มาฆบูชา
ปฐมกำเนิดการสร้างเครือข่ายคนดีตามพุทธวิธี
ท่านกัลยาณมิตรทุกท่าน ดิถีเพ็ญฤกษ์มาฆะ ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ได้มา ถึงแล้ว ถือว่าเป็นวันมหาสมาคมของสุดยอด นักปราชญ์บัณฑิต โดยมีเหตุพิเศษเกิดขึ้นถึง ๔ อย่างด้วยกัน คือพระภิกษุที่มาประชุมทั้ง ๑,๒๕๐ องค์ มาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ซึ่ง ต่างอุปสมบทด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือมี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้อุปสมบทให้ ทุกองค์ล้วนเป็นพระขีณาสพอรหันต์ และ วันนั้นเป็นวันที่พระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
จากนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงพระมหากรุณาธิคุณใหญ่ได้ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ขึ้น อันเป็นหลักคำสอนที่ถือได้ว่าเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ทรงแสดงถึงอุดมการ หลักการ และวิธีการ ในการ สร้างเครือข่ายคนดีของชาวพุทธ ที่ได้เป็นเนติแบบแผนแห่งการสืบทอดพระพุทธศาสนามาถึงปัจจุบันและอนาคตต่อไป
ในสาระแห่งพระโอวาทปาฏิโมกข์นั้น ได้กล่าวถึงอุดมการณ์ของชาวพุทธ ที่มีเป้าหมายสูงสุดคือพระนิพพาน แต่การจะไปให้ถึงจุดสูงสุดนี้ได้นั้น จะต้องมีคุณธรรมคือ ความ อดทน ไม่ทำร้ายไม่เบียดเบียนผู้อื่น ซึ่งคุณ ธรรมนี้จะเป็นเครื่องหนุนให้ไปสู่เป้าหมายสูงสุดนั้นได้
ส่วนหลักการของชาวพุทธที่ต้องใช้ปฏิบัติ เพี่อเป็นกัลยาณมิตรให้กับตนเองและผู้อื่นในโอวาทปาฏโมกข์พระพุทธองค์ทรงให้หลักไว้ว่า
ประการที่หนึ่ง จักต้องเว้นจากทุจริต คือการประพฤติชั่ว ด้วยกาย วาจา ใจ
ประการที่สอง จักต้องประกอบด้วยสุจริต คือการประพฤติชอบ ด้วยกาย วาจา ใจ
และประการที่สาม ทำจิตของตนให้หมดจด ผ่องแผ้วจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย
สำหรับวิธีการในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาสร้างเครือข่ายคนดีนั้น พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสสอนไว้ว่า
๑. ไม่ให้ว่าร้ายผู้อื่น
๒. ไม่ให้เบียดเบียนผู้อื่น
๓. ต้องสำรวมในพระปาฏิโมกข์ หรือ สิกขาบทบัญญัตทั้งหลาย
๔. ต้องรู้จักประมาณในการแสวงหา และในการบริโภคใช้สอย
๕. ควรอยู่ในที่อันสงบเงียบ
๖. ให้มุ่งประกอบความเพียรในอธิจิต ทำจิตใจให้มีสมาธิ เพื่อจะก่อให้เกิดปัญญารู้เท่าทันความเป็นจริง
คำสอนดังกล่าวพระพุทธองค์ทรงวางไว้เพี่อเป็นแบบแผนในการทำหน้าที่ของ กัลยาณมิตรให้กับตนเองและผู้อื่นในการสร้างเครือข่ายคนดีให้เกิดขึ้นในสังคมโลก โดยมีต้นแบบคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์คือยอดนักสร้างบารมีที่ดีที่สุดทรงได้สร้างเครือข่ายคนดีให้กับโลกมากมาย มหาศาลพระพุทธองค์ทรงบรรลุถึงจุดหมายปลายทางก่อนใครทั้งปวง แล้วยังประกอบด้วยมหากรุณาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายทรงแนะนำเหล่าเวไนยสัตว์ให้รับรสพระธรรม ได้ตรัสรู้ธรรมตามอีกนับไม่ถ้วน พระพุทธองค์จึงเป็นบุคคลสำคัญที่สุด เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกและจักรวาล ที่มวลมนุษยชาติควรรำลึก นึกถึงวีรกรรมแห่งการลร้างบารมีที่ยิ่งใหญ่ และมหากรุณาที่มิต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ย้อนอดีตเมื่อ ๓๓ ปีที่แล้ว ในวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๓ ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา ณ ผืนนาฟ้าโล่งแห่งหนึ่งกลางท้องทุ่งรังสิต จังหวัดปทุมธานี ได้มีบุคคลกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกัน ถือเอาวันนี้เป็นปฐมฤกษ์ ในการพลิก ผืนนาอันแห้งแล้งร้อนระอุนี้ ด้วยความปรารถนาจะสร้างวัดในความฝืนขึ้นมาสักแห่งหนึ่ง ซึ่งในขณะนั้นหัวหน้าคณะเป็นเพียงพระภิกษุหนุ่ม ที่บวชได้เพียงพรรษาเดียว และผู้เป็นอาจารย์ คือคุณยายอาจารย์ ผู้นำซึ่งมีมโน ปณิธาน และอุดมการณ์อันแน่วแน่ ที่จะสร้างบุญบารมีตามพุทธวิธีที่ได้ทรงวางไว้เป็นแบบแผน เมื่อกาลเวลาผ่านไปถึงบัดนี้ผืนนาแห้งแล้งผืนนั้น ได้มาเป็นวัดพระธรรมกาย วัดที่ได้สร้างคนดีให้กับสังคมมากมาย วัดที่มี พระภิกษุ สามเณรมากที่สุด และมีสาธุชนมาประพฤติปฏิบ้ติธรรมร่วมกันมากที่สุด
การที่คนจำนวนมากมารวมกันเพื่อทำศวามดี โดยวิธีการคืกษา และปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเป็นภาพที่ทำให้ชาวพุทธและชาวโลกตื่นตัวในการปฏิบัติธรรม ด้วยการทำทาน การรักษาศีล และการทำสมาธิ รวมทั้งการทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตร ชักชวนกันทำความดี ละความชั่ว ทำใจให้ผ่องใส เมื่อมีปัญหาอะไรในชีวิตก็จะใช้หลักธรรมในพระพุทธศาสนาแก้ไขปรับปรุงตนเอง เป็นกัลยาณมิตรให้กับตน เองและผู้อื่น ทำให้ตนเองได้นำคัก ยภาพที่มีอยู่ภายในตัว ออกมาใช้อย่างเต็มที่ ช่วยให้การทำงาน การ ประกอบอาชีพต่างๆ มีประสิทธิภาพ สะดวกสบาย ไม่มีความเครียด มีความเจริญทั้งด้านจิตใจ และสังคมสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป เมื่อชาวโลกมีการปฏิบ้ติธรรมกันมากขึ้นโลกก็จะร่มเย็นเกิดลันติสุขอยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุข
ดังนั้นวันมาฆบูชา กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๖ นี้ เราจะมาร่วมกันจุดมาฆประทีปให้สว่างไสว ณ ลานธรรม รอบมหาธรรมกายเจดีย์ เพื่อน้อมรำลึกถึงวันปฐมกำเนิดแห่งการสร้างเครือข่ายคนดีตามพุทธวิธีให้เป็นประทีปแห่ง ธรรมที่จุดขึ้นจากน้ำใจมหากรุณาของนัก สร้างบารมีรุ่นก่อนๆ นับจำนวนไม่ถ้วนที่จุดต่อๆ กันมาไม่ขาดสาย เพื่อให้โลกสว่างไสวด้วยแสงแห่งธรรมและให้สว่างไสวในใจเรา เราจะได้น้อมรับชึมซับความมีนํ้าใจ อดทนและเสิยสละเหล่านั้นมาเติมพลังแห่งอุดมการณ์ของกัลยาณมิตรให้ลุกโชติช่วงอยู่ในใจของเราตลอดไป