศัยอยู่ที่ภูเขาหิมพานต์

        วันหนึ่งเทวลดาบสได้ระลึกชาติได้ไปดูว่า ในโลกนี้มีใครที่เป็นผู้วิเศษ หรือมีอานุภาพมากว่าท่านบ้างไหม ก็พบว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้เลิศที่สุด ประเสริฐที่สุด จึงคิดจะสร้างบุญใหญ่ ด้วยการก่อเจดีย์ทรายเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา จากนั้นได้รวบรวมดอกไม้นานาชนิดมาบูชาพระเจดีย์ ทำจิตให้เลื่อมใสในพระเจดีย์และระลึกถึงพระพุทธคุณ เมื่อจิตใจเบิกบานผ่องใสดีแล้ว ก็กลับเข้าไปสู่อาศรม ส่วนศิษย์ทั้งหมดสงสัย ในกิริยาที่อาจารย์ทำความนอบน้อมในเจดีย์ทรายนั้น จึงพากันซักถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ท่านจึงถือโอกาสเล่าสิ่งที่ได้กระทำให้ลูกศิษย์ฟัง

           ลูกศิษย์ทั้งหลายต่างแปลกใจไปตามๆ กัน คิดว่าอาจารย์เป็นใหญ่ที่สุด แล้วทำไมจึงต้องก่อสถูปเจดีย์ขึ้นมากราบไหว้อีก อาจารย์ตอบให้หายสงสัยว่า "พวกท่านพูดอะไรอย่างนั้น พวกท่านเอาเราไปเปรียบกับพระสัพพัญญูพุทธเจ้า ก็เหมือนนำเมล็ดพันธุ์ผักกาดไปเทียบกับเขาพระสุเมรที่สูง ๖๘๐,๐๐๐ โยชน์ พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นบรมครูของมนุษย์และเทวาทั้งหลาย เรานมัสการพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ประเสริฐพระองค์นั้น"

 

 

 

 

      ลูกศิษย์ของดาบสก็ถามอีกว่า "พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีศีลมีวัตรเป็นอย่างไร ควรแก่การสักการบูชาอย่างไร" ดาบสจึงกล่าวสรรเสริญพุทธคุณว่า "พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นผู้เลิศในโลก ทรงสมบูรณ์ด้วยลักษณะ ๓๒ ประการ พร้อมด้วยอนุพยัญชนะ ๘๐ ครบถ้วนบริบูรณ์ เวลาเสด็จดำเนินไป ก็ไม่มีพระอาการรีบร้อน ทรงก้าวพระบาทเบื้องขวาก่อน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใดๆ เปรียบเสมือนพญาราชสีห์เป็นใหญ่ในสัตว์ เมื่อพระพุทธองค์เสด็จอุบัติขึ้น ก็ทรงยังโลกนี้ให้สว่างไสวด้วยแสงแห่งธรรม ให้สรรพสัตว์ผู้มีบุญ ได้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดทั่วทั้งไตรภพ พระองค์เป็นผู้ประเสริฐสุด ไม่มีใครเสมอเหมือน มีพระคุณหาประมาณมิได้" บรรดาลูกศิษย์ได้ฟังแล้ว ก็บังเกิดความเลื่อมใสในพระคุณของพระพุทธเจ้า พากันทำสักการบูชาพระเจดีย์ทรายทั้งเช้าและเย็น
          ในเวลานั้น พระโพธิสัตว์ซึ่งเป็นเทพบุตรผู้มีอานุภาพ ได้จุติจากชั้นดุสิต มาบังเกิดในครรภ์ของพระมารดา หมื่นโลกธาตุหวั่นไหวสะเทือนเลื่อนลั่นไปหมด ดาบสทั้งหลายจึงซักถามอาจารย์ ถึงสาเหตุของแผ่นดินไหว ดาบสอาจารย์ผู้มีฌานสมาบัติ ก็ตอบว่า "พระโพธิสัตว์ผู้จะมาตรัสรู้ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น บัดนี้ได้เสด็จลงสู่ครรภ์ของพระมารดาแล้ว เป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย เมื่อลงสู่พระครรภ์ย่อมบังเกิดแผ่นดินไหว" ดาบสอาจารย์รู้ว่าตัวเองใกล้จะสิ้นอายุขัยแล้ว ก็ได้นั่งสมาธิยึดเอาพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ท่านหมดอายุขัยในท่านั่ง ได้ไปบังเกิดในเทวโลก
          พวกลูกศิษย์ได้พร้อมใจกัน ทำฌาปนกิจสรีระของดาบสอาจารย์ ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ในขณะที่ศิษย์เหล่านั้นกำลังพร่ำพิไรรำพันอยู่ เทวลเทพบุตรได้มาปรากฏอยู่ที่เชิงตะกอน ให้โอวาทลูกศิษย์ว่า "ท่านทั้งหลายอย่าได้เศร้าโศกไปเลย จงยึดเอาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งเถิด อย่าได้เป็นผู้เกียจคร้าน จงยังประโยชน์ของตนให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาททั้งกลางวันและกลางคืน พึงเร่งทำความเพียรเถิด เพราะความโศกเศร้าเสียใจนั้นไม่ได้ช่วยให้เกิดประโยชน์อะไร"

 

 

         เมื่ออาจารย์ให้โอวาทแล้ว ก็กลับไปเสวยสุขอยู่ในเทวโลกถึง ๑๘ กัป แล้วมาเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิอีก ๕๐๐ ครั้ง เป็นพระราชามหากษัตริย์ และเป็นเศรษฐีอีกนับครั้งไม่ถ้วน ท่านท่องเที่ยวอยู่ในมนุษยโลกและเทวโลกสองภูมิเท่านั้น ไม่เคยไปสู่ทุคติเลย ในชาติสุดท้ายก็ได้ออกบวชเป็นพระ ท่านบำเพ็ญสมณธรรมได้ไม่นานก็ได้เข้าถึงความเต็มเปี่ยมของชีวิต สำเร็จเป็นพระอรหันต์ผู้สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ

 

 

 

 

 

 

        เราจะเห็นได้ว่า อานิสงส์เพียงแค่ก่อเจดีย์ทรายขนาดเล็ดๆ ด้วยความเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังได้บุญใหญ่ถึงขนาดนี้ ส่วนพวกเราได้สร้างปูชนียวัตถุในพระพุทธศาสนา ได้หล่อองค์พระธรรมกายเพื่อประดิษฐานไว้ ณ มหาธรรมกายเจดีย์ ซึ่งคงทนยาวนานนับพันปี จะได้บุญมากมายมหาศาลขนาดไหน เพราะไม่ใช่สร้างไว้บูชาเพื่อคนเดียว ร้อยคนหรือหมื่นคน แต่เพื่อให้มนุษยชาตินับล้านคนได้มากราบไหว้บูชา นับว่าเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่ต่อตัวเรา ต่อมวลมนุษยชาติ และสรรพสัตว์ที่จะมาสักการะบูชา มาเข้าถึงพระธรรมกายภายใน ซึ่งเป็นทางมาแห่งบุญล้วนๆ

       ท่านพุทธศาสนิกชนผู้ใจบุญทั้งหลาย... ในโลกยุคปัจจุบัน ได้มีกลุ่มชนหลายองค์กร ที่ออกมารณรงค์ให้โลกเกิดสันติภาพ เกิดการก่อตั้งองค์กร ที่ทำงานเพื่อสันติภาพโลกมากมาย จะมีหมู่คณะใดเล่า... ที่รณรงค์ให้โลกเกิดสันติภาพ อย่างเห็นเป็นรูปธรรม

           จะมีหมู่คณะใดที่... ทุ่มเทสร้างปูชนียวัตถุ คือองค์พระธรรมกายจำนวนล้านองค์ เพื่อยกใจผู้มาสักการะได้เข้าถึงพระภายใน
          ... สร้างปูชนียสถานคือมหาธรรมกายเจดีย์ มหารัตนวิหารคด เพื่อรองรับการมาเข้าถึงสันติสุขภายใน จากมหาชนทั่วทุกมุมโลก
          ....สร้างอริยสถาน เพื่อปูทางให้ผู้มาเยือน ได้รู้จักเส้นทางไปสู่สวรรค์นิพพาน

          มีเพียงหมู่คณะนี้เท่านั้น ที่มุ่งมั่นเพื่อให้โลกเกิดสันติภาพอย่างแท้จริง ทุ่มเทกำลังทรัพย์ กำลังศรัทธาและสติปัญญาทุกอย่าง อีกทั้งได้ดำรงตนเป็นต้นแบบที่ดีให้กับชาวโลก ด้วยการยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ

       เพราะฉะนั้น ให้เราปลื้มปีติใจเถิดว่า เราคือต้นบุญและต้นแบบที่ดีของโลก เรากำลังจะได้มาหล่อพระ ได้มาทำในสิ่งที่ถูกต้องดีงามมีคุณค่าอย่างยิ่ง เป็นประโยชน์อย่างมหาศาลต่อโลกและจักรวาล การหล่อพระธรรมกายจำนวนหลายแสนองค์นั้น เป็นสิ่งที่บังเกิดขึ้นได้ยากอย่างยิ่ง บางคนเกิดมาทั้งชีวิตยังไม่มีสิทธิ์ได้สร้างบุญพิเศษนี้เลย ขอให้เรานึกถึงบุญอย่างนี้อยู่เสมอๆ บุญจะติดอยู่ในกลางตัวของเราไปทุกภพทุกชาติ จะเป็นที่รวมของสมบัติทั้งหลาย ทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผลนิพพาน

         ท่านผู้มีบุญทั้งหลาย... ครูไม่ใหญ่ได้เมตตาพร่ำสอนเราเสมอว่า ผังจนทุกไม่ควรมี เพราะเราเกิดมาสร้างบารมี ต้องเป็นมหาเศรษฐีกันทุกคนŽ เพราะฉะนั้น ๒๒ เมษายนนี้ คือวันนี้ดีเดย์ วันดีที่เรา...
          ...จะมานั่งสมาธิเจริญภาวนา ทำใจให้ผ่องใส เป็นต้นแบบแห่งการสร้างสันติภาพโลกอย่างแท้จริง
          ...มาถวายมหาสังฆทานแด่ภิกษุสงฆ์ที่จากทั่วประเทศหลายหมื่นองค์
          ...มาสั่งสมบุญเพื่อรื้อผังจน และใส่ผังรวยถาวรเข้าไปแทน ให้เป็นนักสร้างบารมีพันธุ์รื้อวัฏฏะที่หล่อ รวย สวย ฉลาด สมปรารถนาไปทุกชาติ
          ...มาหล่อองค์พระธรรมกายประจำตัว ๑ แสนองค์ เพื่อมุ่งตรงสู่ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์โดยถ้วนหน้ากัน...

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล