ฉบับที่ 48 ตุลาคม ปี 2549

มุมมองที่แตกต่าง ศ.นพ.ชัยรัตน์ นิรันตรัตน์

 
เดินไปสู่ความสุข เรื่อง :อาคิรา

                      ในบรรดาสัมมาอาชีวะ ซึ่งเป็นที่ยกย่องของสังคม อาชีพแพทย์นับเป็นอันดับต้นๆ ในการยอมรับ เพราะได้ชื่อว่า เป็นผู้เยียวยาความทุกข์ทั้งใจ และกายของผู้ป่วย นอกจากนี้ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า กว่าจะได้แพทย์หนึ่งคน ที่มีความรู้ ความสามารถเพียงพอจะรักษาคนไข้ได้ ต้องผ่านกระบวนการที่หนักหนาสาหัสมากมาย นับตั้งแต่วันแรกที่สอบเข้า สู่การเรียนเข้มข้นหนักหน่วงที่เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี จนถึง วันสุดท้ายของการรับ พระราชทานปริญญาบัตร แม้เมื่อมาประกอบอาชีพแล้ว ก็ยังต้องศึกษาหาความรู้ในวิทยาการใหม่ๆ เพื่อพัฒนาตนเองให้ก้าวทันโรค จนสามารถรับมือกับโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้อย่างไม่มีวันจบ

                       ช่างภาพประจำรายการ "เดินไปสู่ความสุข" เป็นคนแนะนำ "อาจารย์หมอ" มาให้เราไปสัมภาษณ์ เพียงแค่ประโยคเดียวที่ว่า "คุณหมอเก่งมาก อายุแค่สี่สิบต้นๆ ก็เป็นศาสตราจารย์แล้ว" สามารถจุดความสนใจ จนทำให้เรารีบติดต่อไปยังผู้ประสานงาน ประจำทีมซึ่งเป็นน้องสาวของคุณหมอทันที

                       เมื่อได้ทำการค้นคว้าข้อมูลจากเว็บไซต์ และแฟ้มที่ทีมงานรวบรวมมาให้ ก็นึกออกทันทีว่า ได้เคยเห็นตัวจริงของคุณหมอมาแล้วหลายครั้ง ในวันที่ท่านมานั่งสมาธิ ในห้องปัญญา และจากข้อมูลที่ได้รับทำให้ตระหนักว่า ทีมงานของเรากำลังจะได้รับเกียรติให้ถ่ายทอด เรื่องราวของคนเก่งและดี เป็นคุณหมอระดับศาสตราจารย์ผู้มีความสามารถระดับแนวหน้าของประเทศ ..ไม่ธรรมดาจริงๆ งานนี้

                       จากแฟ้มประวัติระบุว่า ศ.นพ. ชัยรัตน์ นิรันตรัตน์ จบการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์
ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
และได้ศึกษาเพิ่มเติมจนได้รับวุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญทางด้านหู คอ จมูก ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาจักษุ ศอ นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ท่านมีความสนใจและเชี่ยวชาญการรักษาโรคนอนกรนเป็นพิเศษ

                       เราตามไปเก็บภาพกิจวัตรประจำวัน ของคุณหมอที่บ้านย่านคลองสาม ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ เช้าตรู่คือ ตีสี่ครึ่ง ออกกำลังกาย ติดตามด้วยการนั่งสมาธิทุกเช้าประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นจึง อาบน้ำ แต่งตัว ขับรถไปทำงานที่โรงพยาบาล ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี คลอง ๑๗ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก

                       เมื่อถึงที่ทำงานบรรยากาศสบายๆ ที่เห็นจากที่บ้านก็กลับกลายเป็นบรรยากาศ ของการทำงานต่อเนื่องอย่างไม่มีเว้นวรรค นับตั้งแต่การตรวจคนไข้ พร้อมๆ กับการสอนนักศึกษาแพทย์ โดยในขณะที่ตรวจคนไข้อยู่นั้น จะมีนักศึกษาแพทย์กลุ่มใหญ่มายืนฟังการวินิจฉัยโรค และคอยซักถามอยู่เป็นระยะๆ พร้อมๆ กับที่อาจารย์หมอก็ต้องคุยกับคนไข้ไปด้วย เราอดนึกไม่ได้ว่า ช่างเป็นการทำงานที่มีสีสัน อย่างน่าทึ่งและต้องอาศัยศักยภาพส่วนบุคคลอย่างสูงทีเดียว

                       ไม่เพียงแต่การสอนนักศึกษาแพทย์และ การตรวจคนไข้ รวมไปถึงการผ่าตัดต่างๆ เท่านั้น ศ.นพ. ชัยรัตน์ นิรันตรัตน์ ยังต้องทำงานด้านบริหาร ในฐานะหัวหน้าภาควิชาอีกด้วย

                       แม้งานจะดูเหนื่อยหนักและมีหลากหลาย กระบวนการจนคาดไม่ถึง แต่สิ่งที่ทีมงานของเราพบเห็น จากการไปถ่ายทำเรื่องราวของคุณหมอก็คือ รอยยิ้มแจ่มใสและดวงตาอ่อนโยน ยามพูดคุยกับคนไข้และลูกศิษย์ สิ่งเหล่านี้ยืนยันได้เป็นอย่างดีถึงความรักในวิชาชีพ และความอาทรต่อผู้ป่วยด้วยความเมตตาอย่างจริงใจ

สมาชิกในครอบครัวนิรันตรัตน์มีความสุขในชีวิตมากขึ้นด้วยการทำสมาธิ

                      บทสนทนาระหว่างทีมงานกับคุณพ่อ คุณแม่ ของคุณหมอ สะท้อนให้เห็นถึงความภาคภูมิใจ ที่ท่านทั้งสองมีต่อลูกชายคนโต คุณแม่เล่าว่า อยากให้ลูกชายเป็นหมอ ซึ่งเขาก็ทำได้ ส่วนคุณพ่อก็ เล่าถึงความมานะพยายาม โดยย้อนอดีตไปถึงความเป็นนักเรียนดีเด่นตั้งแต่วัยเยาว์ ซึ่งความ เห็นในเรื่องนี้ก็พ้อง กับคุณอาผู้มีส่วนในการช่วยเลี้ยงดู คุณหมอในวัยเด็ก คุณอาเล่าว่า คุณหมอจะขยันเรียนมาก ขณะที่ดูหนังสือจนดึกดื่น แม้จะง่วงนอนสักเพียงใด ก็จะอดทนคอยเอาน้ำมาลูบตา ให้ตาสว่างเพื่อจะให้ท่องหนังสือต่อไปได้ นอกเหนือ จากคำพูดของสมาชิกในครอบครัว เรายังค้นพบโดยไม่ต้องมีใครบอกอีกด้วยว่า คุณหมอเป็นผู้มีความกตัญญูต่อบุพการีอย่างยิ่ง

                       ในเรื่องของสมาธินั้น แน่นอนว่าคุณหมอ น่าจะเป็นผู้มีสมาธิในการศึกษาเล่าเรียน และการทำงานอย่างดีเยี่ยม เมื่อประกอบกับความมุ่งมั่นตั้งใจจริง อันเป็นอัธยาศัยประจำตัว จึงทำให้ท่านประสบความสำเร็จทั้งๆ ที่อายุยังไม่มากนัก และในปัจจุบันด้วยการชักนำของน้องสาว ท่านจึงหันมาฝึกสมาธิในแบบ ที่ลุ่มลึกขึ้นกว่าสมาธิปกติในชีวิตประจำวัน และเมื่อฝึกอย่างสม่ำเสมอก็สามารถ ทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงได้ดังที่ท่านได้กล่าวกับ ทีมงานว่า

                       "สมาธิทำให้เย็นลง รู้จักอดทนรอคอยมากขึ้น ยอมรับความเป็นจริงของชีวิต และมีแง่มุมในการมองโลกและชีวิตที่ลึกซึ้งกว่าเดิม เมื่อผมประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง มักจะตั้งเป้าหมายว่า จะต้องปีนให้สูงขึ้นไปอีก ผมจะมีความสุขและ พึงพอใจอย่างยิ่งในความสำเร็จทุกครั้ง ซึ่งเบื้องหลัง ของรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจของผม มักจะ แลกมาด้วยการต่อสู้กดดันและบังคับตัวเองให้ทำงานหนัก โดยมีเป้าหมายว่า ทุกเรื่องต้องดี ต้องประสบความสำเร็จ มีความเครียด ความลุ้นตลอดกระบวนการ ช่วงที่ทรมานสำหรับผมก่อนที่จะได้รับรางวัลแห่งความสำเร็จทุกครั้ง คือ ช่วงเวลาในการรอคอยผล การฝึกสมาธิช่วยลดภาวะตรงนี้ลงไปได้มาก เพราะสมาธิช่วยให้จิตใจสงบเย็น ไม่กระวนกระวายใจอย่างแต่ก่อน ทุกวันนี้ ผมจึงนั่งสมาธิทุกวัน รู้สึกว่า อารมณ์และจิตใจ เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นครับ"

                       ความประทับใจของทีมงาน จากการได้คุยกับคุณหมอ และสมาชิกในครอบครัว คือข้อคิดที่ว่า กว่าใครสักคนจะได้ขึ้นไปสู่ยอดเขา แห่งความสำเร็จในชีวิต และยืนชื่นชมอยู่ด้วยความภาคภูมิใจนั้น เขาต้องมีความตั้งใจจริง และลงมือปฏิบัติอย่างอดทนมุ่งมั่น จนกว่าจะประสบความสำเร็จ

                       ด้วยประสบการณ์ชีวิต และวิชาชีพที่ เกี่ยวข้องกับวัฏจักรอันวนเวียนของการเกิด ความเจ็บไข้ และความตาย เมื่อมาฝึกสมาธิทำให้ ศ.นพ. ชัยรัตน์ นิรันตรัตน์ ได้ค้นพบมุมมองที่ แตกต่างไปจากเดิม

                       ท่านค้นพบว่า แม้ความสำเร็จในหน้าที่ การงาน การอุทิศตนเพื่อผู้ป่วย และการค้นคว้าวิทยาการด้านการแพทย์ โดยสร้างความชำนาญเฉพาะทางด้านการรักษา เรื่องนอนกรน และการคืนความรู้ให้กับสังคม ผ่านนิสิตแพทย์ ก็ไม่อาจเติมชีวิตให้เต็มบริบูรณ์ได้อย่างแท้จริง ชีวิตที่สมบูรณ์ที่สุดในมุมมองของท่าน คือชีวิตสองร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งแบ่งออกเป็นสองส่วนเท่าๆ กัน คือความทุ่มเทให้กับงาน ส่วนอีกหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ที่เหลือ คือ เวลาสำหรับการพักผ่อนจิตใจ โดยการฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการแสวงหาความรู้ทางธรรม และการสั่งสมบุญในรูปแบบต่างๆ เพื่อที่จะได้ค้นพบความสงบสุขภายใน อันเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่อาจซื้อหาได้ด้วยเงินทอง

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล