Dhammaforpeople
ธรรมะเพื่อประชาชน
ตอน โปริสาท ตอนที่ 07
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในอัปปมาทสูตร ว่า
ผู้ปรารถนาอายุยืน หวังความไม่มีโรค มีวรรณะผ่องใส ปรารถนาจะบังเกิดในสวรรค์
หรือเกิดในตระกูลสูงและหวังความรื่นรมณ์ยินดียิ่งๆขึ้นไป พึงเป็นผู้ไม่ประมาท
บัณฑิตทั้งหลายสรรเสริญความไม่ประมาทในบุญกิริยาทั้งหลาย
ผู้ไม่ประมาทย่อมยึดประโยชน์ทั้งสองไว้ได้ คือ ประโยชน์ในปัจจุบันและประโยชน์ในภพหน้า
การสั่งสมบุญในพระพุทธศาสนา เป็นการพัฒนาคุณธรรมในตัวให้สูงขึ้น พระพุทธองค์ได้ทรงแยกแยะไว้ถึงสิบวิธีที่เรียกว่าบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ โดยย่อเรียกว่าบุญกิริยาวัตถุ ๓ ตั้งแต่
ทานมัย บุญที่เกิดจากการให้ทาน ไม่ว่าจะเป็นวัตถุทาน แบ่งปันสิ่งของที่มีอยู่กับเพื่อนร่วมโลก สละความตระหนี่ออกจากใจ ถวายทานกับภิกษุสงฆ์ผู้เป็นเนื้อนาบุญของโลก เป็นการฝากฝังทรัพย์ไว้ในพระพุทธศาสนา เมื่อเกิดในภพชาติต่อไปจะได้มีทรัพย์สมบัติไว้ใช้ตามใจปรารถนา
ศีลมัย เป็นบุญที่เกิดจากการรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ตั้งแต่ศีล ๕ ซึ่งเป็นมนุษยธรรมที่ทุกคนควรสมาธารรักษาไว้ ศีลก็จะเป็นเกราแก้วคุ้มกันภัยให้เราปลอดภัยในทุกสถานที่และด้วยอานุภาพของศีลนี้ จะทำให้เป็นผู้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บปวดไข้ แม้ละโลกไปแล้วยังอำนวยผลให้ไปสู่สุคติสวรรค์
ภาวนามัย คือบุญที่เกิดจากการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง ให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ ให้ปลอดจากนิวรทั้งหลาย บุญจากการฝึกฝนใจนี้เป็นบุญวิเศษ จะทำให้เรามีสติปัญญาเป็นเลิศ เพียงแค่นั่งสงบนิ่งตามรักษาใจให้สงบเยือกเย็นอยู่ภายใน ก็ได้มหากุศลอันยิ่งใหญ่แล้ว ทั้งนี้ เพราใจที่สะอาด บริสุทธิ์ หยุดนิ่งอยู่ภายในเสมอ จะเป็นเหตุให้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งหลาย ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏอีกต่อไป
ต่อจากตอนที่แล้วท่านเสนาบดีเห็นว่าพระเจ้าพรหมทัตไม่สามารถเลิกเสวยเนื้อมนุษย์ได้จึงให้พระองค์ทรงเลือกระหว่างสิริราชสมบัติกับการถูกเนรเทศไปอยู่ในป่าตามลำพัง พระราชาตรัสว่าสมบัติเหล่านี้ไม่ได้เป็นที่รักของเรายิ่งไปกว่าเนื้อมนุษย์ เรายอมสละราชสมบัติไปอยู่ในป่า
จากนั้นก็ทรงขอดาบหนึ่งเล่ม พ่อครัวหนึ่งคนและหม้ออีกหนึ่งใบ เมื่อได้ทุกอย่างครบแล้วก็พากันเดินทางมุ่งหน้าเข้าป่าใหญ่ อาศัยอยู่ที่ใต้ต้นไทรแห่งหนึ่ง พระองค์ได้คอยดักฆ่ามนุษย์ที่ผ่านมาบริเวณนั้นและนำมาให้พ่อครัวทำเป็นอาหาร ตั้งแต่นั้นมาพระเจ้าพรหมทัตก็ได้รับฉายานามว่า จอมโจรโปริสาท หรือยอดมนุษย์กินคน
วิธีการฆ่าคนของจอมโจรโปริสาทคือ ท่านจะไปนั่งดักมนุษย์อยู่ที่ทางเข้าดง เมื่อเห็นชาวบ้านหรือกองเกวียนของพ่อค้าเข้ามาในดง จะประกาศนามเป็นการข่มขวัญว่า เราเป็นโจรกินคนชื่อโปริสาท จากนั้นก็วิ่งลู่เข้าใส่โดยไม่เกรงกลัวต่อผู้คน แม้จะมีเป็นร้อยเป็นพัน
ฝ่ายพวกชาวบ้านเมื่อได้ยินคำว่าโจรโปริสาทก็ตกใจขวัญหนีดีฝ่อ ไม่สามารถตั้งสติเอาไว้ได้ ถึงกับเป็นลมสลบล้มลงกับพื้น เมื่อโปริสาทจับคนที่ต้องการได้ก็จะฆ่าให้ตายและนำมาให้พ่อครัวปรุงเป็นอาหารอันโอชะต่อไป มีอยู่วันหนึ่งโจรโปริสาทไม่ได้เหยื่อกลับมาที่พักเพราะหลายวันที่ผ่านมาไม่มีมนุษย์คนไหนเดินผ่านเข้าไปในป่าแห่งนั้น
พ่อครัวทูลว่าวันนี้ไม่มีเนื้อมนุษย์จะให้ทำอย่างไร โปริสาทบอกกล่าวอย่างสบายอารมณ์ว่า “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอก เพียงไม่กี่อึดใจ ข้าก็จะมีเนื้อมนุษย์ทำเป็นอาหารได้ เจ้าจงก่อไฟต้มน้ำรอไว้เถิด” พ่อครัวก็ทำตามคำสั่งโดยไมได้คิดอะไรมาก แต่ขณะที่ก่อไฟไปพลางคิดไตร่ตรองไปด้วย ก็เกิดอาการเสียวสยองขนลุกขนพองขึ้นมาทันทีเพราะมั่นใจว่าตัวคงไม่รอดชีวิตแน่ ยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดหวั่นต่อมัจจุราชที่ใกล้เข้ามาทุกขณะและแล้วความตายของพ่อครัวก็มาถึง เพราะขณะที่กำลังนั่งต้มน้ำอยู่นั้น พระเจ้าโปริสาททรงย่างสามขุมเข้าใส่ใช้ดาบฟันคอรวดเร็วดุจสายฟ้าทำให้พ่อครัวสิ้นใจตายโดยยังไม่ทันรู้ตัว
ตั้งแต่นั้นมาโจรโปริสาทก็อยู่คนเดียว ได้มนุษย์คนไหนมาก็ทำกินเอง เรื่องโปริสาทดักจับมนุษย์กินนี้ได้ลือกระฉ่อนไปทั่วชมพูทวีป ทำให้การเดินทางเข้าป่าแต่ละครั้งต้องมีการระมัดระวังเป็นพิเศษ แม้ทางการจะออกตามล่าก็ไม่สามารถจับมาลงโทษได้สักครั้ง ในสมัยนั้นมีพราหมณ์คนหนึ่งมีความจำเป็นต้องนำหมู่เกวียนจำนวน500เล่มเดินทางผ่านป่าที่โจรโปริสาทอาศัยอยู่ ก่อนเดินทางได้ว่าจ้างหน่วยอารักขาจำนวนหนึ่งให้มาช่วยดูแลความปลอดภัย
ขณะที่โจรโปรสาทอยู่บนต้นไม้กำลังเฝ้ามองดูเหยื่อที่จะนำมาเป็นอาหารได้เห็นหัวหน้าพ่อค้าที่มีรูปลักษณ์ที่งามสง่า อยากกินจนน้ำลายไหล เมื่อพราหมณ์เข้ามาใกล้ จึงลงจากต้นไม้ ประกาศนามของตนสามครั้งและก็แกว่งดาบวิ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ทั่วไป พวกพ่อค้าและหน่วยอารักขาที่ถูกว่าจ้างมาอารักขา พอได้ยินการประกาศนามของจอมโจรโปริสาทแล้วก็ตกอกตกใจ
ยิ่งได้เห็นหน้าและแววตาก็เกิดความหวาดกลัวทำอะไรไม่ถูก ถึงกับนอนหมอบเอาตัวรอดไปตามๆกัน หลังจากโจรโปริสาทวิ่งเข้าจับพราหมณ์หัวหน้าแล้วก็ตีพราหมณ์จนสลบและวิ่งแบกพราหมณ์จากไปด้วยความเร็ว
ครั้นเห็นว่าไม่มีใครติดตามมาจึงค่อยเดินอย่างสบายอารมณ์ ฝ่ายหน่วยอารักขาพอกลับได้สติ รีบลุกขึ้นถือดาบออกวิ่งไล่ตามอย่างไม่ลดละ เมื่อโจรโปริสาทมองเหลียวไปดูเห็นหน่วยคุ้มภัยของพราหมณ์คนหนึ่งวิ่งนำหน้าพวกพ้องด้วยความอาจหาญ จวนจะตามมาทันอยู่แล้ว จึงรีบออกวิ่งต่อทันที
แต่เผอิญพลาดไปเหยียบตอตะเคียนแทงทะลุหลังเท้า ทำให้วิ่งได้ไม่เร็วเหมือนเดิม คนอารักขาเห็ฯว่าโจรโปริสาทกำลังพลาดท่า ได้รับบาดเจ็บ รีบตะโกนบอกหมู่คณะเร่งฝีเท้าจับโจรกินคนให้ได้
โจรโปริสาทเห็นว่ากำลังตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว จึงจำต้องปล่อยพราหมณ์รีบหนีเอาตัวรอด พวกหน่วยคุ้มภัยได้รีบวิ่งเข้าไปดูอาการของพราหมณ์ครั้นเห็นว่าไม่ตายจึงช่วยกันเยียวยาจนพราหมณ์ฟื้นคืนสติ พอเห็นว่าบัดนี้พราหมณ์รอดชีวิตมาได้ก็ดีแล้วจึงไม่จำเป็นต้องไล่ล่าโจรโปริสาทต่อไปเพราะอาจโดนกับดักได้ เมื่อปรึกษากันเสร็จก็รีบออกเดินทางเพื่อให้พ้นจากป่ามหาภัยแห่งนี้ทันที
ทางด้านโจรโปริสาทหลังจากหนีเอาตัวรอดได้แล้ว ได้หลบเข้าไปนอนรักษาแผลอยู่ภายใต้ต้นไทรใหญ่ ตรวจดูแผลที่ถูกตอตะเคียนแทง มีอาการสาหัสกว่าที่เคยเป็น เกรงว่าจะหายช้าจึงทำการบนบานกับรุกขเทวาว่า ท่านรุกขเทวา ถ้าหากแผลของข้าพเจ้าหายภายใน ๗ วัน ข้าพเจ้าจะทำพลีกรรมด้วยเนื้อพิเศษสุด ด้วยเนื้อกษัตริย์และจะใช้เลือดในลำคอของกษัตริย์ทั้ง ๑๐๑ พระองค์มาล้างลำต้นของท่าน