ฉบับที่ 47 กันยายน ปี 2549

หนูน้อย DMC เกิดมาเพื่อสร้างบารมีโดยเฉพาะ เด็กชายสหัสชัย ไว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

          ฟ้าหมาดแสงมานานแล้ว ดวงไฟยามค่ำคืนสว่างไสวไปทั้งเกาะฮ่องกง ตั้งแต่ตึกสูงระฟ้า เรื่อยมาถึงดวงไฟริมถนน ตลาดกลางคืนเริ่มคึกคักจอแจขึ้นตามลำดับ บางจังหวะทำทีว่าจะคึกคักกว่าเมื่อช่วงวันที่ผ่านมาด้วยซ้ำ นิยามของคำว่า กลางคืนเป็นควัน กลางวันเป็นไฟ คงจะไม่ผิดนักสำหรับชีวิตของคนที่นี่ เช่นเดียวกับคุณไอวี แชน คุณแม่วัยสาวนักธุรกิจชาวฮ่องกง ที่ยังสาละวนอยู่กับการค้าขาย ลูกชายคนแรกของเธออายุ ๓ ขวบแล้ว เวลาที่จะให้ลูกน้อยอาจจะมีไม่มากนัก แม้เธอจะคิดถึงลูกชาย สุดที่รักจับใจ แต่ภารกิจในค่ำคืนนี้ เห็นทีจะยังไม่เสร็จลงง่ายๆ

        ที่บ้านหลังน้อยย่าน คอสเวย์เบย์ (Causeway Bay) บนเกาะฮ่องกง เด็กชายสหัสชัย อยู่กับพี่เลี้ยงคนไทย ที่ดูแลสหัสชัยเป“นอย่างดีราวกับสหัสชัย เป็นลูกชายของเธอเอง เธอคือพี่เลี้ยงที่คุณแม่ไอวี เลือกสรรเพื่อที่จะมาดูแลลูกชายสุดรักของเธอ ในขณะที่เธอต้องทำงานหาเลี้ยงชีวิต และปูพื้นฐานอนาคตให้กับลูกน้อย นอกจากเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแล เอาใจใส่ด้านความเป็นอยู่แล้ว ยังเป็นครูที่สอนทั้งภาษาไทย และวัฒนธรรมต่างๆ ให้อีกด้วย จึงไม่แปลกใจเลยที่หนูน้อยจะพูดไทยชัดแจ๋ว แทบจับสำเนียงไม่ได้เลยว่า เด็กชายคนนี้เป็นชาวฮ่องกงโดยแท้

             ค่ำคืนนี้ยังคงเป็นเช่นปกติ เด็กชายสหัสชัยรีบอาบน้ำอาบท่า และมานั่งตาแป๋วอยู่หน้าจอทีวี สวดมนต์ทำวัตรเย็นและสวดสรรเสริญคุณยายอาจารย์ไปพร้อมๆ กับ DMC ฟังหลวงพ่ออย่างตั้งอกตั้งใจ ราวกับจะซึบซับทุกถ้อยคำของท่าน มิให้ตกหล่น พอ ๒ ทุ่ม สหัสชัยก็เข้านอน เพราะเขาเคยจำที่หลวงพ่อ เคยบอกเด็กๆ ผ่าน DMC ได้ว่า ถ้าเข็มสั้นชี้ไปที่เลข ๘ เข็มยาวชี้ไปที่เลข ๑๒ เด็กๆ ควรเข้านอนได้แล้ว ดังนั้นสหัสชัยจึงรีบเข้านอน แต่ทีวียังคงเปิดอยู่ เขาจึงเงยศีรษะขึ้น หันหน้าไปทางทีวีแล้วพูดว่า "หลวงพ่อครับ อาชัยนอนแล้วนะ หลวงพ่อยังไม่นอนอีกเหรอ หลวงพ่อท่านจะเหนื่อยมั้ยนะ"เป็นเสียงรำพึงจากดวงใจใสๆ ของ เด็กน้อยถึงหลวงพ่อที่เขาผูกพัน ทุกเมื่อเชื่อวัน เขายังคงเห็นหลวงพ่อพร่ำสอนลูกๆ ทั่วโลกอย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย และคืนนี้คุณแม่ไอวีกลับดึก สหัสชัยจึงไม่ได้กราบเท้าคุณแม่เช่นค่ำคืนที่ผ่านมา เขาจึงนำรูปของคุณแม่มาวางไว้ที่หัวเตียง พร้อมกับกราบลงไปที่รูปใบนั้น

 

 

     ย้อนกลับไปก่อนที่ไอวีจะให้กำเนิดบุตรชายคนนี้ เธอเล่าว่า "ก่อนที่สหัสชัยจะเกิด ฉันได้มาวัดพระธรรมกายครั้งแรก เมื่อปี ๒๕๔๒ จากการแนะนำของกัลยาณมิตร แตงโม ครั้งนั้นเป็นวันอาทิตย์ต้นเดือนตุลาคม ซึ่งมีคนเยอะมาก หลวงพ่อกำลังสอนนั่งสมาธิ อยู่ที่สภาธรรมกายสากล ฉันไม่เข้าใจภาษาไทย แตงโมจึงบอกฉัน เกี่ยวกับศูนย์กลางกาย และให้ฉันทำใจ สบายๆ เบาๆ ฉันจึงไม่คิดอะไรเลย เพียงหลับตา แล้วฉันก็รู้สึกถึงสายลมพัดมาอ่อนๆ ได้ยินเสียงนกร้อง ฉันรู้สึกผ่อนคลายและสบายมากค่ะ สักพักหนึ่ง ฉันก็รู้สึกถึงความสว่าง แล้วก็รู้ สึกเหมือนตัวเองกำลังผ่านหลุมหรืออุโมงค์ ที่มีความสว่างมากๆ ตรงปลายอุโมงค์มีจุดเล็กๆ คล้ายๆ ดวงดาว ตรงวินาทีนั้น น้ำตาก็ไหลออกมา เพราะฉันไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อนในชีวิต ความสุขสงบเช่นนี้ไม่อาจหาซื้อได้ด้วยเงินทอง วันนั้นฉันรู้สึกปลื้มปีติมาก น้ำตาจึงไหลออกมา แม้กลับฮ่องกงแล้วฉันก็ยังคงปฏิบัติธรรมเสมอๆ

            จนกระทั่งเมื่อปี ๒๕๔๖ ฉันก็ได้ตั้งท้องสหัสชัย ตอนที่ฉันตั้งท้องได้ ๓ เดือน ฉันมาอยู่ที่เมืองไทย ๑ เดือนเต็มๆ ใช้ชีวิตอยู่กับการทำบุญ ทั้งทำบุญที่ดิน ทำบุญปล่อยสัตว์ปล่อยปลา ทำทุกบุญเลย ฉันไม่สามารถหยุดทำบุญหรือบริจาคทานได้เลย และเมื่อแรกเกิด สหัสชัยมีสุขภาพแข็งแรงมากๆ มีผิวดีและอ้วนมาก เป็นเด็กเลี้ยงง่าย"

 

 

 

     ไอวี แชน เข้าใจถึงสภาพสังคมของฮ่องกงเป็นอย่างดี เพราะเป็นเขตการค้าเสรี นอกจากทุกคนจะแข่งขันด้านการค้า การทำมาหากินต่างๆ แล้ว วัฒนธรรมที่ไม่เหมาะสมต่างๆ อาจหลากเข้ามาด้วย โดยเฉพาะทางสื่อวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งสามารถ ที่จะเป็นจุดหล่อหลอมเด็กๆ ในทางอ้อมได้ และช่องทีวีที่เธอวางใจนั่นก็คือ DMC "ตั้งแต่สหัสชัยเกิด จนตอนนี้อายุ ๓ ขวบ ๒ เดือน ฉันไม่เคยให้เค้าดูทีวีของฮ่องกงช่องไหนเลย เพราะว่ารายการทีวีที่ฮ่องกง นั้นเป็นสื่อที่ไม่ดีนัก พวกเค้ามักสอนเด็กๆ เรื่องความรัก ชู้สาว การต่อสู้และเรื่องไม่ดีต่างๆ ฉันให้ดูแต่ DMC ช่องนี้ช่องเดียวเท่านั้น สหัสชัยฟังภาษาไทยจากการดู DMC และหลวงพ่อตั้งแต่เกิด และเขาไปศูนย์สาขาวัดที่ฮ่องกงเป็นประจำ สิ่งที่สร้างความมหัศจรรย์ใจแก่ฉันมากๆ ก็คือ เค้าเป็นเด็กฉลาดและเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เร็วมาก พออายุ ๒ ขวบกว่าๆ หลังจากเริ่มพูดได้ เขาตื่นแต่เช้าเพื่อสวดมนต์ทำวัตรเช้า ตามเสียงสวดมนต์ใน DMC พอตกกลางคืน ก็จะสวดมนต์และทำสมาธิก่อนนอน เค้าเรียนรู้ทุกอย่างจากช่อง DMC ทั้งเวลาพูดเขาจะพูดเพราะมากๆ เขาติดภาษาที่ไพเราะนี้มาจากการฟังครูไม่ใหญ่ ถ้อยคำของเขาไม่มีคำหยาบคาย เลย เช่นมีอยู่ครั้งหนึ่งสหัสชัยอยู่กับเพื่อนของดิฉันที่ชื่อแตงโม ซึ่งเธอจะช่วยดูแลสหัสชัย มาตั้งแต่เล็กๆ จนสหัสชัยเรียกว่า "แม่ฟ้า" วันนั้นแตงโมกำลังสนทนาอยู่กับหลวงพี่รูปหนึ่ง สหัสชัยก็ซนจึงโดนดุ พอโดนดุ สหัสชัยก็รู้ตัวว่าตัวเองทำผิดแล้ว เขาจึงรีบก้มลงกราบที่ตักของแม่ฟ้า แล้วพูดทั้งน้ำตาว่า "แม่ฟ้าคร้าบ อาชัยผิดไปแล้วครับ ขออโหสิกรรม ซึ่งกันและกันนะคร้าบ" ซึ่งการที่เด็กๆ ได้พูดวาจาอย่างนี้ เรียกว่าเป็นเสน่ห์และเป็นเรื่องน่าทึ่งมากๆ โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาเป็นโรงเรียนที่ดีมากๆ และฉันคิดว่าวัดก็เปรียบเสมือนโรงเรียน พระสงฆ์คือคุณครู ฉันคิดว่าครูอาจารย์ที่โรงเรียนนี้ยอดเยี่ยมมาก และจุดประสงค์ของครูคือ ต้องการให้ทุกคนในโลกพบความรู้ที่แท้จริง"

         สหัสชัยเป็นเด็กที่พูดเพราะ ทุกคำที่สหัสชัยพูดจะมีหางเสียง "ครับ" เหนี่ยวใจผู้คนทุกถ้อยคำ เพราะได้ต้นแบบจากครูไม่ใหญ่ ซึมซับเอาสิ่งที่ดีจากทีวีไปตั้งแต่ยังเล็กๆ จึงทำให้สหัสชัยเป็นที่รักของผู้คนที่พบเห็น และวันนี้สหัสชัยไม่ทานข้าวเย็น เรื่องไม่ทานข้าวเย็นนี้สหัสชัย ได้บอกพี่เลี้ยงในวันหนึ่ง หลังจากได้ดู DMC ในช่วงต้นพรรษา พอพี่เลี้ยงเอาข้าวมาให้ สหัสชัยก็จะบอกว่า "อาชัยรักษาศีล ๘ คร้าบ" พอได้ดูทีวีจึงรู้สาเหตุ เพราะหลวงพ่อ บอกว่า "พรรษานี้ถ้าเป็นไปได้อยากให้ลูกๆ ทุกคน ได้ถือศีล ๘" สหัสชัยจึงอยากรักษาศีล ๘ บ้าง

         สหัสชัยมาวัดบ่อยมาก จนพี่ๆ หรือลุงๆ ป้าๆ ที่มาวัดอยู่เป็นประจำต่างจำได้ นอกจากความน่ารัก ช่างพูดช่างจาได้อย่างไพเราะแล้ว สหัสชัย ยังเป็นยุวชน อาสาสมัครตัวเล็กๆ ในการช่วยรับบุญต่างๆอยู่เสมอ เช่น เก็บเสื่อ เช็ดโต๊ะเก้าอี้ พอรับบุญเสร็จก็จะได้ยินเสียงใสๆ พูดว่า "ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคร้าบ" "เมื่อตอนที่สหัสชัยอายุได้ ๓ เดือน ฉันได้พาเค้ามาที่วัดพระธรรมกาย หลังจากนั้นก็มาอยู่สม่ำเสมอถึงตอนนี้ เค้ามาเมืองไทยมากกว่า สิบครั้งแล้ว ทุกครั้งที่มาวัด ฉันอยากให้เค้าทำบุญทุกวัน และสัมผัสถึงความสงบของวัด เค้ารักการมาวัดพระธรรมกายมาก เพราะมีพื้นที่กว้างขวางให้วิ่งเล่น และมีผู้คนมากมายให้ได้พบปะ ทุกครั้งที่มาเมืองไทย ภาษาไทยเค้าก็จะดีขึ้นเป็นลำดับ นอกจากที่วัดพระธรรมกายแล้ว เค้ายังไปศูนย์สาขา ที่ฮ่องกงอาทิตย์ละ ๓-๔ ครั้ง ในวันบูชาข้าวพระ หรือไม่ก็พิธีงานบุญใหญ่"

       นอกจากความเก่งและดี ที่ผู้คนเห็นทั่วไปจากภายนอกแล้ว ยังมีอีกสิ่งที่อยู่ภายในที่ใครๆ ยากจักเห็น นั่นก็คือ ผลการปฏิบัติธรรมของเขา บุคคลที่ได้รับรู้สิ่งนี้ จากปากคำของเขาเป็นคนแรกก็คือ คุณแม่ไอวี "อีกสิ่งที่ฉันทึ่งนั่นก็คือ ผลการปฏิบัติธรรมของเค้า ตอนที่สหัสชัยอายุ ๒ ขวบครึ่ง วันหนึ่ง ฉันถามสหัสชัยว่า "อาชัย นั่งสมาธิเป็นอย่างไรบ้างลูก" และเค้าตอบว่า "ผมเห็นดวงแก้วมันสว่าง สว่างมากๆ" ฉันถามต่อว่า "จริงเหรอลูก"เค้าตอบว่า "จริงครับ" ตอนนั้นฉันรู้สึกดีใจ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่ามันเป็นจริงหรือไม่ เกรงว่าเขาจะตอบไปเรื่อยตามประสาเด็กหรือเปล่า แต่ทุกครั้งที่ถามเค้าจะตอบว่า "ในท้องผมมีพระพุทธเจ้าและมีดวงแก้วสว่างมากๆ" เป็นคำตอบเดิมซ้ำๆ ฉันจึงได้แต่บอกเค้าว่า "อาชัยรักษาองค์พระไว้ให้ดีๆ นะครับ ขยันนั่งสมาธิ อย่าขี้เกียจเหมือนแม่นะ" ไม่เพียงแค่ฉันเท่านั้นที่เจอ แม้แต่พี่เลี้ยงที่ดูแลสหัสชัยก็มหัศจรรย์ กับผลการปฏิบัติธรรม ของสหัสชัยเช่นกัน ครั้งหนึ่ง พี่เลี้ยงกำลังล้างจานอยู่ สหัสชัยวิ่งเข้ามาพร้อมกับเสียงพูดที่ว่า "อาชัยเห็นองค์พระคร้าบ" พอถามว่าอยู่ที่ไหนเขาตอบ อย่างชัดเจนว่า "อยู่ในท้องที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ คร้าบ" เนื่องจาก พี่เลี้ยงกำลังทำงานบ้านอยู่เลยบอกสหัสชัยว่า เดี๋ยว สหัสชัยนับองค์พระรอก่อนนะ เดี๋ยวทำงานเสร็จ แล้วจะไปเล่นด้วย แล้วก็ง่วนล้างจานต่อไป สักพักสหัสชัยก็หน้าเบ้ร้องไห้ พี่เลี้ยงก็ตกใจ คิดว่าสหัสชัยน้อยใจอะไร เลยรีบเข้าไปถามว่า สหัสชัยร้องไห้ทำไมลูก เขาก็ตอบทั้งที่หน้ายังเบ้อยู่ว่า "องค์พระในท้องขึ้นมาเร็ว อาชัยนับองค์พระไม่ทันคร้าบ" พี่เลี้ยงก็ทั้งอึ้งและขำ"

 

 

          " ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดอีกช่วง คือ เวลาที่เราดู DMC ด้วยกัน สหัสชัยก็จะคอยแปลให้ฟังอยู่ข้างๆ เพราะสหัสชัยเก่งภาษาไทยมากกว่าดิฉัน ซึ่งฉันให้พี่เลี้ยงที่เป็นคนไทยคอยสอนภาษาไทย ให้และเธอทำหน้าที่ได้ดีมากๆ สหัสชัยจะคอยบอกว่า ตอนนี้ถึงเวลาสาธุแล้ว หรือวันนี้หลวงพ่อมีข่าวบุญอะไร สหัสชัยก็จะคอยบอก ฉันว่าเขาเป็นผู้นำบุญที่ดีมากๆ ครั้งหนึ่งหลวงพ่อบอกบุญทอดผ้าป่า ๒๓๘ วัดภาคใต้ สหัสชัยก็จะบอกว่า "คุณแม่ครับ วันนี้หลวงพ่อบอกบุญ ๒๓๘ วัด วัดละบาท บ้านเราเลขที่ ๓๘ คุณแม่ทำวัดละ ๓๘ เหรียญนะครับ" ซึ่งฉันก็โอเคค่ะเพราะฉันไม่สามารถปฏิเสธ ข่าวบุญของลูกได้เลย และฉันคิดว่าการรู้ภาษาไทยเป็นเรื่องสำคัญมาก สำหรับสหัสชัย เมื่อโตขึ้นฉันอยากให้สหัสชัยบวช เพราะนี่คือหนทางของเขา ทางที่ดีที่สุดสำหรับ การเกิดมาเป็นมนุษย์ ฉันจะไม่ร้องขอให้เค้าทำงาน หาเงินเพื่อมาเลี้ยงแม่ เพราะที่ฮ่องกง ผู้คนมักคิดว่าเด็กๆ ควรเรียนรู้วิธีการหาเงินให้มากๆ แล้วก็เลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น ฉันคิดว่าสิ่งที่แท้จริงสำหรับเด็ก คือการช่วยเหลือเค้า ให้รู้ถึงหน้าที่ที่แท้จริงต่อโลกใบนี้"

          ทุกวันนี้แม้บางวัน งานของเธอจะโหลดถึงมืดค่ำ อาจกลับถึงบ้านเสียจนดึกดื่น แต่เธอก็ยังคงอุ่นใจว่า ลูกชายแสนรัก กำลังมีความสุขอยู่หน้าจอ DMC อยู่กับหลวงพ่อ และเธอมีหน้าที่เพียงทุ่มเทแรงกายแรงใจ ดูแลลูกชายจนเติบใหญ่ แต่หัวใจของลูกน้อย เธอวางใจให้เป็นหน้าที่ของธรรมะ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผ่าน DMC ช่องนี้ช่องเดียวเท่านั้

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล