ธรรมะเพื่อประชาชน พร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย เพราะคำว่าบุญนี้เป็นชื่อของความสุข ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เราย่อมรู้ชัดผลแห่งบุญอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ที่เราเสวยแล้วตลอดกาลนาน

ชาดก : ธรรมะเพื่อประชาชน Dhamma for peopleรวมนิทานอีสปพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ธรรมะเพื่อประชาชน :  คู่กัดข้ามชาติ ตอน ๑


ธรรมะเพื่อประชาชน :  คู่กัดข้ามชาติ ตอน ๑

Dhammaforpeople
ธรรมะเพื่อประชาชน

 

DhammaPP_01.jpg
 คู่กัดข้ามชาติ ตอน ๑


                   ความรักและปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ผู้ร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายในสังสารวัฏ เป็นต้นทางแห่งความสงบสุขของโลก ความบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นจากดวงใจ ของผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรม จะเชื่อมประสานรอยร้าวที่เกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจ ให้หันหน้ามาสมัครสมานสามัคคีกัน ความสามัคคีทำให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เมื่อมีความเป็นเอกภาพ มวลมนุษยชาติจะเกิดการปรองดองกัน ยิ่งมีความเอื้ออาทรต่อกันโลกก็จะมีสันติสุข กระแสความบริสุทธิ์อันเกิดจากการปฏิบัติมีมากเพียงใด ก็จะช่วยโลกสงบเย็นได้เร็วเพียงนั้น

 

 

 

DhammaPP_02.jpg


                ดังนั้นน่ะการประพฤติปฏิบัติธรรม จึงเป็นหลักสำคัญในการสร้างสันติสุข ให้บังเกิดขึ้นในโลก เพราะใจที่สงบสุขใจที่ใสบริสุทธิ์ จะทำให้เราพบกับความสุขที่แท้จริง เพราะฉะนั้นน่ะ เราทุกคนหมั่นชำระกายวาจาใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใสกันทุก ๆ วันนะจ๊ะ 

 

 

 

DhammaPP_03.jpg


                มีธรรมะภาษิตที่ปรากฎในปัณฑรกชาดกความว่า บุคคลไม่ควรเปิดเผยความลับ ควรรักษาความลับนั้นไว้  เหมือนการรักษาขุมทรัพย์ ความลับที่บุคคลอื่นรู้เข้าแล้วทำให้แพร่งพรายออกไปย่อมไม่เป็นการดี

 

 

 

DhammaPP_04.jpg

        คนฉลาดไม่ควรขยายความลับแก่สตรี ศัตรูคนที่ใช้อามิตรล่อลวง และแก่คนผู้ล้วงความลับ คนมีประมาณเท่าใด ล่วงรู้ความลับที่เขาปรึกษากัน คนมีประมาณเท่านั้นเป็นบุคคลที่น่าหวาดกลัวของเขา 

 

 

DhammaPP_05.jpg


        เพราะฉะนั้นบุคคลไม่ควรเปิดเผยความลับ เวลากลางวันควรพูดความลับในที่สงัด เวลากลางคืนไม่ควรพูดดังเกินไป เพราะเหตุว่าคนจะแอบฟังได้ยินความลับที่ปรึกษากันเข้า ความลับนั้นย่อมจะถึงการแพร่งพรายโดยเร็วพลัน

 

 

 

DhammaPP_06.jpg

                ความลับหมายถึงสิ่งที่ไม่ควรแพร่งพราย เพราะหากมีคนอื่นรู้เข้าและแพร่ขยายออกไป อาจเป็นผลเสียย้อนกลับมาทำลายตน และอาจมีผลร้ายรวมไปถึงหมู่ญาติของเราด้วย แม้ความลับไม่มีในโลก แต่เมื่อยังไม่ถึงเวลาก็ไม่ควรบอกใคร ให้รู้ไว้เฉพาะตนเท่านั้น 

 

 

 

DhammaPP_07.jpg


                  ผู้รู้ท่านได้สอนไว้ว่า มิตรเทียมไม่ควรจะให้รู้เหตุสำคัญอันลึกลับ ถึงเป็นมิตรแท้แต่เป็นคนโง่ หรือมีปัญญาแต่ประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ก็ไม่ควรจะให้รู้ความลับเช่นกัน เมื่อสงสัยว่าความลับจะแพร่งพราย บัณฑิตไม่พึงบอกความลับที่สำคัญแก่มารดาบิดา พี่สาวน้องสาว พี่ชายน้องชาย เพื่อนสหาย หรือหมู่ญาติพวกพ้องของตน ถึงภรรยาจะยังสาว พูดจาไพเราะ ถึงพร้อมด้วยบุตรธิดา มีรูปร่างสวยงาม มีเกียรติยศชื่อเสียง มีหมู่ญาติแวดล้อม เมื่อสงสัยว่าความลับที่ปรึกษากันเอาไว้จะรั่วไหล บัณฑิตไม่ควรบอกความลับที่สำคัญ แม้กับคนรัก

 

 

 

DhammaPP_10.jpg


                ผลเสียการเปิดเผยความลับของตัวเองให้คนอื่นฟัง จะนำความพินาศย่อยยับกลับมาสู่ตัวเอง และวงค์ตระกูลได้อย่างไรนั้น มีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดจากเรื่องของนาคตัวหนึ่ง ที่บอกความลับของพวกนาค ให้ชีเปลือยทุศีลคนหนึ่งฟัง ผลเสียของการบอกความลับครั้งนั้น นำมาซึ่งหายนะอันใหญ่หลวงกับพวกนาค เป็นเหตุให้นาคถูกครุฑจับกินอย่างง่ายดาย 

 

 

 

DhammaPP_11.jpg


                ต้นเหตุของเรื่องราวมีดังต่อไปนี้ ในอดีตกาลเมื่อพระเจ้าพรหมทัต เสวยศิริราชสมบัติ ในพระนครพาราณสี มีพ่อค้า ๕๐๐ คนแล่นเรือสำเภาไปในมหาสมุทร เพื่อทำการค้าขายในต่างแดน หลังจากล่องเรือไปได้ ๗ วัน สำเภาใหญ่ซึ่งกำลังล่องอยู่กลางมหาสมุทร ได้เกิดรอยรั่วและอับปางลงในมหาสมุทร

 

 

DhammaPP_12.jpg

                ทั้งพ่อค้าและกัปตันเรือ ได้ตกเป็นเหยื่อของปลาและสัตว์ร้ายในน้ำ รอดมาได้เพียงชายหนุ่มคนเดียว ลมทะเลได้พัดพาหนุ่มคนนี้ไปที่ท่าน้ำกทัมพิยะ เขาขึ้นจากทะเลได้ด้วยความเมื่อยล้า ร่างกายไร้เสื้อผ้าสวมใส่ เที่ยวขอทานไปตามเกาะต่าง ๆ ชาวบ้านเห็นเข้าก็พากันสรรเสริญว่า ท่านผู้นี้เป็นสมณะมักน้อยสันโดษ จึงชักชวนกันทำสักการะบูชา

 

 

DhammaPP_13.jpg

                ส่วนชีเปลือยเห็นว่า มีคนเอาอาหารมาให้กิน เอาดอกไม้ของหอมมามอบให้ เลยได้ช่องทางการหาเลี้ยงชีพ เมื่อชาวบ้านเอาเสื้อผ้ามาให้นุ่งห่มก็ตอบปฏิเสธไป เพราะกลัวชาวบ้านจะไม่ศรัทธา ซึ่งก็ได้ผลตามนั้น ชาวบ้านยิ่งเข้าใจผิดคิดว่าสมณะผู้มักน้อยยิ่งกว่าท่านผู้นี้ไม่มีอีกแล้ว จึงพากันเลื่อมใสยิ่งขึ้น ได้ช่วยกันสร้างอาศรมบท ให้ชีเปลือยพำนักอยู่บริเวณชายหาดแห่งนั้น ให้พักผ่อนนอนหลับอย่างสบาย เขามีชื่อใหม่ว่ากทัมพิยะอเจลกไม่ต้องทำมาหากินอะไร เป็นชีเปลือยกินนอนอย่างสะดวกสบายเรื่อยมา เพราะได้ลาภสักการะจากชาวบ้าน

 

 

DhammaPP_15.jpg

               ต่อมาได้มีพยานาคราชตนหนึ่ง กับพยาครุฑตนหนึ่ง พากันมายังที่พำนักของชีเปลือย เพียงแต่ว่ามากันคนละเวลา เนื่องจากพญานาคตัวนี้มีฤทธิ์มาก จึงไม่ค่อยจะกลัวครุฑ อีกทั้งในสมัยก่อนพยาครุฑก็ยังไม่รู้วิธีจับนาค เวลาจับนาคทีไร เป็นอันถูกพวกนาคฉุดคล่าดึงลงไปสู่ก้นมหาสมุทร จมน้ำตายเป็นจำนวนมาก 

 

 

DhammaPP_14.jpg


                อยู่มาวันหนึ่งพยาครุฑก็ไปยังสำนักชีเปลือย คอยอุปัฏฐากดูแลหาน้ำหาท่ามาให้ ขณะเดียวกันก็รำพึงรำพันให้ฟังว่า ท่านครับญาติของผม เมื่อจับพวกนาคมักจะพินาศล้มตายไปเป็นจำนวนมาก เพราะไม่รู้ว่าจะจับพวกนาคอย่างไร ได้ข่าวมาว่าพวกนาครู้วิธีป้องกันตัวเอง อยากขอความเมตตาท่านนักบวช ได้บอกความลับให้แก่พวกเราด้วยเถิด ชีเปลือยเห็นว่าพญาครุฑได้ทำอุปการะคุณกับตัวเองมานาน หากไม่ช่วยเหลือก็เกรงว่าจะเป็นการแล้งน้ำใจ จึงรับปากว่าจะช่วย 

 

 

DhammaPP_16.jpg


                ครั้นพยาครุฑขอตัวอำลาจากไปแล้ว พยานาคก็ขึ้นจากนาคพิภพมาเยี่ยมเยียนตามปกติ ชีเปลือยจึงถือโอกาสถามพญานาคว่า พญานาคได้ยินว่า เมื่อพวกครุฑจับพวกท่านต้องถึงความพินาศไปเป็นจำนวนมาก ทำไมครุฑจึงจับพวกท่านไม่ได้เล่า พยานาคตอบว่า ท่านครับผมคงบอกความลับนี้กับท่านไม่ได้หลอก หากบอกไป ย่อมได้ชื่อว่านำความตายมาสู่หมู่ญาติทั้งหลาย ชีเปลือยทำทีว่าตัวเองเป็นนักบวชมีสัจจะ ทั้งที่เป็นบุคคลทุศีล ภายนอกก็ไม่นุ่งห่มอะไร บ่งบอกถึงความเป็นคนไม่มีหิริโอตัปปะ ภายในก็รกรุงรังไปด้วยกิเลสคือความโลภ ได้บอกพญานาคว่า อาวุโสก็ท่านเข้าใจว่าคนอย่างเรา จะบอกความลับให้ผู้อื่นฟังอย่างนั้นหรือ ท่านช่วยบอกความลับกับเราทีเถิด เรารับรองว่าไม่บอกใครหรอก ที่เราถามไปน่ะก็เพียงแค่อยากรู้ อนุภาพของพวกท่านเท่านั้นเอง เรารับประกันว่าจะไม่เอาความลับไปแพร่งพรายแก่ใครอย่างเด็ดขาด

 

 

 

DhammaPP_17.jpg

                พญานาคตระหนักดีว่า การเปิดเผยความลับให้กับคนอื่น นับว่าเป็นการนำมหันตภัยมาสู่หมู่ญาติ จึงตอบปฏิเสธว่า ท่านนักบวชกระผมบอกไม่ได้หลอก ว่าแล้วก็ไหว้ชีเปลือยแล้วลาจากไป ฝ่ายชีเปลือยก็ยังไม่ละความพยายาม ในวันต่อมาเมื่อพญานาคขึ้นจากนาคพิภพ มากราบนมัสการตามปกติ ชีเปลือยก็คะยั้นคะยอไต่ถามเหมือนเดิม แม้พญานาคก็ยังใจแข็งไม่ยอมบอกอยู่ดี

 

 

DhammaPP_18.jpg

                

                ครั้นมาถึงวันที่ ๓ ชีเปลือยจึงถามพยานาคผู้มานั่งอยู่ใกล้ ๆ ว่าวันนี้เป็นวันที่ ๓ แล้วเราถามท่านทำไมท่านจึงยังไม่บอกอีกเล่า พญานาคบอกว่าผมกลัวว่า หากบอกไปแล้วท่านจะนำไปบอกผู้อื่นต่อ โดยเฉพาะหากพวกครุฑรู้เข้าก็จะสามารถทำร้ายเราได้  อีกทั้งหมู่ญาติก็จะถึงความวอดวายตามไปด้วย ชีเปลือยทำเป็นนั่งยืดตัวตรงในท่าภูมิฐาน ทำท่าทางขึงขังเพื่อแสดงให้รู้ว่าตัวเองน่ะเป็นคนมีศีล มีสัจจะ พูดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ได้เอ่ยขึ้นว่าเราไม่บอกใครหรอก รับรองว่าท่านจะปลอดภัยอย่างแน่นอน พญานาคทนคำรบเร้าไม่ไหวจึงเกิดใจอ่อน พร้อมกับคิดในใจว่า หากตนเองไม่บอกในครั้งนี้ ก็ไม่สมควรจะมาเยี่ยมท่านนักบวชอีก จึงขอความมั่นใจจากชีเปลือยว่า ท่านนักบวชหากผมบอกไปแล้ว ท่านต้องให้สัญญาว่า จะไม่นำความลับนี้ไปบอกให้ใครรู้เป็นอันขาด พอชีเปลือยรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว พยานาคจึงบอกความลับ ที่เป็นเหตุให้พยาครุฑไม่สามารถจับพวกตนกินได้ ความลับของนาคคืออะไร เราคงต้องมาติดตามรับฟังกันต่อในวันพรุ่งนี้นะจ๊ะ

 

 

 
 
 
 
 
 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล