ฉบับที่ ๑๕๗ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘

อานิสงส์การให้ทาน

อานิสงส์แห่งบุญ
เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ.๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ.๙ 
ภาพประกอบ : กองพุทธศิลป์

 

อานิสงส์การให้ทาน

 

“เป็นการไม่เหมาะอย่างยิ่งที่เราได้รู้อานิสงส์การให้ทาน แล้วยังจะเก็บไว้บริโภคเองโดยไม่นำไปถวายสงฆ์ เราควรจะน้อมนำข้าวกล้าที่ออกรวงใหม่ ๆ เหล่านี้ไปถวาย  แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าและพระภิกษุสงฆ์สาวกก่อนดีกว่า”

 

 

อานิสงส์ถวายข้าวใหม่


    ในสมัยพระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า มีชาวนาผู้ใจบุญท่านหนึ่ง ได้ฟังธรรมจากพระบรมศาสดาแล้ว ก็อยากถวายข้าวสารใหม่ที่ตัวเองลงมือเก็บเกี่ยวกับมือแด่พระพุทธองค์ พระองค์ทรงทราบความตั้งใจดีของชาวนาแล้ว จึงตรัสสัมโมทนียกถาเพื่อเพิ่มพูนศรัทธาว่า “ชื่อว่าสงฆ์เป็นผู้ปฏิบัติตรง มีปัญญาและศีล มีจิตมั่นคง ทานที่ถวายในสงฆ์ย่อมมีผลมาก ดังนั้นบุคคลควรจะถวายทานแด่สงฆ์ ข้าวกล้าออกรวงใหม่ของท่านก็เช่นเดียวกัน ควรจะถวายแด่สงฆ์ด้วย ขอให้ท่านจงตั้งจิตทำบุญเป็นสังฆทานมุ่งไปในหมู่สงฆ์ แล้วนิมนต์พระภิกษุทั้งหลายไปสู่เรือนของท่าน เพื่อถวายไทยธรรมที่จัดตกแต่งดีแล้วแด่เนื้อนาบุญเหล่านั้นเถิด”   


    จากนั้น ชาวนาก็นิมนต์ภิกษุสงฆ์ไป   ที่บ้าน ตั้งใจถวายทานแด่หมู่ภิกษุสงฆ์นั้น เมื่อละโลกแล้ว ด้วยผลบุญนี้ ทำให้ชาวนาได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีวิมานทองสวยงามผุดผ่อง สูง ๖๐ โยชน์ กว้าง ๓๐ โยชน์ เทพบุตรนั้นได้เสวยทิพยสมบัติอันโอฬาร ทั้ง  ได้ครองราชสมบัติในเทวโลก ๓,๕๐๐ ครั้ง   เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ครั้ง และเป็น    พระราชาในเมืองมนุษย์อีกนับไม่ถ้วนครั้ง ทั้งนี้ด้วยผลบุญที่จัดสรรข้าวออกรวงใหม่ถวาย     แด่สงฆ์นั่นเอง


    ในระหว่างการเวียนว่ายตายเกิด      ท่องเที่ยวไปในวัฏสงสาร ท่านได้รับอานิสงส์   อีกมากมายที่เกิดจากการถวายข้าวใหม่ด้วย  จิตเลื่อมใส คือ ได้ทรัพย์มากมายจนนับไม่ได้ มียานพาหนะใช้สอยมากมาย เช่น ช้าง ม้า   วอ คานหาม ได้สิ่งของใหม่ ๆ เช่น ข้าวใหม่ ผ้าใหม่ ผลไม้ใหม่ อาหารใหม่ ๆ ที่มีรสเลิศ ได้ผ้าต่าง ๆ มากมาย เช่น ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ผ้าฝ้าย มีบริวารรับใช้ทั้งชายหญิง ไม่มีโรคเพราะความหนาวหรือร้อนมาเบียดเบียน ไม่มีความทุกข์ใจเลย มีแต่คนเตรียมความสุขสบายไว้รอพร้อมสรรพ และมักจะได้ยินแต่คำว่า    ขอเชิญบริโภคสิ่งนี้ หรือขอเชิญนอนให้สบายบนที่นอนอันหนานุ่มนี้เถิด เป็นต้น


    แม้ในชาติสุดท้าย บุญนี้ก็คอยตาม   ส่งผลให้ท่านได้แต่สิ่งของที่น่าพอใจอยู่เสมอ และเมื่อได้ออกบวชเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านจึงมีนามว่า พระสุจินติตเถระ (ผู้มีความคิดดี)


    ครั้นบำเพ็ญเพียรจนบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านได้ย้อนระลึกถึงบุพกรรมนั้นและเล่าอานิสงส์ของทานนี้ว่า 


    “การที่เราได้แบ่งข้าวออกรวงใหม่ถวายแด่หมู่สงฆ์ผู้ประเสริฐ เราย่อมได้อานิสงส์       ๘ ประการ อันสมควรแก่บุญที่ทำ คือ ๑. ทำให้มีผิวพรรณผุดผ่อง ๒. ทำให้มียศ ๓. ทำให้      มีโภคทรัพย์มากมายที่ใครลักไปไม่ได้ ๔. มี    ข้าวปลาอาหารมากมายรออยู่ทุกเมื่อ ๕. มี  มิตรและบริวารที่ไม่แตกแยกร้าวรานกันใน    ทุกเมื่อ ๖. สัตว์บนผืนแผ่นดินล้วนต่างมี    ความยำเกรง ๗. เมื่อได้บวชแล้ว มักจะได้รับไทยธรรมก่อนพระรูปอื่นเสมอ ๘. นับแต่แสนกัปนั้นเป็นต้นมา ด้วยผลทานนั้นทำให้เราไม่ต้องไปทุคติภูมิอีกเลย”

 


นึกถึงพระ ก่อนนึกถึงตนเอง


    จะเห็นได้ว่า เป็นธรรมเนียมที่ดีงามของชาวพุทธว่าจะต้องคัดสรรแบ่งของถวายสงฆ์ก่อนที่ตนจะนำไปบริโภค เรียกง่าย ๆ คือ นึกถึงพระก่อนนึกถึงตนเอง และเวลาเลือกของที่จะถวายพระนั้น ก็จะเลือกแต่ส่วนที่ประณีตที่สุด แสดงถึงน้ำใจอันงดงามและรู้หลัก      การทำบุญที่ถูกต้องว่า การถวายทานที่ประณีตดีเลิศพิถีพิถันเช่นใด ก็ย่อมทำให้ผู้ถวาย        ได้แต่ของที่ประณีตพิถีพิถันตามเช่นนั้น 

 

 

อานิสงส์ถวายรองเท้า


    รองเท้าเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้การเดินทางสะดวกขึ้น เป็นดั่งยานพาหนะอย่างหนึ่งที่สามารถพาผู้สวมใส่ไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น และปลอดภัยจากหนามหรือของมีคมที่อาจทำอันตรายฝ่าเท้า ฉะนั้นการให้รองเท้าจึงชื่อว่าเป็นการให้ยานพาหนะเช่นกัน ดังเรื่องราวของผู้มีบุญในกาลก่อน คือ พระปานธิทายกเถระ ผู้ถวายรองเท้าอย่างดีแด่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ


    ในยุคสมัยของพระผู้มีพระภาคเจ้า  พระนามว่าอโนมทัสสี ท่านบังเกิดเป็นกุลบุตรในตระกูลหนึ่ง วันหนึ่ง ท่านสวมรองเท้าอย่างดีเดินออกไปนอกบ้าน เห็นพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า ก็เกิดจิตเลื่อมใส และมองเห็นว่าทรงกำลังลำบากพระวรกายในขณะเสด็จดำเนินด้วยพระบาทเปล่า จึงรีบถอดรองเท้าแล้วนำไปวางไว้ใกล้พระบาทของพระพุทธองค์ เพื่อเป็น    การฉลองศรัทธา พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับ  รองเท้ามาสวมใส่ จากนั้นตรัสอานิสงส์การถวายรองเท้าว่า


    “ผู้ใดเลื่อมใสถวายรองเท้าแก่เราด้วยมือทั้งสองของตน ผู้นั้นจะเข้าถึงความสุข และจะได้เสวยราชสมบัติในเทวโลก ๕๕ ครั้ง      เขาจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑,๐๐๐ ครั้ง และจะได้เป็นพระราชาในโลกมนุษย์นานจน
คณานับมิได้” หลังได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว ท่านก็ตั้งใจสั่งสมบุญต่าง ๆ เรื่อยมาด้วยความปลื้มปีติในบุญ จนเมื่อละจากภพนั้นไปแล้ว เพียงผลบุญจากการถวายรองเท้านี้ ท่านได้บังเกิดอยู่แต่ในสุคติภูมิเท่านั้น ไม่ต้องไป     ทุคติภูมิเลย นอกจากนี้ ระหว่างที่ยังเวียนว่ายตายเกิด ยังได้อานิสงส์อื่น ๆ อีกมากมาย ได้แก่ ๑. เป็นผู้มีปัญญามาก ๒. ได้ยานพาหนะวิเศษที่เหมือนกับยานพาหนะทิพย์ของเทวดา          ๓. มีปราสาท วอ ช้างพาหนะ ที่ตกแต่ง   ประดับประดาวิจิตรสวยงามมาก อีกทั้งมีรถ    เทียมม้าอาชาไนยเกิดขึ้นกับท่านตลอด


    จนมาในชาติสุดท้าย เมื่อจะออกบวชก็ออกบวชโดยมีรถเป็นพาหนะเดินทาง ทำให้การเดินทางไปบวชเป็นไปอย่างสะดวกสบาย ขณะกำลังปลงผม ท่านทำใจหยุดนิ่งควบคู่     ไปด้วย พอปลงผมเสร็จก็ได้บรรลุธรรมเป็น    พระอรหันต์ทันที

 


พาหนะนำไปสู่ที่หมาย


    รองเท้าจัดว่าเป็นยานชนิดหนึ่ง         เป็นวัตถุที่ทำให้การเดินทางสะดวกราบรื่นปลอดภัย ดังนั้นการให้รองเท้าก็ชื่อว่าให้ยานสำหรับรองเท้าที่จะนำไปถวายแด่เนื้อนาบุญควรเลือกดูให้เหมาะสมกับพระ และจะต้องถูกสุขลักษณะด้วย เพราะจะเกิดประโยชน์มากในการใช้สอย และเกิดบุญมากมายแก่ผู้ถวาย    จะส่งผลให้มีสุขภาพเท้าที่ดีและมีลักษณะเท้าที่งดงามอีกด้วย  


    อานิสงส์หลักของการให้ยานพาหนะ ย่อมทำให้มีพาหนะเดินทางดังใจปรารถนา    จะไปทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ ก็สะดวกราบรื่นปลอดภัย ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ      มีความสุขในการเดินทาง บุญจากการให้    ยานพาหนะนี้ยังทำให้การเดินทางในวัฏสงสารสะดวกราบรื่นปลอดภัยจนกว่าจะถึงพระนิพพาน อันเป็นที่หมายปลายทางของพวกเราและ    มวลมนุษยชาติอีกด้วย

 

ยานโท สุขโท โหติ
ผู้ให้ยานพาหนะ..ชื่อว่าให้ความสุข

 

 

 

 

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล