สัมภาษณ์พิเศษ
เรื่อง : หนูนา
เมื่อห่างกัลยาณมิตร ชีวิตจะเป็นอย่างไร ?
“อย่างโบราณเขาว่า สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
สองขาโด่เด่ มันก็ซวนเซไปบ้าง' นี้มันเป็นธรรมดา พลาดไป
ซวนเซไป ก็ตั้งหลักใหม่ ทำความดีให้มาก ๆ
ล้มแล้วก็ตั้งต้นใหม่ ไม่ยอมท้อถอย”
คำสอนยาย
จากหนุ่มน้อยผู้มีความผูกพันในพระพุทธศาสนา เป็นลูกที่น่ารักของคุณพ่อคุณแม่เมื่อจบการศึกษาแล้ว เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เขาเลือกเส้นทางชีวิตของตนเอง ห่างจากครอบครัวออกไปใช้ชีวิตที่ท้าท้าย ในที่สุดเป็นเจ้าของธุรกิจที่เจริญรุ่งเรือง แต่ต้องแลก…กับการทำปาณาติบาตทุกวัน ขณะเดียวกันก็ถลำลึกไปอยู่ในวังวนสังคมคนกลางคืนอย่างไม่ทันรู้ตัวศีล ๕ รักษาไม่ได้ สุขภาพทรุดโทรม แฟนทิ้ง พลังชีวิตหดหาย….แล้วอะไรที่ช่วยให้เขาได้ชีวิตใหม่กลับคืนมา
อยากให้หลวงพี่เล่าประวัติตนเองคร่าวๆ ให้ฟังหน่อยค่ะ
หลวงพี่ชื่อ พระวันปภัส จิรวฑฺฒโน (จึงเจริญนรสุข) ปัจจุบันนี้ หลวงพี่อายุ ๒๘ ปี พื้นเพเป็นคนกรุงเทพฯ มีพี่น้อง ๒ คน น้องชายเรียนหมออยู่คุณพ่อมาสร้างองค์พระประจำตัวไว้ที่วัดพระธรรมกาย ทำให้หลวงพี่มีโอกาสเข้าวัดตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถมพร้อมกับครอบครัวและได้มาบวชธรรมทายาทรุ่นอุดมศึกษา ตอนเรียนอยู่ชั้นปีที่ ๔ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจักรพงษภูวนารถ
หลังจากที่จบการศึกษาแล้วหลวงพี่ทำอะไรต่อคะ
หลวงพี่เรียนจบด้านบัญชี ก็ไปทำงานเป็น Outsource รับทำบัญชีให้กับบริษัทต่าง ๆ ได้สักพักเพื่อนชวนให้ไปเป็นหุ้นส่วนธุรกิจทำร้านอาหารทะเลสไตล์ญี่ปุ่น เมนูเป็นพวกซาชิมิ เช่น ปลาแซลมอน หอยนางรม ปูกุ้งมังกร ปลาหมึก
กิจการเป็นอย่างไรบ้างคะ
ก็ถือว่าฮิตมาก ก่อนโควิดช่วงที่ขายดีมาก ๆ ทำรายได้สูงสุดประมาณ ๙๐๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน พอช่วงโควิดส่วนใหญ่จะเป็น Delivery ขายผ่านระบบออนไลน์ รายได้ลดลงมาเป็นเดือนละ ๑๐๐,๐๐๐-๒๐๐,๐๐๐ บาท ต่อเดือน แต่ยังถือว่าไปได้ดี เพราะร้านเรามีชื่อเสียงว่า อาหารทะเลสดจริง ๆ สะอาด อร่อยราคาไม่แพง และการบริการดี
แต่มีข้อเสียอยู่ว่า เราขายอาหารทะเล ลูกค้าต้องการความสด ดังนั้นเราจะใช้วัตถุดิบที่ยังเป็น ๆ มาประกอบเป็นอาหาร ปลาหมึกเขาก็ขึ้นจากเรือไปส่งที่ร้านเลย เอาไปใส่ไว้ในตู้กระจกให้ลูกค้าเห็นว่าสดจริง หลวงพี่เข้าร้านไปเช็กของที่ครัว จะเห็นการเตรียมอาหารพวกกุ้ง ปู ปลาเป็น ๆ มันดิ้นทุรนทุราย ลึก ๆ หลวงพี่รู้ว่ามันเป็นบาป เนื่องจากหลวงพี่เข้าวัดตั้งแต่ยังเด็ก เคยบวชมาด้วย ได้เรียนรู้เรื่องกฎแห่งกรรม ความรู้สึกตอนนั้นต่อสู้กันอยู่ระหว่างความที่อยากจะประสบความสำเร็จทางธุรกิจ กับศีลที่เราต้องเสียไปถ้าเรามาทำตรงนี้ สุดท้ายเราเลือกธุรกิจ
การเปิดร้านนี้ทำให้เราต้องอยู่ในสังคมกลางคืน เพราะร้านอาหารนี้เปิดในช่วงเย็น คือ ตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน และที่ร้านยังมีบริการเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ด้วยลูกค้าก็ดื่มกันเป็นประจำ บางครั้งลูกค้าอยู่ต่อเลยไปจนถึงตีหนึ่ง ตีสอง เราก็เห็นบางคนเมามายไม่ได้สติ แต่เผลอเเป๊บเดียวเราก็เปลี่ยนไปชอบกินเหล้าเมายาไปกับเขาด้วย เพราะมันสนุกมันเพลิดเพลิน พอเหล้าเข้าปากแล้ว เราจะไม่อายที่จะทำอะไร มีความกล้า ปกติถ้าไม่สนิทกันเราจะไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว พอกินเหล้าปุ๊บทำให้เราพูดเก่งขึ้น คุยสนุก หลวงพี่เองตอนนั้นพอถึงเวลาปิดร้าน ก็นั่งสังสรรค์ดื่มกับเพื่อนอย่างน้อยวันละ ๑-๒ ขวด ต่อกันไปจนถึงตีสามตีสี่ ตื่นอีกทีบ่าย ๆ ชีวิตวนเวียนอยู่อย่างนี้ทุกวัน
คุณพ่อคุณแม่ทราบไหมคะว่าเราเปลี่ยนไปแบบนี้
จริง ๆ ตั้งแต่เรียนจบแล้ว พอได้ทำงาน หลวงพี่ย้ายออกมาอยู่ข้างนอกเลย เริ่มทำงานปุ๊บก็อยากจะมีพื้นที่ส่วนตัว อยากไปใช้ชีวิตของเราเอง ตอนนั้นไม่เข้าใจความปรารถนาดีของโยมพ่อโยมแม่ จะหงุดหงิดเวลาท่านสอน ไม่ค่อยฟัง เป็นคนค่อนข้างดื้อ ไม่ค่อยอยากกลับบ้าน แต่ยังไป ๆ มา ๆ อยู่บ้าง พอมาทำร้านอาหาร ๖ เดือน ไม่ได้เจอหน้าโยมพ่อโยมเเม่เลย ไม่กลับบ้านเลย ไม่ได้คุยกันแม้กระทั่งโทรศัพท์ เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับร้าน แต่ทั้งสองท่านก็ส่งข้อความมาทุกวัน หลวงพี่ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้หลวงพี่เริ่มคิดได้คืออะไรคะ
พอเวลาผ่านไปได้สัก ๖ เดือน หลวงพี่เริ่มสังเกตตัวเองว่าผอมลงไปมาก ไม่ค่อยมีแรงหน้าตาทรุดโทรม เนื่องจากใช้ชีวิตอยู่ในวงจร กิน-เที่ยว-นอน ไม่ได้ดูแลตัวเอง ไม่ได้สนใจร่างกายเลย สุขภาพจึงไม่ค่อยแข็งแรง ตื่นเช้ามาจะเวียนศีรษะ มึนตั้งแต่เช้า และอีกอย่างพอหลวงพี่เริ่มติดการใช้ชีวิตกลางคืนกับเพื่อน ๆ ก็ละเลยแฟนที่คบกันมาหลายปี เขาบอกว่าหลวงพี่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เหมือนไม่ใช่คนเดิมที่เขาเคยรู้จัก ทำให้เขาขอเลิก ตอนนั้นจะเรียกว่าอกหักก็ได้
นอกจากนี้ เงินที่หาได้มากก็จริง แต่ถูกใช้จ่ายไปกับการสังสรรค์กับเพื่อน หลวงพี่รู้สึกว่าชีวิตชักจะไม่มีความสุขมากขึ้นเรื่อย ๆ จู่ ๆ เหมือนมีอะไรมาสะกิดใจให้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า จริง ๆ มันดีแล้วหรือที่เราใช้ชีวิตแบบนี้ ที่ต้องทำปาณาติบาตทุกวัน และใช้ชีวิตอยู่กับของมึนเมา เหล้ายาอย่างนี้ หลวงพี่ก็เลยตัดสินใจหักดิบเด็ดขาด โดยคิดว่าต้องเอาตัวเองออกมาจากจุดนี้ให้ได้ก่อน จึงถอนหุ้นออกมา นี่อาจเป็นเพราะบุญเก่าที่เคยทำมาดลใจและตอนอบรมธรรมทายาท รุ่นอุดมศึกษา หลวงพี่อธิษฐานจิตทุกวันว่า ขอให้คิดสอนตนเองได้มันก็เหมือนขึ้นมาเตือนสติเราว่า “ที่เรากำลังทำอยู่นี้มันไม่ดี เราควรถอยออกมา”
พอออกมาจากการทำธุรกิจร้านอาหารแล้ว หลวงพี่ใช้ชีวิตอย่างไรต่อคะ
หลวงพี่กลับไปอยู่บ้าน โยมพ่อโยมแม่ท่านก็ดีใจ ท่านไม่ค่อยอยากให้เราทำตรงนี้อยู่แล้วเพราะมันผิดศีล หลวงพี่ไม่ดื่มเหล้าอีกเลยหลังจากที่ออกจากตรงนั้นแล้ว ในช่วงนั้นโยมพ่อทราบข่าวโครงการบวชอุดมศึกษา รุ่นที่ ๔๘ ของที่วัดพอดี ท่านชวนให้บวช หลวงพี่คิดว่าก็ดีเหมือนกัน จะได้รีเซ็ตชีวิตตัวเอง เราห่างไกลจากพระพุทธศาสนามานาน ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่จะได้ไปเติมบุญ ไปสั่งสมบุญด้วย
อีกอย่างก็คืออยากทำสิ่งนี้ให้โยมพ่อโยมแม่ด้วย เหมือนทำสิ่งที่ไม่ดีมาเยอะ ก็อยากจะบวชให้ท่านได้บุญกับหลวงพี่ด้วย
ตอนวันงานบวชโยมพ่อโยมเเม่ไม่ได้มาร่วมพิธี เพราะสถานการณ์โควิด-๑๙ หลังจากบวช ท่านไปเยี่ยม ตอนที่หลวงพี่สวดให้พร ท่านน้ำตาไหลหลวงพี่เองก็น้ำตาซึม มีความรู้สึกตื้นตันตรงที่ว่าเราทำให้ท่านได้แล้วนะเอาชีวิตออกมาจากสิ่งไม่ดีได้แล้ว
พอมาบวชเป็นอย่างไรบ้างคะ
หลวงพี่ฝึกตัวในหลาย ๆ เรื่องผ่านกิจวัตรกิจกรรม ก็คิดว่าการมาบวชครั้งนี้ทำให้ได้ฝึกฝนตนเอง โดยเฉพาะขันติบารมี ได้ฝึกใจทำให้ใจเราเข้มแข็งขึ้น ในช่วงแรกที่เข้ารับการอบรม หลวงพี่ต้องปรับตัวเยอะพอสมควร เพราะไม่เคยต้องตื่นเช้าต้องฝึกตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง ต้องอดทนกับอากาศที่ร้อน ยุงเยอะ หลวงพี่ถึงกับเป็นไข้ไม่สบาย แต่ได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์และพระพี่เลี้ยงท่านให้โอกาสหลวงพี่ค่อย ๆ ปรับตัวในที่สุดก็ปรับตัวได้ พอจัดระเบียบชีวิตได้ กินพอดี นั่งพอดี นอนพอดีทำให้สุขภาพดีขึ้นด้วย
เมื่อก่อนทำอะไรก็ตามหลวงพี่จะตัดสินใจเลย ตามใจตัวเอง ไม่รอใคร แต่งานบุญที่ได้รับมอบหมายต้องทำเป็นทีม ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องช่วยกันจนกว่างานจะเสร็จ อีกอย่างด้วยความที่หลวงพี่อายุมากที่สุดในการอบรม หลวงพี่จะคอยช่วยดูแลพระน้อง ๆ เช่น งานไหนที่พระน้องทำไม่ทัน หลวงพี่จะไปช่วย ก็ได้ฝึกการทำงานเป็นทีม เป็นหมู่คณะ
การปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไรบ้างคะ
หลวงพี่ได้รื้อฟื้นการนั่งสมาธิจากเดิมที่เคยนั่งได้ดีตอนช่วงมหาวิทยาลัย แต่พอห่างจากวัดไป ผลการปฏิบัติธรรมก็ไม่ดีเท่าเดิม นั่งสมาธิแค่ ๑๐ นาที ก็เมื่อยแล้ว ตึงไปหมดปวดเมื่อย ฟุ้ง คิดถึงอดีต อนาคต พอหลวงพี่ได้รับคำแนะนำจากพระอาจารย์ เรื่องการวางใจการแก้ไขอุปสรรคในการนั่ง ตอนนี้ก็ปล่อยได้ ตัดใจได้ เฉย ๆ สบาย ๆ นิ่งได้นาน สามารถนั่งเป็นชั่วโมงได้สบาย ๆ เวลาผ่านไปเร็วมาก ไม่อยากลุกเลยแม้เวลาจะหมดแล้ว ตอนนี้รับบุญไปก็ฝึกใจไปด้วย ปฏิบัติธรรมไปด้วย
การนั่งสมาธิมีผลต่ออุปนิสัยของหลวงพี่ด้วย เมื่อก่อนเป็นคนค่อนข้างจะหงุดหงิดง่ายตอนนี้นิ่งขึ้น ใจเย็นลงมาก ไม่หงุดหงิด ไม่โกรธง่าย เมื่อก่อนไม่เคยมองตัวเอง แต่ตอนนี้หันมาสังเกตตัวเอง เข้าใจตัวเองมากขึ้น มองตัวเองออกว่าเป็นคนนิสัยอย่างไร เหมือนเมื่อก่อนไม่รู้ตัวด้วยว่าเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองมากเกินไป เชื่อมั่นในตัวเองสูง บางทีก็ไม่ได้ฟังด้วย ตอนนี้เริ่มที่จะหยุดฟังคนอื่น แล้วก็มาคิดได้ว่า จริง ๆ แล้วคนอื่นเขาก็มีความคิดที่ดีนะ เพียงแต่เราไม่เคยหยุดฟังเขาเลย
สุดท้ายนี้หลวงพี่อยากจะฝากข้อคิดอะไรไหมคะ
หลวงพี่อยากให้ทุกคนตั้งอยู่ในความไม่ประมาท หลวงพี่เคยบวชมาแล้ว ได้ศึกษาธรรมะเคยนั่งสมาธิได้ผลดี แต่พอช่วงหลังห่างจากครอบครัว ห่างจากวัด ห่างจากบุญ และห่างจากกัลยาณมิตร เพื่อไปตามหาความฝัน หวังที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ทำให้หลวงพี่ได้เรียนรู้ว่า ชีวิตที่ดำเนินไปโดยปราศจากศีลธรรมเป็นตัวกำกับ ยากที่จะเจริญก้าวหน้าได้อย่างแท้จริงมิหนำซ้ำกลับนำความทุกข์มาให้ ครั้งนี้หลวงพี่ได้กลับมาในเส้นทางธรรมอีกครั้ง ด้วยการมาบวชนับเป็นการรีเซ็ตชีวิตที่ผิดพลาด ให้กลับมาเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง หลวงพี่มีความตั้งใจว่าจะดำเนินชีวิตต่อจากนี้ไปด้วยสติ และอยู่ในหมู่กัลยาณมิตร ไม่พาตัวเองไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยอบายมุข ไม่เช่นนั้น อาจจะต้องกลับไปอยู่ที่จุดเดิมอีก แล้วก็มีทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลังจากจบโครงการหลวงพี่ตั้งใจจะบวชไปวันต่อวัน และอยากเชิญชวนให้ชายแมน ๆ ที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง พัฒนาตัวเองให้เป็นคนใหม่ ให้มาบวชกัน