ฉบับที่ ๑๔๑ เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗

ภารกิจสร้างสันติภาพในแอฟริกาตะวันตก

 

สร้างโลกแก้ว
เรื่อง : กองบรรณาธิการ

 

 

 

 

ภารกิจสร้างสันติภาพในแอฟริกาตะวันตก

 

 

    หลังจากทีมงานพีซเรฟโวลูชันจัดโครงการปฏิบัติธรรมขึ้นที่แอฟริกาตะวันออกไปแล้ว เมื่อวันที่ ๑๓-๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ภารกิจสร้างสันติภาพในดินแดนแอฟริกายังคงดำเนินต่อไป โดยครั้งนี้มีจุดหมายอยู่ที่แอฟริกา      ตะวันตก ซึ่งประกอบด้วยประเทศต่าง ๆ ๑๖ ประเทศ ได้แก่ มอริเตเนีย, มาลี, บูร์กินาฟาโซ, ไนเจอร์, เบนิน, โกตดิวัวร์หรือไอวอรีโคสต์, แกมเบีย, กานา, กินี, กินีบิสเซา, ไลบีเรีย, เซเนกัล, เซียร์ราลีโอน, โตโก, ไนจีเรีย, เคปเวิร์ดและยังมีอาณานิคมของอังกฤษอีก ๑ อาณานิคมคือ เซนต์เฮเลนา (บางแหล่งข้อมูลก็รวมแคเมอรูน คองโกและอีกหลายประเทศทางตอนกลางเข้ามาด้วย)

 

พีซเอเจนต์อายา

 

 

    ทีมงานพีซเรฟโวลูชันมุ่งตรงไปยังประเทศเซเนกัลที่ตั้งอยู่ในแอฟริกาตะวันตก เหตุผลที่เราเลือกจัดกิจกรรมที่ประเทศนี้ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยมีพีซเอเจนต์มาก่อน เพราะประเทศในแอฟริกาตะวันตกที่มีพีซเอเจนต์อันตรายเกินไป บางประเทศก็มีการคมนาคมขนส่งไม่สะดวก แต่เซเนกัลเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความปลอดภัย ผู้คนก็เป็นมิตร ยิ้มง่าย แถมยังกินข้าวคล้ายบ้านเราเสียด้วย นอกจากนี้พีซเอเจนต์อายายังมีเพื่อน ชื่อฟาติมาตาอยู่ที่นั่น ทำให้เราพอมีกำลังคน และที่สำคัญมาดามเคน คุณแม่ของฟาติมาตา ช่วยเป็นสปอนเซอร์ให้ด้วย ทำให้เราสามารถขยายงานได้ง่ายและรวดเร็ว สมดังคำพูดที่ว่า “มีพรรคมีพวก ความสะดวกก็มี”

 

ฟาติมาตา 

 

 

    โครงการปฏิบัติธรรมสำหรับประเทศในกลุ่มแอฟริกาตะวันตกที่เซเนกัล จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๔-๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ มีผู้สมัครขอเข้าร่วมโครงการทั้งหมด ๑๓๒ คน จาก ๑๗ ประเทศ ซึ่งถือเป็นผลงานของพีซเอเจนต์อายาที่สร้างเครือข่ายจากการเข้าร่วมประชุมที่ประเทศกานาและเคปเวิร์ด

 

มาดามเคน

 

    ทีมงานคัดเฉพาะผู้ทำบันทึกความดีออนไลน์อย่างน้อย ๑๔ วัน มาร่วมปฏิบัติธรรม ซึ่งมีทั้งหมด ๑๕ คน เป็นชาย ๙ คน หญิง ๖ คน จาก ๗ ประเทศ ได้แก่ ประเทศเบนิน,      โกตดิวัวร์หรือไอวอรีโคสต์, แกมเบีย, กานา, เซเนกัล, โตโก และไนจีเรีย ที่ได้ผู้ร่วมโครงการเพียงแค่นี้ เพราะติดปัญหาอินเทอร์เน็ต ทำให้นัดสัมภาษณ์ลำบากมาก บางคนต้องนัดถึง ๔ ครั้ง กว่าจะสำเร็จ และยังมีปัญหาอื่น ๆ เช่น มีเยาวชนคนหนึ่งจากไลบีเรียตกเครื่อง อีก ๒ คน จากไนจีเรียยกเลิกกะทันหัน คนหนึ่งติดงานด่วน อีกคนผู้ปกครองไม่ยอมให้มาเพราะกลัวถูกเราหลอก ถึงขั้นกักบริเวณ (เหมือนในหนัง) ซึ่งทีมงานมอบหมายให้พีซเอเจนต์อาจุนวาไปทำความเข้าใจ แต่ก็ไม่ได้พบทั้งเยาวชนและ    ผู้ปกครอง    

 

 

 

    กิจกรรมในครั้งนี้ พีซเอเจนต์อายาไม่ทำให้ ทุกคนผิดหวัง เธอติดต่อประสานงานได้ดีเยี่ยมเหมือนเดิม ส่วนทีมงานในพื้นที่ คือ ฟาติมาตาและคุณแม่ของเธอ มาดามเคน ก็ให้ความช่วยเหลือ อย่างเต็มที่ คือเป็นทั้งผู้จัดงาน สปอนเซอร์ และหาอาสาสมัครมาช่วยงาน

 
    มาดามเคนเป็นคนอเมริกันโดยกำเนิด  (แอฟริกันอเมริกัน) เธอแต่งงานกับคนเซเนกัล จึงย้ายมาอยู่ที่นี่ และตั้งโรงเรียนมัธยมปลายสองภาษาขึ้น ชื่อ The Senegalese American    Bilingual School


    มาดามเคนให้การสนับสนุนเรื่องรถรับส่งและคนขับรถ บริการน้ำปานะตลอดงาน โดยติดต่อ เจ้าของโรงงานนํ้าผลไม้ให้มาเป็นสปอนเซอร์ ติดต่อโรงแรมที่ใช้เป็นสถานที่จัดปฏิบัติธรรมและช่วยขอส่วนลดให้ ก่อนหน้านี้เธอเคยเสนอให้ใช้สถาบันวิทยาศาสตร์ของเธอเป็นสถานที่จัดปฏิบัติธรรม แต่เพราะไม่มีห้องปฏิบัติธรรมและระบบครัว มีแต่ห้องพัก จึงไม่สามารถใช้งานได้ 


     ส่วนฟาติมาตาจบการศึกษาปริญญาตรีจากประเทศสหรัฐอเมริกา เธอมาช่วยขับรถ   หาสถานที่ปฏิบัติธรรมทั้งใกล้และไกล และ ประสานงานเรื่องต่าง ๆ เรียกว่าทำงานเสมือนเป็นพีซเอเจนต์คนหนึ่ง

 

อมินนาตะจากไอวอรีโคสต์ 
“ไม่อยากเลิกนั่งเลย รู้สึกว่าร่างกายเต็มไปด้วยพลังแห่งสันติภาพ ฉันเห็นดวงสว่างอยู่กลางกายด้วย”

 


    

    ผู้เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ค่อนข้างต่างจากแอฟริกาตะวันออก ผู้คนแถบนี้มีลักษณะแข็ง ๆ และเคร่งเครียดกว่าทางแอฟริกา   ตะวันออกมาก โดยเฉพาะชาวไนจีเรียและกานา ทำให้ต้องใช้เวลาเปิดใจอยู่นาน 


    ในวันแรก ทุกคนนิ่งเงียบ เกร็ง ประหม่า ไม่ค่อยคุย ไม่ยิ้ม ไม่มีคำถาม ถึงแม้มีก็ไม่กล้าถาม ซึ่งน่าจะเป็นเพราะพวกเขาต้องเผชิญชีวิตที่โหดร้าย และไม่คุ้นเคยกับชีวิตที่ผ่อนคลาย เนื่องจากแถบนี้มีปัญหาสงครามกลางเมืองตลอด


    อายาเองก็ยังบอกว่า ผู้คนแถบนี้หย่อนเรื่องวินัยและความรับผิดชอบกว่าผู้คนทางตะวันออก ดูได้จากการนัดออนไลน์และการเข้าร่วมกิจกรรมในวันแรก ที่พวกเขาไม่ค่อยตรงเวลา เสียงดัง ไม่เป็นระเบียบ


    สิ่งแวดล้อมที่โหดร้ายหล่อหลอมให้  พวกเขาเคร่งเครียด ยิ้มยาก และอมทุกข์ จิตใจ    ที่กระเจิดกระเจิงทำให้พวกเขาไร้ระบบระเบียบ แต่เมื่อได้มาปฏิบัติธรรมอบรมจิตจนเกิด  ความสุข พวกเขาก็เปลี่ยนแปลงไปมาก 


    ในวันสุดท้าย ทีมงานสังเกตได้ว่า พวกเขามีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ร่าเริงเบิกบาน กล้าพูดคุยกับพระอาจารย์ และยังช่วยกันแต่งเพลงอย่างสนุกสนาน แต่ก็สงบเสงี่ยมและอ่อนน้อมที่สำคัญพวกเขาไหว้ทุกครั้งที่เดินผ่านพระ 
และไหว้ได้สวยเสียด้วย 

 

อมานามบุจากไนจีเรีย
“ฉันเห็นตัวเองนั่งสมาธิอยู่ภายในตัว” 

 


 

    ผลการปฏิบัติธรรมของเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการมีตั้งแต่รู้สึกโปร่ง เบา สบาย ตัวหาย ตัวขยาย เห็นแสงสว่าง เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว นั่งรอบแรก ๔๐ นาที แต่ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่านั่งไปนานขนาดนี้ หลังจากนั้นพระอาจารย์ก็เพิ่มเวลาขึ้นอีก ซึ่งพวกเขาก็นั่งได้เรื่อย ๆ โดยไม่มีความกังวลหรือความเครียด และส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ขี้โมโหเหมือนเมื่อก่อน

 

 

 

    สำหรับมาดามเคน เธอสนใจเรื่องสมาธิมาก่อน และอยากมาปฏิบัติธรรมที่เมืองไทย ด้วย เธอนั่งสมาธิได้ดี นิ่ง สบาย และมีความสุข เอ่อล้นจนน้ำตาซึม ทำให้เธอมีแรงบันดาลใจ   ในการเผยแผ่การทำสมาธิไปสู่ชาวโลกและ     คนใกล้เคียง ซึ่งในครั้งนี้เธอก็นิมนต์พระอาจารย์ไปสอนสมาธิที่โรงเรียนของเธอด้วย เพื่อให้ครูและนักเรียนมีโอกาสเข้าถึงความสุขภายในบ้าง 


    การทำสมาธิที่โรงเรียนของมาดามเคนแบ่งเป็น ๒ รอบ รอบแรกเป็นรอบของเด็กนักเรียน ๘๐ คน นั่งเพียง ๒๐ นาที แม้ห้องที่ใช้ นั่งสมาธิร้อนคล้ายเตาอบ แต่เด็กนั่งกันนิ่งเงียบ และหลายคนไม่เชื่อว่าตัวเองนั่งนิ่ง ๆ ได้นาน ขนาดนั้น 


    รอบหลังเป็นรอบอาจารย์และเจ้าหน้าที่ ๑๓ คน นั่ง ๔๐ นาที ซึ่งส่วนใหญ่นั่งได้ดี รู้สึกเบาสบาย มีความสุข


    นอกจากการนั่งสมาธิแล้ว มาดามเคนยังประทับใจเนื้อหาที่พระอาจารย์เทศน์สอนมากและอยากนำไปใช้ เช่น เรื่อง ๕ ห้องชีวิตเนรมิตนิสัย ความดีสากล ฯลฯ พระอาจารย์จึงมอบ   คู่มือวีสตาร์ให้เธอไปปรับใช้ ซึ่งเธอชอบมากและ บอกว่าเห็นลู่ทางในการนำไปใช้แล้ว 

 

 


    
    แม้ภารกิจนำสันติภาพและสันติสุขไปมอบแก่ชาวแอฟริกันทั่วทั้งทวีปเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนักและอาจมีอุปสรรคไม่น้อย แต่เมื่อคำนึงถึงผู้คนนับพันล้านคนที่ไร้ทิศทางที่ถูกต้องในการดำเนินชีวิต และดำรงชีพอยู่ท่ามกลางความเคร่งเครียดมานานแสนนาน ทีมงานพีซเรฟโวลูชัน ก็ยืนหยัดที่จะนำ know-how แห่งการค้นพบสันติสุขภายในไปมอบให้พวกเขา เพราะอย่างน้อยในช่วงที่สันติภาพภายนอกยังไม่เกิดขึ้น พวกเขาก็ยังมีสันติสุขภายในเป็นเกราะกำบังความทุกข์ที่เผชิญอยู่ในแต่ละวันได้ และที่สำคัญผลการปฏิบัติธรรมของพวกเขา การเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นของพวกเขา ทำให้ทีมงานตระหนัก ว่า การเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงแอฟริกามีความหวังอันรุ่งโรจน์รออยู่..  

 

 

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล