อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

พระมหาสิริราชธาตุ รุ่นดูดทรัพย์ สำหรับ ผู้สร้างพระธรรมกายประจำตัวภายในมหาธรรมกายเจดีย์นั้น จะได้รับของที่ระลึกเป็นพระธรรมกายของขวัญ

อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ เรื่องที่ ๓๙๕พุ่งชนคนละมิติ

เรื่องที่ ๓๙๕พุ่งชนคนละมิติ
ขณะที่หมุนหัวกลับลำเป็นลักษณะกลับหลังหัน และในวินาทีนั้นเองก็มีรถไทเกอร์คันหนึ่งวิ่งมาทางเลนขวา
ด้วยความเร็วสูง สุดวิสัยที่จะเบรคได้ จึงวิ่งชนอย่างแรงและรวดเร็ว


 

 
 
คุณดารุณี ศิริโก เพราะบุญจึงทำให้เธอรอดชีวิตมาจนปัจจุบัน  
 

คุณดารุณี ศิริโก เป็นคนกรุงเทพฯ มีอาชีพรับราชการอยู่ที่กระทรวงอุตสาหกรรม เคยได้ทราบข่าวการปฏิบัติธรรมของวัดพระธรรมกาย สมัยที่ยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ตอนนั้นรู้สึกอยากลองไปดู แต่ยังไม่มีโอกาส พอเรียนจบเข้าทำงานจึงให้เพื่อนขับรถพามายังวัดพระธรรมกายในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ตอนมาในครั้งแรกคุณดารุณียังไม่เข้าใจหลักธรรมคำสอนมากนัก และยังไม่ศรัทธาวัดพระธรรมกาย จึงเข้ามาด้วยความสงสัยหลายๆ อย่าง และจ้องจะจับผิดตามกระแสข่าวที่วิพากษ์วิจารณ์จนสับสนไปหมด แต่พอได้มาวัดอย่างสม่ำเสมอ ได้รับฟังคำสอนจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เห็นภาพพระภิกษุสามเณรที่มีวัตรปฏิบัติที่งดงาม มองดูเรียบร้อย ทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติมิได้บกพร่องเลย เธอจึงเริ่มปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังตามที่ได้รับการสอนจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พอเข้าใจลึกซึ้งถึงทางมาแห่งบุญแล้วจึงไม่รอช้า ร่วมบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัว ประดิษฐานไว้ที่มหาธรรมกายเจดีย์ ชักชวนบุคคลอันเป็นที่รัก และเพื่อนสนิทมาร่วมสร้างด้วยกัน บอกบุญองค์พระธรรมกายประจำตัวได้เกือบ ๒๐ องค์ จนได้รับพระของขวัญเป็นพระคะแนนสุดๆ สิ่งนี้เป็นความรู้สึกที่ภาคภูมิใจมาก เพราะเปรียบเสมือนข้อระลึกว่าได้พยายามประกอบคุณความดีจนถึงที่สุด และได้เก็บรักษาไวัอย่างดีเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกหลานได้ชื่นชมและปฏิบัติตามในด้านการช่วยกันทำนุบำรุงพระศาสนา ชักชวนคนให้มีโอกาสได้ทำ ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา


นอกจากนี้ยังได้ร่วมบุญสร้างองค์พระแกนกลาง บูชาธรรมพระมงคลเทพมุนี คุณดารุณีจึงไม่เคยหวั่นไหวในหนทางการสร้างความดี เชื่อมั่นในคุณของพระรัตนตรัยที่ไม่มีประมาณ และพยายามตั้งใจทำความดีต่อไป เพื่อสั่งสมบุญประกอบกุศลกรรมเป็นที่ตั้ง
จนกระทั่งวันหนึ่ง อานุภาพบุญที่ไม่มีประมาณ ส่งผลตามคุ้มครองคุณดารุณีและน้องสาวให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ นั่นคือ เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๒ วันนั้นตั้งใจจะไปร่วมงานบวชน้องชายที่จังหวัดลพบุรี ได้ชวนน้องสาวคือคุณวาสนา ศิริโก ไปเป็นเพื่อนด้วย

 
จุดที่รถพุ่งชนกัน แต่เหมือนอยู่คนละมิติ  
 

ออกเดินทางเวลาระหว่าง ๖-๗ โมงเช้า ขับรถไปจนถึงจุดเกิดเหตุ บนถนนสายเอเซีย ซึ่งเป็นถนนสี่เลน มีร่องกลางถนนเป็นแนวกั้นแบ่งเป็นสองฟาก ขับได้สองเลน คุณดารุณีขับมาถึงบริเวณ "ตลาดปลาปูเป็น" ตอนนั้นมีรถขับสัญจรไปมาเยอะมาก ขณะนั้นรถในเลนขวาแล่นเร็วมาก และมีรถต่อกันเป็นขบวนแทบไม่มีช่องให้แซงขวาขึ้นไปได้เลย


คุณดารุณีจึงตัดสินใจแซงซ้ายเพื่อให้พ้นรถคันข้างหน้าที่ขับช้ามาก เธอจึงเร่งความเร็ว ๑๐๐ กม./ชม. มองเห็นว่าทางซ้ายมีไหล่ทางกว้างพอสมควร และสามารถขับพ้นคันหน้าได้อย่างสบาย พอคิดได้ดังนั้นก็หักพวงมาลัยลงจากขอบถนน ซึ่งมีความต่างระดับประมาณหนึ่งคืบ ความต่างระดับนี้ เธอมองไม่เห็น ดูเหมือนกับเรียบเป็นแผ่นเดียวกัน


ทันทีที่หักพวงมาลัยไปทางซ้าย ทันใดนั้นเองรถก็เอียงวูบแฉลบไปทางเลนขวา และหมุนอย่างรวดเร็ว เพราะความต่างระดับของขอบถนน จึงทำให้รถเกิดเสียศูนย์ ตอนนั้นคุณดารุณีทำอะไรไม่ถูกเลย รถหมุนไปกี่รอบก็ไม่ทราบ รู้สึกเพียงว่ารถกำลังหมุน เหมือนนั่งอยู่ในถ้วยใบหนึ่ง และหมุนไป วุบๆๆๆ ราวกับลอยอยู่ในอวกาศ ไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น เบาๆ นุ่มๆ เหมือนขนนก


ทันใดนั้น รู้สึกราวกับว่ารถกำลังจะพลิกหงายท้อง ขณะที่หมุนหัวกลับลำเป็นลักษณะกลับหลังหัน และในวินาทีนั้นเองก็มีรถไทเกอร์คันหนึ่งวิ่งมาทางเลนขวาด้วยความเร็วสูง สุดวิสัยที่จะเบรคได้ จึงวิ่งชนอย่างแรงและรวดเร็ว แต่แปลกที่คุณดารุณีกลับไม่รู้สึกถึงแรงกระแทกนั้นเลย ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เหมือนอยู่คนละโลกคนละมิติกันเลย ขณะนั้นไม่ทันนึกถึงอะไรทั้งสิ้น เพราะเหตุเกิดขึ้นรวดเร็วมาก รถคันนั้นวิ่งเข้าชนด้านที่คุณดารุณี นั่งอยู่แต่แฉลบไปชนประตูด้านหลัง ซึ่งจริงๆ แล้วน่าจะชนตรงประตูด้านหน้าพอดิบพอดี เพราะเป็นจังหวะที่จะหันหัวกลับมาอยู่ตรงข้ามกับรถที่วิ่งเลนขวา และต้องประสานงากันอย่างจังแน่นอน แต่น่าอัศจรรย์ใจที่รถกลับแฉลบไปชนประตูด้านหลัง เฉียดร่างคุณวารุณีไปนิดเดียวเท่านั้นเอง

 
สภาพรถที่คุณดารุณีรู้สึกเพียงว่า รถกำลังหมุนเบาๆ นุ่มๆ เหมือนขนนก
 
 

แรงกระแทกระหว่างรถทั้งสอง ทำให้รถคุณดารุณีซึ่งเสียการทรงตัวกระเด็นออกไปคล้ายกับนั่งรถไฟเหาะตีลังกา และจอดนิ่งอยู่ระหว่างแนวต้นไม้ใหญ่สองต้นที่อยู่กลางร่องถนน ทั้งคู่รัดเข็มขัดนิรภัยอยู่จึงไม่กระเด็นออกจากรถ พอได้สติเธอหันไปดูน้องสาวและถามว่า "เป็นอะไรหรือเปล่า" น้องสาวตอบว่า "ไม่เป็นไร" ซึ่งช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์นั้นน้องสาวกำลังหลับอยู่ พอรู้ว่าไม่เป็นไรก็พยายามเปิดประตูด้านคนขับออกมา แต่ประตูเปิดออกไม่ได้จึงออกทางประตูด้านซ้ายมือ โทรศัพท์เรียกบริษัทประกันและคิดว่ารถคงไม่เป็นอะไรมาก


แต่พอสำรวจดูสภาพรถต้องตกใจมากเข่าอ่อนแทบทรุดไปกองอยู่กับพื้น เพราะรถเสียหายพังยับเยิน ตัวถังยุบหักเข้ามาถึงเบาะประมาณช่วงแขน กะทะล้อและปีกนกหัก กระจกแตกละเอียด ยางแตกทั้ง ๔ ล้อ เสียหายยับเยิน ส่วนรถคู่กรณีนั้นเป็นรถไทเกอร์ที่แข็งแรงมาก สภาพรถดูไม่แตกต่างกันเลย ด้านหน้ารถพังยุบเข้ามาถึงหม้อน้ำ น้ำมันไหลออกมาจนขับเคลื่อนไม่ได้ คนขับบอกว่า ถ้ารถเขาไม่พุ่งเข้าชน ป่านนี้รถของเธอต้องพลิกแน่นอน เพราะเขาเห็นว่ารถกำลังจะพลิกแต่เขาไม่สามารถ เบรคกระทันหันได้ จึงชนเข้าอย่างเต็มแรง
คุณดารุณี และน้องสาวรอดจากอุบัติเหตุครั้งนี้อย่างอัศจรรย์ใจ ทั้งคู่ไม่มีบาดแผลหรือรอยฟกช้ำแม้เพียงนิดเดียว รถที่ขับสวนไปมาต่างก็จอดดูและพูดกันว่า "ไม่เป็นอะไรเลยเหรอ" เพราะสภาพรถพังยับเยินแบบนี้ใครๆ ก็ต้องเข้าใจว่าต้องมีคนได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน แต่นี่ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่รอยฟกช้ำดำเขียว


เพื่อนที่ทำงานที่ทราบเรื่องต่างก็ถามไถ่ด้วยความแปลกใจว่า "ห้อยหลวงพ่ออะไรหรือคะ" เธอจึงตอบอย่างมั่นใจว่า "ห้อยพระมหาสิริราชธาตุ" เธอกล่าวว่า "นี่แหละคืออานุภาพบุญที่ปกปักรักษาเธอและน้องสาวให้ปลอดภัย" จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทำให้ได้ข้อคิดว่า ชีวิตคนเรานั้นไม่แน่นอน เราอาจคิดว่าเรายังไม่แก่ยังไม่ถึงเวลาตาย แต่ใครจะรู้ได้ว่าพญามัจจุราชเขาทำงานทุกเสี้ยววินาที พร้อมที่จะพรากชีวิตเราไปได้ทุกขณะ จะเกิดขึ้นที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ฉะนั้นอย่าประมาทในชีวิต หมั่นสั่งสมบุญบารมีเข้าไว้มากๆ เพราะเราไม่อาจจะรู้ได้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับเรา


คุณดารุณีมั่นใจในบุญอย่างยิ่ง ไม่รอช้าในการแสวงหาบุญเธอจึงเปิดบ้านกัลยาณมิตรเพื่อที่เธอจะได้สวดมนต์นั่งสมาธิบำเพ็ญบุญกุศลได้ทุกวัน และชักชวนบุคคลผู้เป็นที่รัก ญาติมิตรและเพื่อนฝูงมาร่วมกันปฏิบัติธรรม เพราะยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มต้นในวันนี้

 
คุณดารุณีมั่นใจในอานุภาพบุญอย่างยิ่ง เปิดบ้านเป็นที่ปฏิบัติธรรมทันที
 

อยากให้คนที่ไม่ชอบวัดพระธรรมกาย เพราะฟังแต่ข่าวทางลบ มาพิสูจน์ความจริงเหมือนคุณดารุณีเมื่อรู้ข้อแท้จริงแล้ว จะได้ไม่เป็นบาปแก่ตนเองที่เชื่ออะไรไว้ผิดๆ ปิดกั้นหนทางสร้างบุญกุศลให้ตนเอง


รายนี้ขนาดตั้งใจไปร่วมงานบุญบวชน้องชาย เป็นงานกุศลแท้ๆ แต่ขับรถเร็วเกินร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ใช่เรื่องบุญแล้ว กลายเป็นความประมาทไปเสีย แต่ยังดีที่ไม่ประมาท คาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้ มิฉะนั้นไม่ทราบชีวิตจะออกหัวหรือออกก้อย เพราะรถพังยับเยินขนาดนั้น

การนั่งรถไปด้วยกันกับคนขับ ถ้าไม่ชวนคนขับรถคุยเพื่อไม่ให้คนขับง่วงนอน ก็ไม่ควรไปนั่งหลับให้คนขับดู คิดถึงจิตใจคนขับรถบ้าง หันไปเห็นแต่คนหลับคอพับคออ่อน อาการและท่าทางหมดสภาพ หมดความรู้สึก บางทียังอ้าปากกรนเสียง ครืด..คราด... ย่อมทำให้คนขับเห็นแล้วเกิดอารมณ์อ่อนเพลียตามไปด้วย ง่วงนอนตามเอาง่ายๆ


นี่คุณดารุณีขับรถ ไม่ได้หลับตามน้องก็จริง ถ้าน้องไม่หลับคอยคุยด้วย อาจไม่เร็วขนาดนั้น โดยเฉพาะการขับผ่านไปในสถานที่มีการทำบาปสั่งสมเอาไว้มาก อย่างเช่นตลาดสดที่เล่าไว้ ค้าขายสัตว์เป็น กุ้ง หอย ปู ปลา ฯลฯ ที่คนซื้อไปฆ่าแกงกิน มีเวรปาณาติบาตซับซ้อนซ้ำซากเป็นเดือน เป็นปี เป็นหลายๆ ปี มีกระแสพลังของความโกรธแค้น ผูกพยาบาทของสัตว์ที่ล้มตายวนเวียนอยู่ทั่วบริเวณ


โดยที่จริงแล้ว สัตว์ทุกชนิดนั้น แต่เดิมพวกเขาคือคนเรานี่เอง ทำบาปไว้ ทำให้ต้องไปเกิดใช้หนี้กรรมเป็นสัตว์ ซึ่งก็มีจิตใจรู้จักสุข เกลียดทุกข์เหมือนคนเรา เมื่อจะถูกฆ่าย่อมรู้ตัว รู้จักเสียใจ รู้จักโกรธแค้น ผูกเวรจองเวรคนฆ่า บริเวณสถานที่ประเภทค้าขายชีวิตสัตว์จึงมีกระแสบาปวนเวียน เต็มไปด้วยแรงอาฆาต คนเดินทางผ่าน หากมีบุญน้อย หรือกำลังประมาท พลั้งพลาดเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย


โชคดีที่คุณดารุณี นึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย อันมีอานุภาพประมาณไม่ได้ จึงประสบเคราะห์กรรมแค่ทรัพย์สิน ชีวิตไม่เป็นอันตรายอะไร


การขับรถเดินทางไกล นอกจากไม่ประมาท ขับรถด้วยความระมัดระวังอย่างดีแล้ว ควรสร้างบุญกุศลเพิ่มเติมให้ตลอดเวลา เพราะเราย่อมไม่ทราบว่า ในการเวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วนของชีวิตเรานั้น เราเคยมีหนี้เวรกรรมกับผู้ใดไว้ ณ สถานที่ตรงไหน ซึ่งเราอาจเดินทางผ่านในชาตินี้ และเจ้าหนี้กำลังรอคอยอยู่ตรงบริเวณ เหมือนเปิดโอกาสให้ทวงหนี้โดยสะดวก การทำบุญกุศลเพิ่มเติม ทำด้วยการบริจาคทาน รักษาศีล เป็นการกระทำที่จำกัดเวลาและสถานที่ แต่ทำด้วยการภาวนา ทำได้ตลอดเวลา และสามารถป้องกันภัยให้ตนเองได้

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -
 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล