ทบทวนบุญ
เรื่อง : พระมหาศุภณัฐ จนฺทชโย ป.ธ.๙
ผ้าป่าต้นสมบัติจักรพรรดิ ปีที่ ๙
“ไม่กังวลว่าคนจะไม่รู้จัก กังวลแต่ว่าจะไม่รู้จักคน” (สุวรรณา สถาอานันท์, ๒๕๖๒ : ๓๑๓) มาจากภาษาจีนที่ว่า (ปู๋ฮ้วนเหรินจรือปู้อี่จรือ, ฮ้วนปู้จรือเหรินอี่ )” (สุวรรณา สถาอานันท์, ๒๕๖๒ : ๖๖๔) เป็นวาทะที่เชื่อกันว่า “ขงจื่อ” เป็นผู้กล่าว ซึ่งถูกบันทึกเก็บไว้ใน คัมภีร์หลุนหยู่ โดยคำว่า “รู้จักคน” ในประโยคข้างต้นนั้น เป็นคำที่มีความนัยหลายหลากและน่าขบคิดค้นหา แต่ในทัศนะทางพระพุทธศาสนาแล้วนั้น ใช่หรือไม่ว่า หมายถึง การนำหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาปรับใช้สังเกตตน เข้าใจตน แก้ไขตน และพัฒนาตน จนสามารถก้าวไปถึงจุดที่ตนเองมุ่งมาดปรารถนาได้ หรือก็คือการขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปจากใจนั่นเอง และจะมีกระบวนการใดที่จะสามารถก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ดังภาพที่ปรากฏขึ้นในห้วงคำนึงนั้นได้หากไม่ใช่คำว่า “บุญ”
ด้วยเหตุนี้ ฤดูตงเทียนปีนี้ (ฤดูหนาว) วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี จึงได้จัดกิจกรรมงานบุญต่าง ๆ มากมาย อาทิ พิธีปฏิบัติธรรมสาย-บ่าย พิธีบูชาข้าวพระ พิธีกล่าวคำถวายภัตตาหารเป็นสังฆทาน พิธีทอดผ้าป่าต้นสมบัติจักรพรรดิ ปีที่ ๙ พิธีมอบต้นสมบัติจักรพรรดิ ปีที่ ๙ เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พิธีทอดผ้าป่าต้นสมบัติจักรพรรดิ ปีที่ ๙ นั้น ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อประโยชน์เกื้อกูลในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและวิชชาธรรมกายไปทั่วโลก โดยได้มอบถวายกองทุนต้นสมบัติเหล่านี้แด่เจ้าอาวาสและประธานสงฆ์ที่ปฏิบัติพุทธศาสนกิจประจำอยู่ที่ศูนย์ส่งเสริมศีลธรรมทั่วโลก ๒๒๑ ศูนย์ ซึ่งกองทุนต้นสมบัติเหล่านี้นับเป็นกองทุนที่จะช่วยสืบต่อลมหายใจของพระพุทธศาสนาและวิชชาธรรมกายให้สถิตสถาพรยิ่งยืนนานได้ อีกทั้งพวกเราท่านทั้งหลายนอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้แล้ว ในขณะเดียวกันก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้รับด้วยเช่นกัน โดย “การรับ” ในที่นี้ได้หมายเอาคำว่า “บุญ” นั่นเอง เพราะบรรดาทรัพย์ศฤงคารอื่นใดในโลกนี้ หามีสิ่งใดเป็นของเราโดยแท้จริง ทั้งหมดทั้งมวลล้วนผลัดมือเปลี่ยนเจ้าของกันเป็นปกติธรรมดา เหลียวมองไปแล้วคงจะมีเพียงคำสั้น ๆ ๑ พยางค์ว่า “บุญ” เท่านั้นที่จะเป็นของเราอย่างแท้จริง และมิอาจจะพินาศไปด้วยภยันตรายใด ๆ ทั้งสิ้นเลย สมดังพุทธศาสนสุภาษิตที่มาในชราสูตรว่า
ปุญฺญํ โจเรหิ ทูหรํ
(สํ.ส. (บาลี) ๑๕/ ๑๕๙/ ๕๐)
บุญอันโจรลักไปไม่ได้
(สํ.ส.อ. (ไทย) ๒๔/ ๑๕๙/ ๒๗๐)
ในอวสานกาลสมัยนี้ ผู้เขียนพร้อมทั้งทีมงานขอตั้งจิตอนุโมทนาบุญกับยอดนักบุญผู้ฉลาดในการเดินทางในสังสารวัฏอันยาวไกลทุกท่าน ที่ตั้งใจมาสั่งสมบุญกันอย่างเบิกบาน ไม่รู้จักเหนื่อยหน่าย เพราะเส้นทางทอดยาวสายนี้ หากผู้เดินทางยังคงปิดเปลือกตาก้าวเดินไปในคืนเดือนมืดที่ไร้แสงจันทร์และแสงดาว เชื่อได้ว่าเป้าหมายคงจะไม่มีวันปรากฏให้เห็นเป็นแน่ แต่ยอดนักบุญทุกท่าน คือ ผู้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่จะสามารถนำตนไปถึงฝั่งฝันอันยิ่งใหญ่นี้ได้ นั่นก็คือ “บุญ” ที่ได้สั่งสมกันดีแล้วเมื่อวันอาทิตย์ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมานั่นเอง ดังนั้นจึงขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านมา ณ โอกาสนี้