เรื่องที่ ๔๐๖ เหนือจินตนาการเมื่อผ่านมิติ
ตอนนั้นผมมีความรู้สึกว่ามีบางอย่างผ่านลำรถผมไปเสียงเฟี้ยว...เฟี้ยว แต่ไม่เป็นอะไรอัศจรรย์จริง...จริง
คุณอนุชัย ปรีดาพัฒน์พงศ์ ผู้อุทิศชีวิตเพื่องานพระพุทธศาสนา |
คุณอนุชัย ปรีดาพัฒน์พงศ์ เล่าถึงประวัติของตนเองที่น่าสนใจว่า เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๙ ชีวิตของเขาเปลี่ยนจุดหักเหจากวัยรุ่นวัยคะนองมาเป็นชีวิตที่มีเป้าหมายเพราะเมื่อตัดสินใจลองมาอบรมบวชธรรมทายาทตามคำชวนของพี่ชาย จากคนที่ไม่รู้เรื่องในพุทธศาสนาเลย เขาเริ่มเข้าใจชีวิตและสามารถมีมุมมองของชีวิตที่แตกต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง เขาได้เรียนรู้ประสบการณ์ที่วิเศษที่สุดว่า นอกเหนือจากการดำเนินชีวิตทางโลกที่เป็นชีวิตภายนอกแล้ว คนเราทุกคนยังมีชีวิตภายในที่ละเอียดอ่อนประณีต มีความสุขเยือกเย็น คุณอนุชัยเริ่มนั่งสมาธิครั้งแรกในชีวิตตอนที่เข้ามาอบรม ขณะที่นั่งตามพระอาจารย์แนะนำนั่งๆ ไป เอ๊ะในตัวของเรามีความสว่างภายในด้วย พระอาจารย์ท่านก็แนะนำต่อว่าให้นำใจไปวางไว้กลางกายความสว่างยิ่งนานยิ่งนิ่งๆ ความ สงบก็เพิ่มขึ้นท่ามกลางความสงบนั้น ทำแบบนี้อยู่หลายวันเขาบอกว่ามีความสุขเบิกบานจังเลย ต่างกับความสุขที่เคยได้เล่นกีฬาหรือได้เฮฮากับกลุ่มเพื่อน
ตั้งแต่นั้นมาหลังจากจบการอบรมลาสิกขาบทแล้วชีวิตของเขาไม่ได้ห่างไกลจากพระรัตนตรัยอีกเลย อุทิศตนช่วยงานสืบทอดอายุพระศาสนา โดยการเป็นอุบาสกอยู่ที่วัดพระธรรมกาย ควบคู่ไปกับการทำสมาธิ อบรมใจของตนเองเพื่อที่จะได้ไปเรียนรู้ชีวิตภายในที่น่าศึกษาให้มากยิ่งขึ้นอีก
เขาได้เล่าถึงประสบการณ์ชีวิตที่เหลือเชื่อ เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๒ ที่ผ่านมานี้ วันนั้นเวลาประมาณบ่าย ๔ โมงเย็นเขาตั้งใจว่า “วันนี้จะกลับไปสวดมนต์ที่บ้าน พร้อมทั้งจะนำเทปโอวาทนำนั่งสมาธิของหลวงพ่อธัมมชโย ชุดแบบอย่างของนักสร้างบารมี ได้ฟังแล้วดีมากจะนำไปเปิดให้สมาชิกในบ้านฟังขณะนั่งสมาธิ เพราะที่บ้านเปิดเป็นบ้านกัลยาณมิตร”
รถสิบล้อสามารถวิ่งผ่านรถของคุณอนุชัยได้เหมือนกับผ่านอีกมิิติ
|
วันเสาร์ฝนตกรถติด คำพูดนี้เหมาะกับบรรยากาศของวันนั้นจริงๆ ฝนตก ถนนค่อนข้างลื่นรถก็วิ่งติดกันเป็นแพชนิดที่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถคันข้างหน้า รถที่ตามหลังมาเป็นขบวนถ้าไม่ทันระวังต้องเจอปฏิกิริยาลูกโซ่แน่นอน คุณอนุชัย ขับรถไปด้วยความเร็ว ๗๐ กม./ชม. ขับมาจนถึงถนนวงแหวนตะวันออก (มอเตอร์เวย์) ช่วงรามอินทรา ถนนเส้นนี้เป็นวันเวย์มี ๒ เลน รถทุกคันขับตามกันเป็นขบวนยาวเหยียด คุณอนุชัยขับมาเรื่อยๆ จนใกล้จะถึงทางแยกลำลูกกาต้องขึ้นบนสะพาน ขณะรถกำลังเคลื่อนตัวอยู่บนสะพาน รถคันข้างหน้าเกิดชลอความเร็ว คุณอนุชัยจึงต้องลดความเร็วกะทันหันกลางสะพานซึ่งมีราวกำแพงกั้นไว้ทั้งสองข้าง แต่เผลอไปแตะเบรคโดยลืมไปว่าหลายคนเคยบอกว่าถนนเส้นนี้เวลาฝนตกจะลื่นมากอย่าแตะเบรคเป็นอันขาด
ทันทีที่แตะเบรคเบาๆ เหตุการณ์กลับพลิกผันเกิดขึ้นรวดเร็วมากยากต่อการควบคุม รถของคุณอนุชัยเสียการทรงตัวหมุนอยู่กลางสะพานท่ามกลางขบวนรถมากมายทั้งรถปิคอัพ ๔ ล้อไปจนถึงรถบรรทุก ๑๐ ล้อ ๑๘ ล้อที่วิ่งตามกันมา วินาทีนั้นเขาไม่สามารถจะควบคุมพวงมาลัยได้ รถได้หมุนเองรอบแรกผ่านไป รอบที่สองหัวรถเริ่มเฉไปทางราวสะพานที่เป็นกำแพงคอนกรีตปิดกั้นความสูงเอาไว้ ขณะเกิดเหตุสุดวิสัย ใจของคุณอนุชัยมุ่งหยุดไปที่ศูนย์กลางกายโดยอัตโนมัติ ราวกำแพงใกล้เข้ามาทุกทีทุกที คิดในใจว่าชนแน่ไม่มีทางเลือก
ทางเลือกสำหรับอุบาสกผู้ยึดมั่นอยู่ในพระรัตนตรัยอย่างคุณอนุชัยมีทางเดียวคือ บุญ รีบตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีของพระมหาสิริราชธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ และบารมีของหลวงพ่อธัมมชโยช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัย “ช่วยคุ้มครองลูกด้วย” ช่วงนี้ใจจรดศูนย์กลางกายอย่างเดียว
ในวินาทีต่อมา รถของเขาที่กำลังไถลไปข้างหน้าโดยมีกำแพงราวสะพานเป้าหมายก็เปลี่ยนทิศทางเบนหัวไปทางขวามือ รถยังคงเหวี่ยง เป๋ไปเป๋มากลางสะพานแคบๆ ขณะนั้นยังควบคุมรถไม่ได้ รถหมุนตัวราวกับโลกทั้งโลก มีรถของคุณอนุชัยเพียงคันเดียว ทั้งที่ความเป็นจริงมีรถวิ่งตามหลังรถของคุณอนุชัยมาเป็นขบวนยาวเหยียด ไม่รู้ว่ารถขบวนรถสิบล้อ สิบแปดล้อ วิ่งผ่านรถของคุณอนุชัยไปได้อย่างไร แต่ในขณะที่รถยังหมุนเหวี่ยงตัวของมันเองอีกรอบครึ่งจึงจะสงบลงได้ และจอดสนิทกลางสะพานคร่อมอยู่ทั้งสองเลน แต่รถหันหัวกลับตาลปัตรย้อนไปทางทิศเดิมที่วิ่งมาจอดขวางทาง ๔๕ องศา คุณอนุชัยโล่งอกที่ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ตรงนี้ไปได้
บริเวณสะพานที่รถของคุณอนุชัย
ลื่นหมุนอย่างแรง แต่คงเป็นเพราะบุญ จึงทำให้รถไม่พุ่งไปชนกับราวสะพาน |
คุณอนุชัย นึกทบทวนดูช่วงที่รถหมุนรอบทิศอยู่นั้น น่าแปลกใจว่าขบวนรถที่ตามมาสามารถหลบรถของเขาไปได้อย่างไร สะพานก็แคบๆ ยังจะมีช่องให้รถหลบได้อีกหรือ แล้วรถที่วิ่งอีกเลนทำไมไม่ชนกัน ในขณะที่รถเป๋ไปเป๋มา คุณอนุชัยบอกว่ามีความรู้สึกว่ามีวัตถุบางอย่างวิ่งผ่านกลางรถของเขาไป พร้อมกับเสียงดัง เฟี้ยว...เฟี้ยว ดังเป็นระยะๆ หาเหตุอะไรมารองรับไม่ได้ เหตุการณ์์เกิดขึ้นรวดเร็วมาก แต่ไม่เกิดอันตรายใดๆ รถทุกคันที่อยู่ในช่วงเวลาตอนนั้นวิ่งผ่านไปได้ เหมือนกับไม่มีรถของคุณอนุชัยเลย
คุณอนุชัยกล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า “ผมปลอดภัยได้เพราะอานุภาพของคุณพระศรีรัตนตรัยผ่านองค์พระมหาสิริราชธาตุ จากเหตุการณ์นี้ ผมเชื่อแล้วท่านสามารถคุ้มครองให้รถของผมทะลุมิติได้จริง ซึ่งแต่ก่อนผมอ่านเรื่องราวอานุภาพของบุคคลอื่นผมยังคิดในใจว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไรทางเหลือแค่เมตรเดียวรถหดตัวผ่านไปได้ ตอนนี้เชื่อพันเปอร์เซ็นต์ครับ รถผมหมุนสองรอบครึ่งกลางสะพานแคบๆ แต่รถที่วิ่งตามมาสองเลนผ่านรถผมไปได้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุชนกัน ทั้งที่ตอนนั้นผมมีความรู้สึกว่ามีบางอย่างผ่านลำรถผมไปเสียงเฟี้ยว...เฟี้ยว แต่ไม่เป็นอะไร อัศจรรย์จริง...จริง”
แต่ละครั้งที่เล่าเรื่องทะลุมิติ ทำนองเดียวกับเรื่องนี้ คนที่เชื่อมากที่สุด คือคนที่ประสบเหตุดังกล่าวนั้นด้วยตนเอง คนอ่านอื่นๆ ก็จะสงสัย เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ในตอนนั้น จึงยากที่จะเข้าใจเพราะอานุภาพของพระรัตนตรัยนั้นเป็นอจินไตย เหนือจินตนาการ และการคาดเดา
สื่อระลึกนึกถึงพระรัตนตรัย ที่ติดอยู่ที่รถตลอดเวลา
|
คุณอนุชัยชี้จุดที่เหมือนมีบางอย่างทะลุผ่าน
รถของตนไป เสียงดััง "เฟี้ยว...เฟี้ยว" |
อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ทุกอย่าง ต้องมีแรงกรรมเป็นตัวกำหนดอยู่เสมอ การเกิดอุบัติเหตุทุกครั้ง ถือว่ามีแรงบาปมาส่งผลให้เกิด ถ้าเกิดอุบัติเหตุจริง แต่ความเสียหายไม่มี อย่างรายคุณอนุชัยที่เล่าถึงอยู่นี้ แสดงว่ามีแรงบุญคุ้มครองรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี พวกรถที่วิ่งตามมาข้างหลัง เบรคกระทันหันไม่ทัน ขับผ่านรถคุณอนุชัยไปเหมือนทะลุมิติ ก็หมายความว่า คนขับรถคันนั้นไม่มีหนี้บาปอะไร จึงปลอดภัยในพริบตา ที่เรียกว่าพริบตา เพราะการหมุนของรถคุณอนุชัยถึง ๒ รอบครึ่ง แต่ละรอบเท่ากับ ๓๖๐ องศา
รถที่ถือว่าวิ่งทะลุมิติไปได้โดยปลอดภัย จะต้องผ่านรถคุณอนุชัยในช่วงที่ตัวรถหมุนอยู่ในลักษณะขนานกับถนน ถ้าหมุนอยู่ในลักษณะขวางถนน เป็นต้องชนกันแน่นอน แต่เหตุการณ์ครั้งนี้กลับไม่มีใครเป็นอะไรเลย
ทางที่ดีเวลาเดินทาง ควรมีสติขับด้วยความระมัดระวัง และให้ใจคิดอยู่แต่เรื่องที่เป็นกุศล เช่นคุณของพระรัตนตรัยหรือแม้คุณของเทวดาที่ดูแลองค์พระมหาสิริราชธาตุของเราก็ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ใช่ความงมงาย เพราะแม้ในการฝึกสมาธิด้วยอนุสติ ๑๐ ประการ ยังมีให้ระลึกถึงคุณของเทวดาที่เรียกว่า เทวดานุสสติ เพราะการเป็นเทวดาจะต้องเคยทำความดีไว้ด้วยสัปปุริสธรรม ๗ ได้แก่ ศรัทธา ศีล จาคะ สุตะ ปัญญา หิริ โอตตัปปะ เมื่อระลึกถึงคุณของเทวดาอย่างนี้ จิตย่อมเกิดกุศล ได้ความปีติอิ่มเอิบ ไม่แกว่งไปในราคะ โทสะ โมหะ อันทำให้เศร้าหมองเร่าร้อน เมื่อบุญกุศลเกิดอย่างต่อเนื่องขณะเดินทาง บาปกรรมที่กำลังจะตามทัน จะถูกแรงบุญเบียดเบียน ให้อ่อนกำลัง เรื่องร้ายแรงก็จะผ่อนเป็นเบา เรื่องเบาก็หายไป
องค์พระมหาสิริราชธาตุที่คุณอนุชัย
หมั่นสวดสรรเสริญท่านเป็นประจำทุกวัน |
ขอย้ำเรื่องเทวดาอีกนิดว่าไม่ใช่เรื่องงมงาย ในอังคุตตรบาลี แสดงว่า การเคารพเทพเจ้าที่สิงสถิตอยู่ในบ้านเรือน ในหมู่บ้าน ย่อมเกิดมงคลในมหาปรินิพพานสูตร แสดงว่า การเคารพต่อเจ้าที่เจ้าทาง ย่อมได้รับการคุ้มครองผลประโยชน์ให้ในรัตนสูตร แสดงว่า บุคคลผู้บูชาสักการะปวงเทพยดานั้น ย่อมได้รับเมตตาจิตเป็นการตอบแทน
ในมหาปรินิพพานสูตร อีกตอนหนึ่งว่า บุคคลใดขาดคารวะต่อเจ้าที่ เจ้าทาง ย่อมได้ประสบภัยที่จะมีมาโดยไม่รู้ในเปตวัตถุพระบาลี แสดงว่า ท้าวมหาราชทั้ง ๔ เป็นผู้คุ้มครองมนุษยโลก ผู้ใดทำการบูชาท่าน ตัวย่อมไม่เสียผลในการบูชา จะได้รับความสุขความสบายเป็นเครื่องตอบแทน
ทั้งนี้เทวดาย่อมมีจิตใจเหมือนมนุษย์ทั่วไป ใครดีด้วยก็ย่อมมีไมตรีจิตให้ แต่ถ้าใครจะไม่สนใจเทวดาเลย จะยึดถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะก็ไม่ผิด แต่ไม่ควรว่าหรือเข้าใจผิดว่าผู้ที่นิยมบูชาเทวดานั้นงมงาย เพราะเป็นเรื่องของจิตใจ เป็นประโยชน์ทั้ง ๒ อย่าง บูชาพระรัตนตรัยอันเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดได้บุญกุศล บุญนั้นเองคุ้มครองตนเอง ส่วนบูชาเทวดา ได้เมตตาจิตจากเทวดา จึงเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลที่จะถือปฏิบัติเพราะไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ดีทั้งนั้น