Dhamma for people
ธรรมะเพื่อประชาชน
ชัยชนะครั้งที่ ๗ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
(ตอนที่ ๑ ชนะนันโทปนันทนาคราช)
ความทุกข์เป็นสิ่งที่มาพร้อมกับการเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกชีวิตต่างปรารถนาความสุข แสวงหาความหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง ทั้งที่หนทางแห่งความหลุดพ้นที่แท้จริงอยู่ตรงไหน จะเข้าถึงได้อย่างไรนั้นยังไม่มีผู้ใดรู้ ต่อเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ทรงชี้แจงแสดงธรรมให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ได้เห็นแจ้งในหนทางแห่งความดี ด้วยการให้ทาน รักษาศีลและเจริญภาวนา เป็นต้น สรรพชีวิตจึงรู้วิธีที่จะเข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้ ดังนั้น การที่เราสั่งสมบุญด้วยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา นับว่าเราได้ทำถูกต้องตามคำสอนของพระบรมศาสดา สมควรที่จะทำให้ยิ่งๆ ขึ้นไป อย่าได้ประมาท ให้ทำด้วยความสุข ทำด้วยความเบิกบานใจและให้มีปีติในบุญทุกครั้งที่ได้ทำไปเสมอ
ในชัยมังคลกถาบทที่ ๗ พระโบราณาจารย์ได้รจนาไว้ว่า
“นนฺโทปนนฺทภุชคํ วิพุธํ มหิทฺธึ
ปุตฺเตน เถรภุชเคน ทมาปยนฺโต
อิทฺธูปเทสวิธินา ชิตวา มุนินฺโท
ตนฺเตชสา ภวตุ เต ชยมงฺคลานิ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจอมมุนี ทรงโปรดให้พระโมคคัลลานเถระพุทธชิโนรส ไปปราบนันโทปนันทนาคราช ผู้มีความรู้ผิด มีฤทธิ์มาก ด้วยวิธีให้แสดงฤทธิ์ ทรมาน ให้สิ้นฤทธิ์ ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น ขอชัยมงคลทั้งหลาย จงเกิดมีแก่ท่าน”
ครูบาอาจารย์ทั้งหลายในโลกนี้ ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่พิมพ์ของชาติ หรือผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าลัทธิ เป็นศาสดา ซึ่งได้รับการยอมรับนับถือจากคนเป็นจำนวนมากนั้น ล้วนปรารถนาจะสั่งสอนให้ลูกศิษย์เป็นคนดี มีความสามารถ และอยากให้ดำเนินชีวิตอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องดีงาม แต่ก็ไม่สามารถสอนสิ่งมีชีวิตเหล่าอื่นนอกเหนือไปจากมนุษย์ได้ ซึ่งสิ่งมีชีวิตในโลกและจักรวาลนี้ ไม่ใช่มีเฉพาะมนุษย์เท่านั้นที่ต้องการหลุดพ้นจากทุกข์ พบความสุขอันเป็นอมตะ มีสรรพสัตว์อีกมากมายในสังสารวัฏที่มีความปรารถนาเช่นเดียวกันกับมนุษยชาติ เพียงแต่ขาดผู้รู้ที่มีบารมีแก่กล้ามาแนะนำ ให้เขาได้พบหนทางสว่างในชีวิต
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา นอกจากจะเป็นบรมครูของมนุษย์แล้ว ยังสามารถเทศนาสั่งสอนอมนุษย์ นาค ยักษ์ เทวดาและพรหมให้ได้บรรลุธรรมตามพระพุทธองค์ด้วย แม้พญานาคที่มีฤทธานุภาพมาก เหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ก็ไม่อาจจะเทียบพุทธานุภาพอันไม่มีประมาณของพระพุทธเจ้าได้ คำว่า ศาสดาเอกของโลก คือ สุดยอดผู้แนะนำสั่งสอนที่ทำหน้าที่ได้ดีที่สุด เก่งที่สุด เลิศที่สุด เพราะทรงสอนให้สรรพสัตว์ทุกหมู่เหล่าหลุดพ้นจากทุกข์ได้ สามารถเข้าถึงความสุขอันเป็นอมตะได้
ดังเช่นเรื่องของพุทธชัยมงคลบทนี้ พระบรมศาสดาทรงเอาชนะพญานาคนันโทปนันทะ เรื่องมีอยู่ว่า สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งอยู่ที่วิหารเชตวัน ทรงเข้ามหากรุณาสมาบัติ แผ่ข่ายพระญาณไปทั่วหมื่นโลกธาตุ ทรงเห็นนันโทปนันทนาคราชเข้ามาในข่ายพระญาณ พระองค์รู้ว่าพญานาคนี้ดุร้ายนัก เพราะเคยสั่งสมบุญไว้ในปางก่อน จึงมีฤทธิ์มาก หากพระองค์เสด็จไปโปรดก็จะหันมานับถือพระศาสนา ทั้งจะได้อุปนิสัยอันเป็นปัจจัยที่จะทำให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้ในชาติต่อๆ ไป
รุ่งขึ้น ก่อนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะเสด็จไปรับภัตตาหารที่บ้านของอนาถบิณฑิกเศรษฐี ทรงรับสั่งให้พระอานนท์แจ้งเหล่าภิกษุสงฆ์ว่า พระองค์จะเสด็จจาริกไปในเทวโลก ก่อนที่จะไปฉันที่บ้านของท่านมหาเศรษฐี บรรดาพระมหาสาวกต่างพาบริวารของตน ที่มีอภิญญาสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ประมาณ ๕๐๐ รูป มาคอยรับเสด็จ เพื่อติดตามไปสู่เทวโลก
ขณะนั้นพญานาคชื่อนันโทปนันทะ เนรมิตกายประดุจเทพเจ้าบนสวรรค์ นั่งอยู่บนรัตนบัลลังก์ เสวยทิพยสมบัติด้วยความสำราญ ครั้นเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้ากับพระสาวกจำนวนมากเหาะมา ก็โกรธตามประสาผู้มีทิฐิมานะว่า “สมณะเหล่านี้ เห็นทีจะไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อไปก็ต้องเหาะข้ามหัวเรา ฝุ่นละอองที่ติดเท้าก็จะร่วงหล่นใส่เรา ควรที่เราจะขึ้นไปห้ามเสีย” คิดแล้วก็ปาฏิหาริย์กายให้ใหญ่ เอาหางรัดเขาพระสุเมรุซึ่งสูงประมาณ ๘๔,๐๐๐ โยชน์ไว้ ใช้พังพานปิดภพดาวดึงส์ บันดาลให้เกิดหมอกควันกลบไปทั้งภพ
พระรัฐบาลเถระเห็นความผิดปกตินั้นจึงทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า “พระพุทธเจ้าข้า เมื่อก่อนพวกข้าพระองค์มายืนอยู่ตรงนี้ สามารถเห็นภูเขาที่อยู่ล้อมภูเขา พระสุเมรุ เห็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์และเวชยันตปราสาท อีกทั้งเห็นธงเบื้องบนเวชยันตปราสาท แต่มาบัดนี้ กลับไม่เห็นอะไรเลย เป็นเพราะเหตุไรพระเจ้าข้า” เมื่อรู้ว่า พญานาคผู้มีอานุภาพเป็นผู้บันดาลฤทธิ์มาขัดขวางหนทางพระพุทธเจ้า พระเถระรีบอาสาที่จะไปปราบพญานาค เพื่อให้รู้จักคุณของพระบรมศาสดา
พระพุทธองค์ตรัสห้ามพระเถระ พระอรหันต์รูปอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นพระภัททิยะ พระราหุล ต่างทูลอาสาที่จะไปปราบพญานาค พระพุทธองค์ก็ทรงห้ามไว้เช่นกัน เพราะรู้ว่าไม่ใช่วิสัยของพระอรหันต์รูปอื่นๆ ที่จะทำลายทิฐิมานะของพญานาคผู้มีฤทธานุภาพมาก ครั้นพระมหาโมคัลลานะทูลอาสา จึงทรงอนุญาต ทั้งทรงประทานพรให้มีชัยชนะแก่พญานาคด้วย
เมื่อพระมหาเถระได้รับพุทธานุญาตแล้ว ได้เนรมิตเป็นพญานาคที่มีกายใหญ่กว่านันโทปนันทนาคราชถึง ๒ เท่า แล้วรัดกายของพญานาคราชให้อัดแน่นกับเขาพระสุเมรุ มิให้เคลื่อนไหวได้ พญานาคราชถูกรัดจนกระดูกแทบจะแตก ก็โกรธมาก ได้บังหวนควันพุ่งใส่พระเถระเต็มที่ พระเถระเข้าวาโยธาตุ บันดาลให้ควันเกิดขึ้นมากยิ่งกว่า พญานาคจึงทำอันตรายพระเถระไม่ได้
พญานาคขัดเคืองมาก ได้พ่นเปลวไฟอันร้อนแรงเข้าใส่อีก พระเถระเข้าเตโชกสิณเนรมิต ไฟที่ร้อนแรงกว่าต้านทาน ไฟของพญานาคไม่อาจระคายเคืองผิวของพระเถระ แต่พญานาคกลับถูกไฟของพระเถระเผาลนปางตาย พญานาคคิดว่า สมณะรูปนี้ชื่ออะไรหนอ ทำไมจึงมีฤทธิ์มากเช่นนี้ พระเถระรู้ความในใจของพญานาค จึงบอกว่าเป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า พญานาคหาเรื่องอีกว่า “ท่านเป็นสมณะ ทำไมจึงมาทำร้ายข้าพเจ้า การกระทำของท่านมิควรแก่สมณะเลย”
พระเถระตอบว่า “เรานี้ไม่ได้ลงโทษท่านเพราะความโกรธ แต่ที่ทรมานท่าน ด้วยหวังจะให้ท่านละความเห็นผิด ตั้งอยู่ในทางของพระอริยเจ้า ท่านอย่าโกรธเราเลย” จากนั้นพระเถระได้กลับร่างเป็นสมณะเช่นเดิม พลางสอนว่า “ท่านเป็นเดรัจฉาน มีความประมาท มิรู้จักบาปบุญคุณโทษ ไม่รู้จักคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ตลอดจนมารดา บิดา ครูอาจารย์ ควรหรือที่ท่านจะมาสำแดงความโกรธในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระสาวกผู้มีคุณมาก แม้ละอองพระบาทจะตกลงมาเหนือเศียรของท่าน สิ่งนั้นก็เป็นมหามงคลยิ่งนัก หาเป็นอัปมงคลไม่”
จากนั้นพระเถระชี้ให้เห็นอานิสงส์ของการบูชาพระพุทธองค์ว่า “ผู้ที่บังเกิดขึ้นมาในโลกนี้ ยากนักที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้า บางคนเกิดมาหลายอสงไขยชาติก็มิได้พบ อย่าว่าแต่การได้พบพระองค์เลย แม้แต่รอยพระบาทก็ยากจะได้เห็น ดังนั้นผู้ใดมีความเลื่อมใสในพระองค์ จะได้ผลานิสงส์อันยิ่งใหญ่ ได้เสวยทิพยสมบัติในเทวโลกชั้นใดชั้นหนึ่งใน ๖ ชั้น เพราะพระพุทธเจ้ามีคุณไม่มีประมาณ พุทธคุณของพระองค์มากมายเกินกว่าจะพรรณนาได้หมด ท่านเป็นสัตว์เดียรัจฉานในกำเนิดชั้นต่ำ ถ้าไม่รีบกลับใจ ก็มีแต่จะต้องตกไปในอบายอย่างเดียวเท่านั้น”
ในตอนหน้า เราจะมาติดตามกันว่า คำแนะนำสั่งสอนของพระเถระในครั้งนั้น ทำให้พญานาคสำนึกผิดหรือไม่ หรือยอมเชื่อฟังแล้วหันกลับมานับถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะหรือไม่อย่างไร พวกเราอย่าลืมนั่งธรรมะให้ได้ทุกๆ วัน และทำจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ในคุณของพระธรรมและพระสงฆ์ เราจะได้อานิสงส์ใหญ่ ได้เข้าถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา คือ พระรัตนตรัยภายในกันทุกคน