Dhammaforpeople
ธรรมะเพื่อประชาชน
ตอน เฮือกสุดท้ายของชีวิต
มีวาระพระบาลีที่ปรากฏใน มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ ว่า
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผ้าที่เศร้าหมองมีมลทินจับ ช่างย้อม นำเอาผ้าผืนนั้นใส่ลงในนํ้าย้อมใดๆ คือ สีเขียว สีเหลือง สีแดง หรือสีชมพู ผ้านั้นพึงเป็นของมีสีที่เขาย้อมไม่ดี มีสีมัวหมอง เพราะผ้าเป็นของไม่บริสุทธิ์ ฉันใด เมื่อจิตเศร้าหมองแล้ว ทุคติเป็นอันหวังได้ ฉันนั้น "
ผ้าที่บริสุทธิ์สะอาด ช่างย้อมพึงนำเอาผ้าผืนนั้นใส่ลงในนํ้าย้อมใดๆ คือสีเขียว สีเหลือง สีแดง หรือสีชมพู ผ้านั้นพึงเป็นของมีสี ที่เขาย้อมดี มีสีสด ข้อนั้นเพราะผ้าเป็นของบริสุทธิ์ ฉันใด เมื่อจิตไม่เศร้าหมองแล้ว สุคติเป็นอันหวังได้ ฉันนั้น"
จิตของมนุษย์นี่แปลกทีเดียว สามารถฝึกให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ได้ และพัฒนาให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ได้ จิตดวงนี้จะเศร้าหมองหรือผ่องใสก็ขึ้นอยู่กับตัวของเรา ถ้าหากเกิดมาไม่เคยสั่งสมบุญกุศล ไม่เคยนั่งสมาธิกลั่นใจให้ใส แถมยังทำบาปอกุศลเป็นอาจิณ ใจก็เศร้าหมองไม่ผ่องใส
เมื่อใจหมองก็ต้องไปสู่ทุคติตามพุทธพจน์ที่หลวงพ่อได้ยกขึ้นมากล่าวข้างต้นนั่นแหละ แต่ถ้าผ่องใสก็ไปสู่สุคติ นี่เป็นกฎแห่งการกระทำที่เราต้องทำความเข้าใจให้ดี ชีวิตเราจะได้ไม่ผิดพลาด เป็นกฎสากลไม่เลือกปฏิบัติกับเฉพาะชาติใดชาติหนึ่ง
แต่มีผลบังคับสรรพสัตว์ทั้งหมดในภพสาม คนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่เข้าใจ คือ เมื่อเวลาคนใกล้ตาย โดยทั่วไปจะมีอารมณ์ ๓ อย่างเกิดขึ้น ปรากฎเป็นอารมณ์ของปฏิสนธิจิต ที่จะชักนำให้ไปบังเกิดในภพภูมิต่างๆ คือ อารมณ์ประการแรก เรียกว่า
กรรมารมณ์ เป็นอารมณ์ของกรรมที่ตนเคยกระทำเอาไว้ ซึ่งจะมาปรากฏให้เห็นในขณะกำลังใกล้จะตาย เช่น ถ้าตนเคยฆ่าคน ภาพที่ตัวเองเคยฆ่าคนก็จะมาปรากฏ เคยทะเลาะเบาะแว้งด่าว่าพ่อแม่ หรือเป็นคนติดเหล้าดื่มสุราเมรัยเป็นประจำ เคยทำอทินนาทานลักขโมยจี้ปล้นคนอื่น เคยประพฤติผิดในกามนอกใจสามีภรรยา
ภาพเหล่านี้ก็จะมาปรากฏให้เห็นชัดเจน อย่างที่ตัวได้ทำไว้ไม่ผิดเพี้ยน แล้วจิตก็ยึดเอาภาพเหล่านั้นเป็นอารมณ์ กรรมารมณ์นั้นมีผลต่อสภาพใจที่จะไปเกิดในภพภูมิต่างๆ ถ้าไปทุคติภูมิ ก็เช่นไปบังเกิดในนรก เกิดเป็นเปรต อสุรกาย หรือเข้าสู่ครรภ์ของสัตว์เดรัจฉาน
หากตนเคยทำกุศลกรรมไว้ ในขณะก่อนสิ้นลมก็จะปรากฏเป็นมโนภาพที่ดีๆ ให้เห็นอย่างชัดเจนเหมือนกัน เช่น ตนเคยบริจาคทาน เคยทำบุญเลี้ยงพระ ถวายสังฆทานเป็นประจำ เคยสร้างศาลา ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า เคยรักษาศีล ก็จะเห็นเป็นภาพของตัวเองกำลังกระทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้นอย่างแจ่มชัด
เมื่อเห็นแล้วก็ทำให้ใจชุ่มชื่นเบิกบานผ่องใส ครั้นแตกกายทำลายขันธ์ลงไป อารมณ์อันดีงามนั้น ก็จะน้อมนำไปในสุคติ กรรมารมณ์เหล่านี้จะปรากฏให้เห็นเฉพาะคนใกล้ตายเท่านั้น แต่ถ้ากรรมารมณ์นี้ไม่ปรากฏให้คนใกล้ตายเห็น ก็จะปรากฏอารมณ์อีกอย่างหนึ่ง คือ
กรรมนิมิตตารมณ์ ได้แก่ภาพของตัวเองและอุปกรณ์ของการกระทำในอดีตมาปรากฏให้เห็น เพราะตามธรรมดาในการประกอบกรรมทุกชนิด ส่วนมากจะมีอุปกรณ์เครื่องมือ เช่น จะทำปาณาติบาตฆ่าสัตว์ฆ่าคน ก็ต้องมีดาบ มีด ปืน เป็นต้น เป็นเครื่องมือ
หรือจะทำบุญทำทาน ก็ต้องมีไทยธรรมเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ เป็นต้น อุปกรณ์เหล่านี้จะมาปรากฏเป็นกรรมนิมิตในขณะที่จิตใกล้จะดับ ซึ่งจะมองเห็นเป็นภาพชัดเจนแจ่มใส สุดแต่ว่าใครจะเคยทำชั่วหรือทำความดีด้วยสิ่งใด ภาพนิมิตเหล่านั้นก็จะมาปรากฏให้เห็นให้ระลึกได้ชัดเจน เมื่อจิตยึดหน่วงไว้เป็นอารมณ์
ภาพเหล่านั้นก็จะมีผลต่อความหมองกับความใสของใจ ถ้าคนนั้นเคยทำบุญใดไว้ ภาพของการทำบุญและอุปกรณ์ในการทำความดีก็เกิดขึ้น ปรากฏขึ้นมาให้เห็นชัดเจน เช่น เห็นผ้าไตรจีวร เห็นเครื่องสักการบูชาดอกไม้ธูปเทียนที่เคยทำสักการบูชา
เห็นขบวนแห่ริ้วขบวนในการทำกิจกรรมบุญต่างๆ เห็นโบสถ์วิหารที่ตนเคยสร้างเอาไว้ ถ้าไม่ได้ทำบุญกับพระพุทธศาสนา แต่ไปทำนอกเขตบุญ เช่น สร้างโรงพยาบาลก็เห็นโรงพยาบาล หรือการบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ ที่ตัวเองมีใจเป็นกุศลได้เคยทำไว้ จิตก็จะยึดเหนี่ยวเอาภาพกรรมนิมิตตารมณ์ที่ปรากฏชัดนั้นเป็นอารมณ์
พอดับชีพลงก็ตรงไปอุบัติในสุคติภูมิ หากกรรมนิมิตตารมณ์นี้ไม่ปรากฏ อารมณ์อีกอย่างหนึ่งก็ปรากฏ คือ คตินิมิตตารมณ์ ได้แก่นิมิตต่างๆ ที่บ่งบอกถึงคติที่ตนจะต้องไปเกิด ปรากฏให้เห็นชัดเจนทางมโนทวาร บางทีก็เป็นภาพที่ตนไม่เคยเห็นไม่เคยไปมาก่อน แต่บางทีก็เป็นภาพที่ตนเคยเห็นครั้งที่เป็นมนุษย์ เช่น ภาพสัตว์หรือมนุษย์เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้เราสามารถรู้ได้เห็นได้ก่อนตาย แต่ต้องอาศัยธรรมจักขุ และญาณทัสสนะของธรรมกาย ไปตรวจดูบุพกรรม และคติที่ไปว่าสถานที่เราจะไปบังเกิดใหม่นั้นอยู่ที่ไหน ส่วนใหญ่เราไม่อาจรู้ได้ว่า ชีวิตหลังความตาย ตายแล้วจะไปที่ไหน ยกเว้นคนที่เห็นคตินิมิตตารมณ์ เช่น ถ้าต้องเกิดในมหานรก ก่อนขาดใจตาย ก็เห็นเป็นเปลวไฟร้อนระอุ เห็นนายนิรยบาล รูปร่างน่ากลัวที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ถือเครื่องทัณฑ์ทรมาน เช่น มีด ค้อนเหล็ก หรือถือหอกเหล็กโตเท่าลำตาล
หรือเข้ามาฉุดกระชากลากตัวไป บางทีก็เห็นอีกาปากเหล็กโฉบมาจิกตัว คนใกล้ตายเมื่อเห็นภาพอย่างนี้ ย่อมสะดุ้งกลัวตัวสั่นทีเดียว ถ้าส่งเสียงได้ในขณะนั้น ก็จะร้องโวยวายให้คนรอบข้างช่วย แต่ก็ไม่มีใครเห็นภาพนั้นจึงไม่รู้จะช่วยอย่างไร นับว่าเป็นคนเจ็บใกล้ตายที่น่าสมเพทเวทนายิ่งนัก คตินิมิตอย่างนี้ชี้ว่า บุคคลนั้นต้องไปตกนรกแน่นอน
หากผู้ตายต้องไปเกิดเป็นเปรตอสุรกาย จะเห็นคตินิมิตเป็นหุบเขา หรือถ้ำที่มืดมิด บางทีก็มีอาการหิวอยากกินข้าว รู้สึกหิวโหยและกระหายนํ้าเป็นกำลัง บางครั้งก็เห็นเป็นน้ำเลือดน้ำหนองน่ารังเกียจ บางทีก็เห็นเป็นเปรตมีร่างกายใหญ่โตน่าเกลียดน่ากลัว เนื้อตัวสกปรกเลอะเทอะเปื้อนไปด้วยนํ้าเหลืองนํ้าหนอง ภาพดังกล่าวนี้ถ้ามาปรากฏในมโนทวารให้เห็นชัดเจนแจ่มใส คตินิมิตนี้ชี้ให้รู้ว่า บุคคลนั้นจะต้องไปเกิดเป็นเปรตหรือไปเป็นอสุรกายแน่นอน
ถ้าจะได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรเทพธิดาในสวรรค์ ก็จะเห็นคตินิมิตเป็นทิพยวิมาน เห็นปราสาทราชวังอันสวยสดงดงามซึ่งไม่มีในเมืองมนุษย์ บางทีก็เห็นเป็นเทพบุตรเทพธิดาชาวสวรรค์กำลังพากันขับร้องฟ้อนรำ ยิ้มแย้มแจ่มใส ประดับกายด้วยอาภรณ์อันประณีตสวยงาม
อารมณ์เหล่านี้มาปรากฏเป็นภาพให้เห็นชัดเจนทางมโนทวาร ทำให้คนใกล้ตายมีจิตยินดีเพลิดเพลิน บางทีก็เห็นราชรถมารับ เกิดความโสมนัสยินดีมีใจผ่องใส ถ้าสังเกตดูใบหน้าของคนใกล้ตายจะปรากฏรอยยิ้ม เป็นยิ้มสุดท้ายที่งดงาม จากไปด้วยอาการสงบไปสู่สุคติภพอย่างแน่นอน
บางคนมีนิมิตมาปรากฏหลายอย่าง เพราะเคยทำทั้งบุญและบาป บุญก็ทำกรรมก็สร้าง วัดก็เข้าเหล้าก็กิน ทำดีทำชั่วสลับกันไปตามประสาคนมีกิเลส ถึงคราวตาย บางทีก็ให้เห็นเป็นนิมิตปรากฏหลายอย่าง ทั้งนิมิตข้างฝ่ายทุคติ และฝ่ายสุคติ เมื่อเป็นเช่นนี้ นิมิตที่ปรากฏทีหลังจะมีกำลังกว่า จิตของผู้ตายจะยึดหน่วงเอาเป็นอารมณ์ แล้วก็ดูดเอากายมนุษย์ละเอียดไปสู่สุคติภพหรือทุคติภพก็ได้
เพราะฉะนั้น เฮือกสุดท้ายของชีวิตจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่ที่ใจหมองกับใสนี่แหละ เคล็ดลับอยู่ที่ตรงนี้ หลวงพ่อถึงได้ตอกยํ้า ให้หมั่นสั่งสมบุญเอาไว้ให้มากๆ และทำใจให้ใสๆ เข้าไว้ เพราะใจผ่องใสไม่เศร้าหมอง สุคติย่อมเป็นที่ไป หลวงพ่อไม่อยากให้ใครต้องพลัดไปตกในอบายภูมิ อยากให้ไปสู่สุคติโลกสวรรค์กันทุกคน ดังนั้น ให้ทุกคนตั้งใจสั่งสมบุญและนั่งธรรมะทุกวัน จนกว่าเราจะเข้าถึงพระธรรมกายภายในกันทุกคน