ฉบับที่ 76 กุมภาพันธ์ ปี 2552

พยาบาลวิชาชีพจากสหรัฐอเมริกา กับ ยาวิเศษของชีวิต

สมาธิเปลี่ยนชีวิต
เรื่อง : Son Backhome   e-mail : [email protected]

 

 

 

 

      ตามหลักของการรักษาพยาบาลแล้ว การเจ็บไข้ จำเป็นต้องได้รับการเยียวยา ซึ่งการเยียวยานั้น จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยโรคเป็นอย่างดีโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงจะสามารถจ่ายยาได้ถูกโรค รักษาได้ถูกอาการ ถ้าให้ยาไม่ถูกโรคนอกจากโรคภัย ไม่ทุเลาลงแล้วยังเป็นการก่อโรคชนิดใหม่กับคนไข้ด้วย แล้วอาการเจ็บไข้ของชีวิต ต้องใช้ยาชนิดใดในการรักษา..

          เรื่องของ คุณวัฒนา สุขเสริม พยาบาลวิชาชีพวัย ๕๒ ปี จากโรงพยาบาล Grady Atlanta (เกรดี แอตแลนต้า) รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา มีคำตอบให้กับปัญหานี้

            คุณวัฒนา สุขเสริม ได้เล่าถึงชีวิตของตนให้ฟังว่า "ชีวิตในวัยเด็กของดิฉันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หนักไปในทางลุ่มๆ ดอนๆ เป็นส่วนมาก เหมือนคน ที่มีอาการป่วยกระเสาะกระแสะ จนกระทั่งแม้จะเรียน จบจากโรงเรียนพยาบาลทหารบก เส้นทางการเป็นพยาบาลก็ยังคงเต็มไปด้วยอุปสรรค ราวกับว่า มีใคร จงใจสร้างอุปสรรคขวากหนามให้เกิดมาเป็นคู่แฝดกัน แล้ววันหนึ่งในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ดิฉันก็มีโอกาสไปบวช ชีพราหมณ์ ได้นั่งสมาธิตลอด ๗ วัน ได้ฟังเทศน์จาก สามเณรองค์น้อยจนเกิดความเลื่อมใส ตั้งแต่นั้นมาจึงสนใจการนั่งสมาธิและการทำบุญเป็นอย่างมาก ไปอยู่ธุดงค์ทุกวันพระ อัศจรรย์ค่ะ หลังจากที่ได้ไป นั่งสมาธิ ทำบุญอย่างสม่ำเสมอ ทำให้อุปสรรคแวะเวียนมาหาน้อยลง เปิดทางให้หน้าที่การงานของ ดิฉันเจริญก้าวหน้าขึ้น"

           นับแต่นั้นมาเธอจึงหมั่นนั่งสมาธิมาโดยตลอด ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมะ และประวัติของพระผู้สำเร็จ อยากรู้ว่าท่านมีอภินิหารอย่างไร และอยากรู้ด้วยว่า ความสุขที่แท้จริงเป็นอย่างไร ระลึกชาติได้จริงหรือไม่ สามารถติดต่อโลกวิญญาณ ได้จริงหรือ แต่เธอก็ยังไม่พบคำตอบ จนที่สุดในปี พ.ศ. ๒๕๓๒ เธอได้ตัดสินใจไปทำงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยมีสิ่งที่เรียกว่า "อุปสรรค" ติดตามไปด้วยอย่างที่ไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ทิ้งการนั่งสมาธิ

         "หลังจากที่ตั้งใจจะไปเริ่มต้นชีวิตที่อเมริกา ดิฉันต้องใช้เวลาถึง ๕ ปี จึงสอบผ่านได้ใบประกอบ โรคศิลป์มาใช้ทำงาน จนได้ทำงานที่โรงพยาบาล Grady Atlanta แผนก ICU ในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ จนถึงปัจจุบัน"

         ตลอดชีวิตการทำงานของเธอต้องคลุกคลีอยู่กับคนไข้หนัก เห็นการจากไปของคนไข้บ่อยๆ มีคำถามที่เฝ้าวนเวียนอยู่ในใจว่า คนเราเกิดมาทำไม เพียงแค่หาความสุขไปวันๆ เท่านั้นหรือ แล้วทำไมความตาย มีรูปแบบที่ไม่เหมือนกัน คำถามเกิดขึ้นไม่สิ้นสุดและจบลงโดยไม่มีคำตอบ จนกลายเป็นความรู้สึกปลงสังเวช "ไม่มีใครหนีพ้นความตายไปได้"

 

 

           และแล้วในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ดวงตะวันแห่งคำตอบก็ฉายแสงแจ่มจ้า ความสงสัยต่างๆ ของเธอก็เดินทางมาถึงจุดจบ

          "เมื่อดิฉันได้รับจดหมายจากวัดภาวนาจอร์เจีย เกี่ยวกับการติดตั้งจานดาวธรรมจึงสนใจมาก ขอให้มาติดตั้งทันที เพราะสมัยก่อน ดิฉันเคยมา วัดพระธรรมกายครั้งหนึ่ง ตอนยังเป็นสภาหลังคาจาก อยู่ คำสอนของหลวงพ่อเข้าใจง่าย ช่วยทำให้คำถาม ต่างๆ ที่ค้างคาใจมานานหายไป ทุกวันนี้ได้คำตอบ ที่กระจ่างแจ้งแล้วว่า "คนเราเกิดมาเพื่อสร้างบารมี" แล้วก็เปลี่ยนวิธีนั่งสมาธิจากเดิมที่เคยกำหนด ลมหายใจ มาเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด คือ "การกำหนดใจ" ให้หยุดนิ่งๆ ที่ศูนย์กลางกาย วิธีนี้ทำให้หยุดนิ่งได้เร็วขึ้น และรู้สึกสบาย ไม่ปวดเมื่อย

          ดิฉันมักใช้เวลาในวันหยุดงาน นั่งสมาธิ ๒ ครั้ง ครั้งละประมาณ ๑ ชั่วโมง ทำเช่นนี้เสมอ ติดต่อกัน มานานเป็นระยะเวลาถึง ๘ ปี จนคืนหนึ่งในเดือนมกราคม ๒๕๕๑ เมื่อตื่นขึ้นมานั่งสมาธิเป็นปกติตอนตี ๒ หลังจากบูชาพระรัตนตรัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำหนดดวงแก้วอยู่ที่ศูนย์กลางกาย ดิฉันก็จะภาวนา "สัมมา อะระหัง" และแผ่เมตตา ตอนนั้นดิฉันรู้สึกสบายและนิ่ง ภายในตัวมีแต่ความสว่างจ้า นุ่มนวล เมื่อมองนิ่งๆ ไปที่แสงสว่าง แสงนั้นก็รวมตัวกันเป็นท่อใสเล็กๆ แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองไหลลงไป ในท่อเล็กอย่างรวดเร็วแต่นุ่มนวล เมื่อตัวดิฉันไหลหลุดจากท่อ ใจก็หยุดกึกทันที แต่นิ่งและนุ่มนวลเหมือนเดิม แล้วก็มีความรู้สึกว่าตัวเอง เป็นอากาศ มีจุดแสงเล็กๆ นับประมาณไม่ได้อยู่เต็มไปหมด เมื่อมองลงไปท่ามกลางจุดแสงเหล่านั้น ดิฉันก็เห็นองค์พระแก้วใสผุดซ้อนกันอยู่ ถึงแม้จะชิดกันมากแต่ก็สามารถเห็นลายเส้นที่ซ้อนกันอยู่ได้ทุกด้าน เหมือนภาพสามมิติ จึงเข้าใจอย่างถ่องแท้กับคำว่า "หยุดในหยุด นิ่งในนิ่ง ใสในใส" มีความสุขมากๆ"

           แล้วเธอก็ได้ดื่มด่ำความสุขที่แท้จริงอันไม่มีขอบเขต เหมือนหยดน้ำที่หยดลงในมหาสมุทร ก่อเกิดเป็นคลื่นเล็กๆ ที่ไม่มีฝั่งให้กระทบ น้ำตา แห่งความปลื้มปีติก็ค่อยๆ ไหลออกมา ด้วยระลึกถึงพระคุณอันไม่มีประมาณขององค์พระสัมมา สัมพุทธเจ้า และมหาปูชนียาจารย์ ช่วงเวลานั้นเธอเองรู้สึกว่า เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แม้เวลาจริง จะผ่านไปตั้ง ๒ ชั่วโมงแล้วก็ตาม จากประสบการณ์ ในวันนั้นจึงทำให้เธอนั่งสมาธิมากขึ้นและบ่อยขึ้น พยายามฝึกวางใจ อยู่ที่ศูนย์กลางกายตลอดเวลา ด้วยการตรึกระลึกนึกถึงองค์พระไม่ว่าจะหลับตา ลืมตา นั่งนอนยืน เดิน อย่างแน่วแน่

         จากการนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอดังกล่าว ทำให้พยาบาลวิชาชีพอย่างเธอทราบว่า สมาธิคือ ยาวิเศษของชีวิต ยารักษาโรคบางชนิดสามารถรักษาความเจ็บป่วยได้เพียงบางโรคเท่านั้น ไม่มียาขนานใดเลยที่จะรักษาโรคได้ทุกโรค แต่ยาที่มีชื่อว่า "สมาธิ" กลับเป็นยาวิเศษที่รักษาโรคได้ครอบจักรวาล เยียวยาได้ทั้งอาการเจ็บไข้ทางกายและทางใจของ ผู้คนได้ด้วย

           "การนั่งสมาธินอกจากจะทำให้ดิฉันหน้าตา ผิวพรรณผ่องใส หลับง่าย ฝันดี ไม่ปวดหัว ไม่เบื่ออาหาร ยิ้มแย้มแจ่มใสแล้ว สมาธิยังมีผลดีกับชีวิต จิตใจ และหน้าที่การงานของดิฉันมากๆ จากที่เคย เป็นคนอารมณ์ร้อน หุนหันพลันแล่น ก็อารมณ์เย็น ขึ้น จิตใจอยู่ในความสงบตลอดเวลา ไม่ว่าปัญหาจะหนักหนาสาหัสเพียงไร ใจก็ยังสงบและคิดอย่างมีเหตุผล สามารถแก้ป้ญหาได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน เวลาอยู่ในที่ทำงาน ดิฉันก็จะได้รับความเมตตา รักใคร่จากเจ้านายและผู้ร่วมงานอยู่เสมอ และไม่ว่า จะเป็นพยาบาลหรือหมอฝึกงานทั้งใหม่และเก่า เมื่อมีปัญหาอะไร จะตรงรี่มาถามดิฉันก่อน ทั้งๆ ที่มีคนอื่นให้ถามตั้งเยอะตั้งแยะ จนดิฉันอดแปลกใจไม่ได้ 

          ที่สำคัญ..สมาธิยังช่วยให้ดิฉันทำงานได้อย่างมีสติมากขึ้น ในช่วงที่คนไข้หัวใจหยุดเต้น หรือหยุดหายใจ ซึ่งพวกเราเรียกกันว่าเหตุการณ์ "โค้ด บลู" (Code Blue) ทุกครั้งที่มี "โค้ด บลู" รอบเตียง คนไข้จะเต็มไปด้วยแพทย์ พยาบาล วิสัญญีแพทย์ เภสัชกร พนักงานสมรรถภาพ อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือ x-ray เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ รายล้อมอยู่รอบเตียงจนแทบจะมองไม่เห็นคนไข้ ซึ่งในช่วงเวลานั้น แต่ละคนต่างก็จะตะโกนใส่กัน แต่ตัวดิฉันหลังจากที่ได้ฝึกสมาธิแล้ว ก็สามารถยืนเงียบจดบันทึกได้อย่างมีสติ ว่าให้อะไรคนไข้ไปบ้าง จำนวนเท่าใด ระยะเวลาเท่าไร ด้วยความสงบ ไม่สับสน ไม่สติแตก ทำให้ระดับการช่วยเหลือคนไข้ทั้งก่อน หลัง ในช่วงวินาทีของความเป็นความตาย เป็นไปอย่างราบรื่น"

            เมื่อเรามิอาจหลีกหนีความเจ็บไข้ของชีวิตได้พ้น ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องรู้จักวิธีการเยียวยารักษา และยาวิเศษที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่า รักษาความป่วยไข้ของชีวิตได้จริงคือ "สมาธิ" จึงจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่เราต้องรีบนั่งสมาธิ เพื่อรักษาอาการป่วยไข้ทั้งปวงไม่ให้เรื้อรังจนยากเยียวยา

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล