ฉบับที่ 121 พฤศจิกายน ปี2555

เมตตาบารมี เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

ปกิณกธรรม

เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณจิโต ป.ธ.๙/ภาพประกอบ : กอลพุทธศิลป์

 

 

เมตตาบารมี

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

          "ท่านพึงบำเพ็ญเมตตาบารมีให้เต็มเปี่ยม ในสิ่งที่เป็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ พึงมีจิตเป็นอย่างเดียวกันในหมู่สัตว์ น้ำให้ความเย็นฉ่ำแผ่ซ่านไปทั้งแก่คนชั่วและคนดี ฉันใด แม้ท่านเป็นผู้มีเมตตาจิตในสัตว์ทั้งปวง ก็จักได้เป็นพระพุทธเจ้า ฉันนั้น "

           พระบรมโพธิสัตว์นอกจากจะมีปัญญาเห็นทุกข์ เห็นโทษในการเวียนว่ายตายเกิดและหาทางหลุดพ้น จากสังสารวัฏแล้ว ยังอาศัยความเมตตาอันไม่มีประมาณนี่แหละ จึงต้องอดทนสร้างบารมีอย่างน้อย ๔ อสงไขยแสนมหากัป กล่าวได้ว่า "อยากเป็นพระพุทธเจ้าเพราะเปี่ยมล้นด้วยความเมตตา คือไม่ยอมไปนิพพานตามลำพัง แต่จะนำพาสรรพสัตว์ ไปสู่ฝั่งพระนิพพานด้วย"Ž ดังนั้น หลังจากที่ได้รับ พุทธพยากรณ์แล้ว ท่านสุเมธดาบสจึงมุ่งสร้างเมตตา บารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ชนิดที่ว่า ยอมตายไม่ยอมแล้ง น้ำใจนั่นเอง ถ้าไม่ทรงมีพระเมตตาก็คงไม่ยอมอดทน สร้างบารมีชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพันอย่างนี้หรอก

          ความเมตตาเป็นทางมาแห่งสันติสุขที่ยั่งยืน คนมีเมตตาคือคนที่มีจิตอ่อนโยน ไม่พยาบาท แม้จะมีผู้มาทำร้ายหมายเอาชีวิตก็ไม่คิดทำร้ายตอบ เพราะเป็นการผูกเวรสร้างกรรมกันข้ามภพข้ามชาติ ไม่รู้จักจบสิ้น อยู่ที่ไหนก็ร่มเย็น เป็นที่รักของมนุษย์ และเทวดา ถ้ามีจิตเมตตาด้วยความบริสุทธิ์ใจแล้ว เรื่องร้ายจะกลายเป็นดี และพลิกวิกฤตเป็นโอกาสอย่างน่าอัศจรรย์

เมตตา ทางมาแห่งสันติ

          สมัยหนึ่งพระโพธิสัตว์ได้บังเกิดเป็นโอรสพระเจ้ากรุงพาราณสี ครั้นทรงเติบใหญ่ก็ได้สืบต่อราชสมบัติ มีพระนามว่า "พระเจ้าเอกราชŽ" ทรงเป็นพระราชาผู้ประพฤติธรรม ทรงรักษาอุโบสถศีลและทรงหมั่นสงเคราะห์อาณาประชาราษฎร์ โดยโปรดให้สร้างโรงทานไว้ ๖ แห่ง ทรงบริจาคทรัพย์เพื่อใช้ในโรงทานถึงวันละ ๖๐๐,๐๐๐ กหาปณะ ทรงเป็นพระราชาที่เปี่ยมด้วยพระเมตตา

          อยู่มาวันหนึ่ง ได้มีอำมาตย์คนหนึ่งคิดก่อการ กบฏ แต่มีหน่วยข่าวกรองรายงานให้ทราบเสียก่อน จึงทรงเรียกอำมาตย์คนนั้นมาสอบถาม และทรงเนรเทศไปอยู่แคว้นอื่น ถึงกระนั้นก็ยังทรงเมตตา ประทานทรัพย์ติดตัวเพื่อไปสร้างฐานะที่ต่างแคว้นอีกด้วย อำมาตย์ชั่วจำเป็นต้องอพยพไปแคว้นโกศล ได้ใช้ความสามารถเข้ารับราชการในวังของพระเจ้าทัพพเสนะผู้ครองแคว้นนั้น ต่อมา อำมาตย์ชั่วก็คิด จะล้างแค้นพระเจ้าเอกราชที่ทรงขับไล่ออกจากแคว้น จึงได้ทูลพระเจ้าทัพพเสนะว่า บัดนี้กรุงพาราณสีก็เปรียบเหมือนรังผึ้งที่ไร้ตัวผึ้ง เพราะพระราชาอ่อนแอ หากจะยึดราชสมบัติก็ทำได้ง่ายดาย พระเจ้าข้าŽ เพื่อความมั่นใจพระเจ้าทัพพเสนะทรงใช้แผนอุบายส่งโจรไปทำการปล้นฆ่าคนในแคว้นกาสี ทรงได้รับรายงานกลับมาว่า พระเจ้าเอกราชรับสั่งให้ปล่อยโจร เหล่านั้นไป ทั้งยังทรงมอบทรัพย์ให้พวกโจรไปตั้งตัว ทำมาหากินอีกด้วย พระเจ้าทัพพเสนะจึงทรงตัดสิน พระทัยกรีฑาทัพไปแคว้นกาสีเพื่อยึดกรุงพาราณสีทันที

 

บททดสอบพระบารมี

           ฝ่ายทหารหน่วยข่าวกรองของพระโพธิสัตว์ครั้นทราบว่าข้าศึกจะยกทัพมาตีเมือง จึงรีบเข้ากราบ ทูลรายงานว่า "บัดนี้พระเจ้าทัพพเสนะจะยกทัพ มายึดเมืองพวกเรา แต่พระองค์ไม่ต้องห่วง เพราะพวกข้าพระองค์จะจับพระเจ้าทัพพเสนะตั้งแต่ ยังไม่เข้าเขตเมือง แล้วจะเฆี่ยนโบยให้เข็ดหลาบ พระเจ้าข้าŽแต่พระโพธิสัตว์ผู้เปี่ยมพระเมตตากลับ ตรัสห้ามว่า พวกท่านอย่าต้องลำบากเลย ปล่อยให้เขามายึดเถิดŽ เหล่าทหารล้วนแปลกใจ แต่ก็ไม่สามารถจะทูลแย้งได้ พอฝ่ายข้าศึกยกทัพมาถึงประตูเมืองแล้ว ก็ทรงส่งสาส์นมาท้ารบว่า พระองค์ จะมอบราชสมบัติให้ดี ๆ หรือจะรบกับเราŽ

          พระโพธิสัตว์ก็ทรงส่งสาส์นตอบกลับไปว่า เราไม่ปรารถนาจะรบ แต่ขอให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบ ร่มเย็นเถิด ..สงครามไม่ใช่ทางสู่ความสุขที่ยั่งยืนŽ พระเจ้าเอกราชทรงรับสั่งมิให้ใครปิดประตูเมือง เพื่อเปิดโอกาสให้ทัพโกศลเข้ามา ส่วนพระองค์ก็ทรงประทับนั่งรออยู่บนบัลลังก์ พระเจ้าทัพพเสนะ ผู้กระหายสงครามจึงทรงยกทัพเสด็จเข้าเมืองอย่างง่าย ๆ ไร้ข้าศึกต่อต้าน จากนั้นจึงทำการยึด ราชสมบัติทั้งหมดและรับสั่งให้จับพระโพธิสัตว์ไปฝังกลบในหลุมให้เหลือเพียงพระศอ (คอ)

 

อานุภาพแห่งเมตตา

           พระโพธิสัตว์แม้จะทรงถูกลงอาญา ก็มิได้ทรง แค้นเคืองพระเจ้าทัพพเสนะเลย ทรงเจริญเมตตาแผ่ไปยังพระเจ้าทัพพเสนะด้วยใจที่บริสุทธิ์ อานุภาพ แห่งเมตตาได้ก่อเกิดเป็นฌานอภิญญา ทำให้พระองค์ หลุดจากหลุมทรายที่กลบฝังตัว แล้วเหาะขึ้นมาประทับนั่งขัดสมาธิลอยอยู่ในอากาศ ทันใดนั้นเองพระเจ้าทัพพเสนะก็ทรงรู้สึกเร่าร้อนในพระวรกายถึงขั้นส่งเสียงร้องดัง ๆ ว่าเราโดนไฟครอก ๆ ร้อน เหลือเกิน ๆ พร้อมกับทรงล้มกลิ้งเกลือกไปมาด้วย ความทุรนทุราย ราชบุรุษรายงานว่า ข้าแต่มหาราช  ที่เป็นเช่นนี้เพราะทรงรับสั่งให้ฝังพระเจ้าเอกราช พระเจ้าข้า งั้นก็ให้รีบไปนำตัวพระราชาขึ้นจาก หลุมเถอะ พอทหารรีบไปดูก็ได้เห็นพระโพธิสัตว์กำลังนั่งขัดสมาธิลอยในอากาศ จึงรีบกลับมารายงาน พระเจ้าทัพพเสนะรีบเสด็จไปขอขมาพระโพธิสัตว์ แล้วถวายราชสมบัติคืน หลังจากนั้นรับสั่งให้ลงอาญา อำมาตย์ชั่วและเสด็จกลับแคว้นโกศลทันที.. เมื่อเหตุการณ์สงบลง พระโพธิสัตว์เบื่อหน่ายชีวิตการครองเรือน ทรงสละราชสมบัติแล้วบวชเป็นฤๅษี ทรง สั่งสอนมหาชนให้ตั้งอยู่ในศีล ครั้นพระองค์ละโลกก็ไปบังเกิดในพรหมโลก

           เราจะเห็นว่า...พลังมวลแห่งความเมตตาสามารถหยุดยั้งเรื่องร้าย ๆ ลงได้ การมีเมตตาต่อกันและกันจะทำให้ความสงบร่มเย็นบังเกิดขึ้น สำหรับหลักวิธีการเจริญเมตตาในพระพุทธศาสนา ผู้ปฏิบัติต้องมีสภาวะใจที่หยุดนิ่งเป็นสมาธิก่อน แล้วจึงแผ่เมตตาให้ตนเองเป็นอันดับแรก ถัดไปแผ่ให้บุคคลผู้ใกล้ชิดหรือคนที่เคารพ โดยตรึกระลึกถึงคุณธรรมที่น่าเคารพของท่านก่อน จากนั้นจึงแผ่เมตตาไร้ขอบเขตให้แก่สรรพสัตว์เพื่อนร่วมวัฏสงสาร โดยถ้วนหน้าในทุกทิศ โดยมีตัวเราเป็นจุดศูนย์กลาง แห่งกระแสเมตตา

          จุดประสงค์การฝึกเจริญเมตตานั้น ก็เป็นไปเพื่อให้ใจของเราผ่องใสและชุ่มเย็นอยู่ภายใน หลุดพ้น จากโทสะและความขัดเคือง เป็นการฆ่าความโกรธในจิตใจ และทำให้ใจมีสภาวะเป็นกลาง ๆ คือ จะรักในสรรพสัตว์เสมอเหมือนกัน ไม่เลือกที่รักผลักที่ชัง

 

อานิสงส์ของการเจริญเมตตา

          ๑. หลับเป็นสุข.. ดุจเข้าสมาบัติ

          ๒. ตื่นเป็นสุข.. แช่มชื่นดุจปทุมแย้มบาน

          ๓. ไม่ฝันร้าย.. ฝันแต่สิ่งดีมีมงคล

          ๔. เป็นที่รักของมนุษย์.. ดุจสร้อยอัญมณีเป็นที่รักที่เจริญใจผู้ได้พบเห็น

          ๕. เป็นที่รักของอมนุษย์.. มนุษย์รักฉันใด อมนุษย์ก็เช่นกัน

          ๖. เทวดาตามดูแลรักษา.. ดุจบิดามารดาดูแล บุตร

          ๗. ไฟ ยาพิษหรืออาวุธใด ๆ ไม่อาจกล้ำกราย ได้

          ๘. จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิเร็ว

          ๙. ใบหน้าผ่องใสเป็นปกติ

          ๑๐. เมื่อตายจะมีสติมั่นคงไม่ฟั่นเฟือน

          ๑๑. หากยังไม่หมดกิเลส.. เมื่อได้ฌานสมาบัติ ย่อมไปเกิดในพรหมโลก

          มารดาถนอมบุตรคนเดียวผู้เกิดจากตน ยอมสละได้แม้กระทั่งชีวิต ฉันใด บุคคลผู้ฉลาดในประโยชน์ พึงเจริญเมตตาไม่มีประมาณในสัตว์ทั้งปวง ฉันนั้น (พุทธพจน์)

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล