ฉบับที่ ๑๘ ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗

วันมาฆบูชามหาสมาคม เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)

 


...............................

             วันนี้เป็นวันมาฆบูชามหาสมาคม ซึ่งถือ ว่าเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของโลก ของพระพุทธศาสนาและมีความหมายอย่างยิ่งต่อชีวิตอันสว่างไสวของพวกเราทุกๆ คน เราได้มาประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อระลึกนึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย

             เมื่อย้อนประวัติศาสตร์ไป ๒,๕๐๐ กว่าปี ในสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ พระองค์ได้ทรงประทานโอวาทปาฏิโมกข์ ให้แก่พระอรหันตขีณาสพ จำนวน ๑,๒๕๐ รูป ที่มาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย และแต่ละรูปล้วนเป็นผู้ที่พระพุทธองค์ได้ประทานการบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทาทั้งสิ้น

             การประชุมในครั้งนั้นเรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต เป็นวาระการประชุมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงให้อุดมการณ์ หลักการ และวิธีการในการปฏิบัติ เพื่อให้พุทธบุตรได้ทำหน้าที่ผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตรแก่ชาวโลก โดยกระจาย แยกย้ายกันไปทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา หมุนธรรมจักรให้ไปทั่วโลก ให้ชาวโลกได้รู้จัก ได้ซาบซึ้ง และได้เข้าถึงพระรัตนตรัย เพื่อยังสันติสุข อันไพบูลย์ให้บังเกิดขึ้นแก่โลก

             ในวันนี้ เราจะต้องทำจิตให้เลื่อมใสใน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย เพราะว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีพระคุณอย่างไม่มีประมาณ ดังพระบาลีที่ว่า

             อปฺปมาโณ พุทฺโธ อปฺปมาโณ ธมฺโม อปฺปมาโณ สงฺโฆ แปลว่า พระคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ไม่มีประมาณ

             แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นพระสัพพัญญู ก็ยังไม่อาจพรรณนาพระคุณของพระพุทธเจ้าด้วยกันได้หมดสิ้น ดังนั้นการที่เรามาตามระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ หรือว่าดับขันธปรินิพพานนานมาแล้วก็ตาม บุญกุศลอันไม่มีประมาณก็จะบังเกิดขึ้นกับเรา ในวาระนี้ พระองค์ได้ดับขันธ-ปรินิพพานได้ ๒,๕๔๗ ปีแล้ว แต่เรายังมีความเคารพเลื่อมใสได้สอดส่องใจไปยังพระองค์ แล้วก็จะได้พร้อมใจกันจุดมาฆประทีปถวายเป็นพุทธบูชา
เราก็จะได้มหากุศลอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้

             เรามาทบทวนถึงหลักคำสอนของพระองค์ ในวันเพ็ญพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ ที่ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในตัว กระทั่งทำให้สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้ แล้วก็จะได้นำหลักธรรมนี้ ไปถ่ายทอดให้กับผู้มีบุญ ผู้ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ให้ได้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน และมีเป้าหมายชีวิตมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพาน

             พระพุทธองค์ได้ให้อุดมการณ์ของพระพุทธศาสนาไว้ว่า

             ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา ความอดทนเป็นตบะธรรมอย่างยิ่ง

             นิพพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา พระพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวว่า พระนิพพานเป็นเยี่ยม

             น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต บรรพชิตผู้ฆ่าสัตว์อื่น เบียดเบียนสัตว์อื่น ไม่ชื่อว่าสมณะเลย

             เอตํ พุทฺธานสาสนํ นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

             อธิบายความจากพระบาลีที่กล่าวมาแล้วได้ว่า พระพุทธองค์ทรงสอนให้พวกเราเป็นผู้มีความอดทน ในการที่จะฝึกฝนอบรมใจให้หยุดนิ่ง เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์นับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน ทรงสรรเสริญ พระนิพพานว่าเป็นเยี่ยม ซึ่งการที่จะเข้าถึงพระนิพพานได้นั้น จะต้องทำใจให้หยุดให้นิ่ง โดยผ่านการเข้าถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะภายในตัวของเรา

             และในการฝึกฝนอบรมใจนั้น ต้องไม่เบียดเบียนตัวเองและไม่เบียดเบียนผู้อื่น ให้มีจิตประกอบไปด้วยเมตตา ใจก็จะละเอียดได้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในตัว
และพระองค์ยังทรงให้หลักการในการ ทำหน้าที่ผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตรว่า ต้องไปเป็นแสงสว่างแก่ชาวโลก อย่างน้อยก็แนะนำให้ชาวโลกเกิดสัมมาทิฏฐิขึ้นในจิตใจ ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องของกฎแห่งกรรม เรื่องบุญเรื่องบาป เรื่องผลของใจใสกับใจหมอง โดยต้องไปช่วยกันขยายความรู้เรื่องความเป็นจริงของชีวิต ไปปลุกจิตสำนึกให้มวลมนุษยชาติได้ละเว้นจากการทำบาปอกุศลทั้งปวงและก็ให้ตั้งใจสร้างบุญกุศลความดีงามทุกอย่าง รวมทั้งทำจิตใจของแต่ละคนให้ผ่องใส นี้เป็นหลักวิชชาชีวิตที่สำคัญ ที่พุทธบริษัท ๔ ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ในการนำไปประพฤติปฏิบัติ และนำความรู้นี้ไปเผยแผ่ให้กับชาวโลก

             นอกจากนี้ ยังแนะวิธีการในการดำเนินชีวิตให้แก่ชาวโลก ให้อยู่ในลู่ชีวิตที่ถูกต้องปลอดภัย ด้วยความไม่ประมาท และไม่สร้างวาทกรรมว่าร้ายใคร ไม่ไปทำร้ายใคร ให้สำรวจในศีล รู้จักประมาณในการบริโภค และให้อยู่ในสถานที่อันสงัด และหมั่นเจริญภาวนาประกอบความเพียรในอธิจิต คือ จิตอันยิ่งที่ก่อให้เกิดปัญญาอันบริสุทธิ์ ที่จะทำให้หลุดพ้นจากทุกข์ไปสู่อายตนนิพพาน

             หลักธรรมโอวาทปาฏิโมกข์ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นการกล่าวโดยสรุป เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ชีวิตจะได้มีความสุข ได้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในตัว และจะได้เป็นหลักประกันในชีวิตว่า เราจะมีแต่สุคติภูมิเป็นที่ไป
เราเป็นชาวพุทธต้องปฏิบัติให้ได้ตามหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และดีที่สุดคือต้องปฏิบัติให้เข้าถึงพระรัตนตรัย

             เราจึงจะได้ชื่อว่าเป็นพุทธบุตร พุทธสาวก พุทธสาวิกา และพุทธบริษัท ๔ ที่สมบูรณ์ เป็นชาวพุทธที่แท้จริง เป็นผู้ที่ทำให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง ซึ่งการเข้าถึงพระรัตนตรัยนั้น ได้ชื่อว่าเป็นการรักษาอายุพระพุทธศาสนา เพราะได้เข้าถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา

             การเข้าถึงแก่นของพระพุทธศาสนา คือ เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในนั้น มนุษย์ทุกคน ทั่วโลกสามารถทำได้ โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ เพราะที่ไหนมีมนุษย์ที่นั่นมีพระธรรมกาย เพราะพระธรรมกายมีอยู่แล้วภายในตัวของมนุษย์ทุกๆ คนในโลก และทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ด้วยการเจริญสมาธิภาวนา ฝึกฝนอบรมใจให้หยุดให้นิ่งอย่างถูกหลักวิชชา ถ้าทำถูกหลักวิชชา ถูกวิธี ก็จะเห็นดวงใสๆ ปรากฏเกิดขึ้นในกลางกายฐานที่ ๗ อยู่ในกลางท้องของเรา เหนือสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ นั่นแหละ เป็นต้นทางที่จะไปสู่อายตนนิพพาน เป็นเครื่องยืนยันว่าเราได้เดินมาถูกทางแล้ว ถูกต้องตามพุทธประสงค์ที่เกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญสร้างบารมี และเมื่อบุญบารมีของเราเต็มเปี่ยมก็จะได้บรรลุมรรคผลนิพพานไปสู่ที่สุดแห่งธรรมได้            

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล