สมาธิเปลี่ยนชีวิต
เรื่อง : son Backhome e-mail : [email protected]
ทีนี้เราติดปีกทางปัญญาข้ามฝั่งบินไปต่างประเทศกันบ้าง ที่ประเทศเดนมาร์ก ที่นั่นเขาก็มีการสำรวจความสุข ของประชากรของเขาเช่นกัน ผลการสำรวจเมื่อ ๒-๓ ปีก่อน พบว่าประเทศเดนมาร์กเป็น ประเทศที่ประชากรมีความสุขติดอันดับโลก โดยดูเกณฑ์จากด้านสาธารณสุข ฐานะการศึกษา ความเป็นเอกลักษณ์ และความสวยงามของสภาพภูมิประเทศ แต่ประเทศที่ประชากรมีความสุขที่สุดในโลกก็มิได้หมายความว่า จะไม่มีคน ที่มีความทุกข์เลย และคนที่ยังอุตส่าห์มีความทุกข์อยู่ทั้งๆ ที่คนอื่นมีความสุขกันทั้งบ้านทั้งเมืองนั้น หน้าตาเขาเป็นอย่างไร ทำไมเขายังทุกข์อยู่ และเขา จะกำจัดทุกข์ของตนเองได้หรือไม่ ต้องติดตามฟังจาก ปากคำของเจ้าของเรื่องพร้อมๆ กัน
ผมชื่อเพียร์ มิคเคลเซน เป็นชาวเดนมาร์ก ผมมีนิสัยหงุดหงิดง่าย ใจร้อน เวลาที่โกรธ แม้ผมจะไม่เคยทำร้ายใคร แต่จะทำลายข้าวของ ผมจะขว้างปาถ้วยชามจนแตกกระจาย มีอยู่ครั้งหนึ่งผมซื้อวิทยุมาหลังจากใช้ไป ๒-๓ สัปดาห์มันก็เสีย อารมณ์ผมก็เสียตามไปด้วย ก็เลยขว้างมันออกไปทางหน้าต่าง และผมเป็นคนที่สูบบุหรี่จัดมาก ที่ทำงานเขาห้ามสูบบุหรี่ซึ่งผมก็ไม่สูบ แต่พอกลับไปถึงบ้าน ผมก็จะสูบล้างแค้นวันละ ๑๕-๒๐ มวนติดๆ กันเลย และถึงแม้ว่าผมจะเคยถูกรถชนจากคนเมาแล้วขับตอนอายุ ๕ ขวบและต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลถึง ๖ เดือน แต่เมื่อเข้าสังคม หรืออยู่ว่างๆ ผมก็ยังคงดื่มเหล้า ไวน์ เป็นประจำ เมื่อผมได้แต่งงานกับคู่บุญชาวไทย ชื่อ คุณมณีวรรณ
เธอก็พยายามที่จะให้ผมเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ แต่ค่อนข้างจะหมดหวัง เพราะพอเธอเตือน มา ผมก็ทำเฉยๆ เพราะมันคือความสุขของผม
จากข้อมูลที่ลุงเพียร์ได้เล่า เราก็พอจะทราบเหตุแห่งความทุกข์ที่ไม่จางหายของลุงเพียร์ชัดเจนขึ้นบ้างแล้ว ทั้งเหตุจากความร้อนทางอารมณ์ รสนิยมระบายอารมณ์ด้วยสิ่งของและเหตุจากการ นำของร้อน คือ สุราและยาสูบเข้าสู่ร่างกาย แต่แล้ว เพียงไม่นานประเทศเดนมาร์กก็ต้องเพิ่มจำนวนประชากรที่มีความสุขไปอีกหนึ่งคน นั่นก็คือ ลุงเพียร์ ของเราอีกเช่นกัน
ไปๆ มาๆ ทำไมลุงเพียร์เปลี่ยนใจ ตัดเยื่อขาดใยจากความทุกข์แล้วกลายไปเป็นคนมีความสุขเสียได้ ลุงเพียร์ก็ไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้เช่นกัน
เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๔๘ ผมก็ได้ติดตั้ง จานดาวธรรมที่บ้าน เพราะคู่บุญบอกให้ติด เราได้ดูรายการต่างๆ ด้วยกัน ผมชอบรอยยิ้มของหลวงพ่อ ผมคิดว่า คนเราก็น่าจะมีความสุขเหมือนหลวงพ่อได้นะหลวงพ่อมีบารมี มีเสน่ห์ มีอิทธิพลทางจิตใจ ทำให้คนมีความสุข จากนั้นผมก็ได้เริ่มหัดนั่งสมาธิ ทีละน้อยๆ ตอนเริ่มแรกนั้น ผมนั่งได้แค่ ๑๕ นาที วันละ ๒ ครั้ง แล้วก็ค่อยๆ
เพิ่มเวลาขึ้นเป็นครึ่งชั่วโมง แล้วก็ ๔๕ นาที มาเป็น ๑ ชั่วโมง เดี๋ยวนี้ผมสามารถนั่งได้ ๑ ชั่วโมงโดยไม่ต้องขยับเลย แม้แต่นิดเดียว
|
เมื่อผมเริ่มนั่งสมาธิ ผมจะผ่อนคลายร่างกายและปล่อยวางความคิด ผมจะไม่ได้นึกอะไรเลย เพราะการนึกถึงสิ่งต่างๆ ทำให้ผมรู้สึกตึงเกินไป ผมชอบที่จะไม่คิดอะไรมากกว่า และภาวนา "สัมมา อะระหัง" แล้วก็เฝ้าสังเกตการณ์สิ่งที่เกิดขึ้น ในกลางท้อง มีอะไรให้ดู ผมก็ดูไปเรื่อยๆ เป็น นักสังเกตการณ์ภายใน แล้วสักครู่ ผมก็เห็นดวงแก้ว ใสๆ ดวงแก้วที่ผมเห็นนั้นดูไม่เหมือนกับดวงแก้วที่ พระอาจารย์เคยโชว์ให้ดูที่วัด เพราะดวงแก้วที่ผมเห็น จะมีแสงนวลๆ คล้ายกับแสง ของหลอดไฟออกมาด้วย ดวงนั้นมีขนาดเล็กประมาณครึ่งหนึ่งของลูกปิงปอง บางครั้ง ผมก็เห็นองค์พระที่โปร่งใส บางครั้งท่านก็เล็กกว่าตัวผม บางทีก็ใหญ่กว่าตัวผม ท่านสว่างกว่าพระจันทร์ในคืน วันเพ็ญ และมีรัศมีสีทองบางๆอยู่รอบๆ ผมรู้สึกผ่อนคลายอย่างสุดๆ และมีความสุขมากๆ มันมีความสุขยิ่งกว่า เราได้แต่งงานกับหญิงที่เรารัก หลังจากพยายามจีบอยู่ตั้งนานหรือเหมือนกับเราได้กลับมาคืนดีกับคนที่เรารักอีกครั้ง
สันติสุขภายในที่ผมได้รับ ทำให้ผมมีแรงบันดาลใจที่จะหักดิบเลิกบุหรี่ ทั้งที่เคยสูบมาตลอด ๓๐ ปี และเมื่อผมได้นั่งสมาธิมากขึ้นๆ ทำให้ผมยิ่งเห็นว่า สิ่งเหล่านั้นเป็นตัวถ่วงความเจริญก้าวหน้า ในชีวิต ผมจึงได้จัดงานเทเหล้า เผาบุหรี่ที่บ้านในเดือนตุลาคมปี ๒๕๔๘ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่อง ผิดปกติของคนเดนมาร์ก แต่ผมว่า "นี่แหละ เป็นความถูกปกติของลูกพระธัมฯ" ผมภูมิใจกับการกระทำนี้มาก และภรรยาของผมเธอก็มีความสุขมากเธอก้มลงกราบผมที่พื้น ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยทำมาก่อน และผมเองได้พิมพ์ข้อความติดป้ายห้ามดื่มเหล้า ห้ามสูบบุหรี่ ที่บ้านอีกด้วย ประกาศอย่างชัดเจนต่อทุกคนที่เข้ามาในบ้านเหล้า-บุหรี่ ไม่ใช่การผ่อนคลาย แต่เป็นการตายผ่อนส่ง เราได้ใช้เงินที่หา มาด้วยความยากลำบาก ซื้อสิ่งที่จะมาทำร้ายตัวเรา เอง เงินที่สูญเสียไปนั้นแม้จะหาใหม่ได้ แต่ปอด ที่หายไปนั้น คงไม่มีอะไรมาทดแทน ตอนที่ผมเลิกสูบใหม่ๆ ก็ยังหลงเหลือความอยากอยู่บ้าง เมื่อใดที่ความอยากสูบเข้ามาผมก็ตรึกภาวนาว่า "สัมมา อะระหัง"หลังจากนั้นเมื่อใจสงบความอยากก็จะผ่านไปเหมือนแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ตอนนี้ผมหักดิบเลิกสูบ เลิกดื่มเหล้าได้อย่างสมบูรณ์แล้ว นับแต่เลิกสูบและเลิกดื่มเหล้า ผมก็มีเรี่ยวแรงมากขึ้น สามารถที่จะเดินขึ้นบันได ไปห้องทำงานบนชั้น ๕ ได้โดยไม่ต้องนั่งหอบกลางทาง บางครั้งถ้าผมหงุดหงิดและเครียดในที่ทำงานผมจะเข้าห้องน้ำแล้ว ทำสมาธิสัก ๕ นาที หลังจากนั้น สิ่งต่างๆ จะเริ่มดีขึ้น หรืออย่างน้อยผมก็รู้สึกดีขึ้น
จากคำบอกเล่าของลุงเพียร์ที่ได้นั่งสมาธิจนกระทั่งมีความสุขอย่างมากมายในปริมาณที่เปรียบเทียบด้วยถ้อยคำประโยคนี้ "มีความสุขยิ่งกว่าเราได้ แต่งงานกับหญิงที่เรารัก" ซึ่งกระตุ้นให้เราอยากจะรู้เหมือนกันว่า หญิงคนรักของลุงเพียร์ ได้ฟังอย่างนี้แล้วจะรู้สึกอย่างไร แล้วเธอคนนั้นได้รับความสุขที่ "มีความสุขยิ่งกว่าเราได้แต่งงานกับชายที่เรารัก" หรือไม่ เรื่องนี้ลุงเพียร์ก็อาสาตอบเช่นกัน
ภรรยาของผม เธอก็นั่งสมาธิได้ดีครับ เธอนั่งเห็นดวงแก้ว ดวงใสๆ เห็นแล้วรู้สึกสบาย เธอบอกว่า สมาธิทำให้เธอมีความอดทนเพิ่มขึ้นในทุกๆ เรื่อง เมื่อก่อนเธอเป็นคนใจร้อน เช่นถ้าใครวางอะไรไม่เป็นที่ เธอจะขว้างทิ้งทันทีไม่ว่าจะแพงแค่ไหนก็ตาม เรียกได้ว่า เธอใช้อำนาจความเก๋าในบ้านอย่างเต็มพิกัด ผมเองก็ใจร้อนและคิดว่าตัวเอง ก็เก๋าไม่แพ้เธอเก๋าต่อเก๋ามาเจอกัน ความวุ่นวายแบบเก๋า เก๋า ก็เกิดขึ้น แต่ตอนนี้เธอใจเย็นขึ้นแล้วเก๋าเจอเก๋า แต่กินเกาเหลาชามเดียวกันได้อร่อย
สรุปแล้วเราได้ความว่าขณะนี้ทั้งลุงเพียร์และป้ามณีวรรณ ต่างก็มีความสุขมากๆ ด้วยกันทั้งคู่ ปริมาณความสุขที่ทั้งสองท่านมีนั้นมากมายแค่ไหนคงไม่มีใครรู้มากไปกว่าตัวของท่านเอง แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ถ้วยชามในบ้านของลุงเพียร์ปลอดภัยไม่ติดปีกปลิวว่อนส่งเสียง เพล้ง! พล้าง! บุคคลที่เดินผ่าน ไปมาบริเวณหน้าต่างบ้านลุงเพียร์ก็ไม่ต้องกังวล ว่าจะมีวิทยุลอยเฉียดหัวไปหรือไม่ และที่สำคัญบ้านใกล้เรือนเคียงละแวก นั้นต่างก็รู้ว่า บ้านหลังนี้ช่างแสนสุขและอบอุ่น ทั้งลุงทั้งป้าใจบุญสุนทาน เป็นคนธรรมะธัมโม ทั้งสวดมนต์ นั่งสมาธิและ ฟังธรรมะจาก DMC เป็นปกติ ลุงเพียร์ได้ให้ข้อคิด ที่น่าเก็บมาปฏิบัติไว้ว่า
ความทุกข์ทั้งหลายนั้น มาจากความคิดของเรา เราต้องเรียนรู้ที่จะหยุดคิด และหยุดใจ การปฏิบัติธรรมทำให้ผมได้รู้ว่า ความสุขที่แท้จริงต้องมาจากภายใน คนจนทั้งหลายก็สามารถที่จะมีความสุขได้ คุณไม่จำเป็นต้องมีรถ ๑๐ คัน
บ้านหลังใหญ่เพื่อที่จะมีความสุข รถใหม่ถ้าขับไปน้ำมันหมดกลางทางก็หมดสุขแล้วชีวิตผมเปลี่ยนไป สุขภาพดีขึ้น จิตใจสบาย มีความสุข ผมชอบทำบุญในทุกๆ บุญกับหลวงพ่อ อธิษฐานอะไรก็ได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลก เพราะฝรั่งทั่วๆ ไป คิดถึงบุญไม่ออก อธิษฐานไม่เป็น แต่พอหลวงพ่อ สอน ผมอยากได้งานที่สบายๆไม่ต้องทำงานมากแต่ได้เงินเพิ่ม จะได้มีเวลาไปช่วยงานที่วัด พอ นั่งสมาธิใจใสๆ อธิษฐานไม่กี่วันก็ได้ เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้ซื้อบ้านให้คู่บุญติดกับวัดพระธรรมกาย เพราะผมคิดว่าถ้าผมละโลกนี้ไปก่อน คู่บุญผมจะได้อยู่ใกล้วัด อุทิศบุญให้ผมได้ทุกวัน
จากเรื่องของลุงเพียร์ในประเทศเดนมาร์ก ย้อนกลับมายังประเทศไทยของเรา
หรือขยายจำเพาะเจาะจงที่ตัวเราเอง ก็พอจะทำให้จับหลักได้แล้วว่า เราสามารถที่จะเป็นประชากรที่มีความสุข ที่สุดของประเทศได้คนหนึ่ง โดยการหยุดคิด ทั้งคิดเล็กคิดน้อย คิดเรื่องหยุมๆ หยิมๆ ต่างคนต่างคิด คิดไปต่างๆ พอคิดต่างมากก็พาลทำให้สติแตก สติแตกหมู่คณะก็แตกแยก ประชากรก็ ขัดแย้ง ประเทศชาติก็ขัดสน วันนี้เราทุกคนควรหันกลับมาเลิกคิดมาก เลิกยาก เลิกจน หยุดคิดมาก แล้วหันมาหยุดใจให้มากๆ กลั่นใจของตนเองให้ใสตลอดเวลาปริมาณความสุขของคนทั้งประเทศก็จะหลั่น ลั้น ลา สุดคณานับ