อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

พระมหาสิริราชธาตุ รุ่นดูดทรัพย์ สำหรับ ผู้สร้างพระธรรมกายประจำตัวภายในมหาธรรมกายเจดีย์นั้น จะได้รับของที่ระลึกเป็นพระธรรมกายของขวัญ

อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ เรื่อง หลุดหนี้

เรื่อง หลุดหนี้
 

 
 
มหาธรรมกายเจดีย์ที่คุณวรรณี ธิติศุภโขติ ไปอธิษฐานจิตขอพร
ในขณะที่ตนเองมีปัญหาชีวิตครอบครัวอย่างหนัก
 

คุณวรรณี ธิติศุภโชติ อยู่เขตธนบุรี กรุงเทพฯ เล่าเรื่องของเธอว่า เธอมาทำบุญที่วัดพระธรรมกายอยู่เสมอ โดยเฉพาะบุญวันอาทิตย์ต้นเดือน และงานบุญใหญ่ของวัดเช่น มาฆบูชา วิสาขบูชา ทอดกฐิน ไม่ยอมให้พลาดเลยสักครั้ง แต่เดิมฐานะทางบ้านไม่ฝืดเคืองอะไร แต่มาสองปีนี้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจทั้งประเทศ สถาบันการเงินถูกปิดกิจการหลายแห่ง ครอบครัวของเธอได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ไม่มีรายได้พอส่งหนี้ค่าซื้อบ้านให้ธนาคาร


ทางธนาคารส่งหนังสือทวงหนี้มาในวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๔๑ หากขาดการชำระ จะฟ้องยึดบ้านขายทอดตลาด คุณวรรณีทุกข์ใจมาก หาวิธีแก้ไขยังไม่ได้ จึงเข้าไปอยู่ในห้องพระทำสมาธิตลอดเวลาบ่ายของวันที่ได้รับหนังสือทวงหนี้


เมื่อออกจากสมาธิ คุณวรรณีนำรูปถ่ายของบ้านที่จะถูกยึดวางไว้ใต้พระพุทธรูป เจตนาขอให้ท่านช่วยรักษาสมบัติของเธอ ทั้งยังทำการอธิษฐานจิตว่า


"ลูกได้ทำบุญที่วัดพระธรรมกายมาแล้วด้วยดีทั้งหมด ทำด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น ขอบุญนี้ให้ลูกได้พ้นจากความเดือดร้อนที่กำลังเกิดขึ้น ขอให้มีทางออก รักษาทรัพย์เอาไว้ได้''


วันที่ ๑๙ กรกฎาคม คุณวรรณีไปที่วัดเพื่อทำบุญตามปกติ ตอนเช้าแวะไปที่พระมหาธรรมกายเจดีย์ เพื่อนมัสการพระบรมพุทธเจ้าพร้อมทั้งสวดมนต์ภาวนาอธิษฐานจิตขอทางแก้ไข


จากนั้นได้ไปที่ห้องขันติ เพื่อรอถวายเงินสร้างพระแกนกลางของน้องชาย เพราะน้องมีเงินสร้างก่อน คุณวรรณีมาร่วมอนุโมทนา เมื่อเสร็จจากการถวายปัจจัยแล้ว ทั้งพี่น้องรู้สึกเบิกบานใจที่ตนเองได้ทําบุญและมีสิทธิ์เป็นเจ้าของพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุ

พอนึกถึงพระของขวัญดังกล่าว แม้มิใช่ของตนเองเป็นของน้องชาย คุณวรรณีรีบอธิษฐานจิตขอพรท่านทันทีว่า "ขอให้หลุดพ้นจากหนี้ ขอให้ขายที่ดินซึ่งตั้งใจขายอยู่แปลงหนึ่งได้ จะเอาเงินมาใช้หนี้เรื่องบ้าน" แล้วสองคนพี่น้องก็พากันเดินทางกลับบ้านพร้อมคนในบ้านที่มาด้วย

รถวิ่งออกจากวัดมาได้ประมาณ ๕ นาที โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในรถดังขึ้น ทุกคนในรถดีใจหวังว่าอาจมีคนขอซื้อที่ดิน และก็เป็นความจริงตามที่คิด


คนขอซื้อพูดว่า "ผมน่ะ กำลังยืนอยู่บนที่ดินที่คุณบอกขายอยู่นะ อยากจะขอซื้อ คุณจะขายราคาเท่าไหร่"

 

คุณวรรณีเป็นหนี้เรื่องบ้านอยู่ ๒ ล้าน ๒ แสน จึงตอบไปว่า จะขายสองล้านห้า อีกฝ่ายท้วงว่าแพงไป ขอให้ลดลงให้เต็มที่ เขาจะไม่เสียเวลาต่อราคา คุณวรรณีจึงตอบว่าสองล้านสามเป็นราคาขาดตัว ค่าโอนกรรมสิทธิ์ออกคนละครึ่ง

อีกฝ่ายตอบว่า ขอติดต่อกับคนซื้อตัวจริงก่อน แล้วจะโทรศัพท์แจ้งมาภายหลัง พร้อมทั้งปรารภว่า ไม่รีบร้อนซื้อเพราะคิดว่าปลายปีนี้ ที่ดินจะต้องมีราคาถูกลงอีก

คุณวรรณีจะขอเบอร์โทรศัพท์ของผู้ซื้อตัวจริง อีกฝ่ายก็ไม่ยอมให้ บอกแต่ว่าเคยเป็นหมอกระดูกที่เก่งอันดับหนึ่งของประเทศเรา ตอนนี้ไปทำมาหากินอยู่ออสเตรเลีย แต่มีเงินฝากอยู่ในธนาคารที่เมีองไทย ๒ ล้านบาท ครบกำหนดแล้ว ยังไม่ได้คิดดอกเบี้ย จึงเตรียมจะซื้อเพียงแค่ ๒ ล้านบาท

ในระยะที่รอคอยคำตอบอยู่นั้นคุณวรรณีกระวนกระวายใจเป็นทุกข์มาก เกรงคนซื้อไม่ตกลง ได้แต่เฝ้าอธิษฐานจิตตรึกภาพองค์พระมหาสิริราชธาตุที่ศูนย์กลางกาย ขอให้ท่านช่วยตลอดเวลา

เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ผู้ซื้อโทรศัพท์มาแจ้งว่าขอซื้อในราคาสองล้านสองแสนบาท เท่าราคาใช้หนี้ธนาคารพอดี สมกับที่คุณวรรณี อธิษฐานขอให้ "หลุดหนี้"

แล้วทั้งสองฝ่ายก็ตกลงซื้อขายกันทันทีด้วยเงินสดภายในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม เพราะผู้ซื้อต้องรีบกลับต่างประเทศ คุณวรรณีใช้หนี้ธนาคารหมดสิ้นเรียบร้อย สบายใจอยู่กระทั่งทุกวันนี้

เธอจึงถือว่า นี่เป็นเรื่องอัศจรรย์ในอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของพระมหาสิริราชธาตุอย่างแน่นอน เพราะปัจจุบันนี้การขายที่ดินหรือขายบ้าน ทำได้ยากมาก มีแต่คนต้องการขาย ไม่มีผู้ซื้อ คุณวรรณีขายได้ นับเป็นเรื่องอัศจรรย์จริงๆ และก็ได้ราคาตามที่ขอด้วยน่าประหลาดใจ


รายคุณวรรณีก็เหมือนคนเราทั่วไป เดือดร้อนที่สุดเข้า ย่อมพยายามหาที่พึ่งไปทั่ว ยังดีที่รู้จักพึ่ง เอารูปบ้านไว้ใต้ฐานพระ ฝากท่านรักษาให้ ไปวัดไม่รู้ทำอย่างไร ขอไปกราบพระเจดีย์ทั้งที่ยังลร้างไม่เสร็จ อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจ มาจบลงที่ขอพรพระมหาสิริราชธาตุ

คนบางคนทั้งที่อ้างว่านับถือพระพุทธศาสนา แต่พอเดือดร้อน ลืมนึกถึงพระพุทธเจ้า ลืมพระธรรมคำสอนดับทุกขได้ ลืมพระสงฆ์อันเป็นนาบุญใหญ่ บางรูปยังเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำอย่างดีก็ถูกลืม กลับไปบูชาต้นไม้ ก้อนหิน วัตถุแปลกๆ สัตว์ที่เกิดมาพิการประหลาดๆ ทำแบบขาดปัญญาไปเลย

การขอพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าทำด้วยความเลื่อมใสศรัทธาแท้จริง ก็เป็นกำลังใจอย่างหนึ่ง เพราะอย่างน้อยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมักมีเทพยดาคุ้มครองรักษา เทพยดาเหล่านี้มักมีเมตตาธรรมเป็นปกติวิสัย มนุษย์ผู้ใดเดือดร้อน โดยที่ผู้นั้นเป็นคนมีคุณธรรม เป็นคนมีบุญจากการบริจาคทานไว้ในอดีต พอช่วยเหลือได้ ท่านก็มักบันดาลความช่วยเหลือต่างๆ เรื่องไม่น่าเป็นไปได้กลับทำได้ ถ้าไม่มีบุญติดตัวอยู่เลย เทพยดาไหนๆ ก็ช่วยไม่ไหว

อีกประการหนึ่ง หากผู้เดือดร้อนเป็นผู้ทำบุญกุศลต่างๆ ไว้เป็นอาจิณกรรมตลอดเวลาเหมือนเตรียมตัวให้พร้อมไว้ คราวจำเป็นขึ้นมาอำนาจบุญนั้นเอง ช่วยรักษาให้พ้นวิบัติทันท่วงที เรียกว่ามีกำลังพอช่วยสำเร็จ ทีนี้บางคนประมาทนัก ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามอำนาจกิเลส ขี้งก ขี้โกรธแถมโง่เขลาเบาปัญญา รอจนความเดือดร้อนมาถึงเสียก่อนจึงคิดทำบุญแก้ไข บุญที่ทำได้ผลไม่เต็มที่เพราะมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ เช่น การทำทาน เจตนาที่ถูกต้องคือ เพื่อพัฒนาจิตใจตนเองให้มีคุณธรรมสูงขึ้น กำจัดความตระหนี่ ความอิจฉาพยาบาท ทำให้เป็นคนมีเมตตา โอบอ้อมอารี จิตใจกว้างขวาง เป็นต้น จึงจะเป็นเจตนาถูกทาง แต่กลับทำทานเพราะ อยากได้นั่น อยากได้นี่ อยากถูกหวยรวยยิ่งๆ ขึ้นไป อยากหายโรคหายภัย อยากชนะคดีความ อยากอวดตัวให้ผู้อื่นชื่นชม ฯลฯ

ตั้งเจตนาไม่บริสุทธิ์อย่างนี้ ผลบุญเกิดน้อย ไม่มีพลังพอให้ความช่วยเหลือสำเร็จ เหมือนหิวข้าว ไม่มีข้าวสารเก็บสำรองไว้หุง มีแต่ต้นข้าวเพิ่งปลูกย่อมไม่ทันกิน อดตายเปล่า

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล