ธรรมะเพื่อประชาชน พร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย เพราะคำว่าบุญนี้เป็นชื่อของความสุข ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เราย่อมรู้ชัดผลแห่งบุญอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ที่เราเสวยแล้วตลอดกาลนาน

ชาดก : ธรรมะเพื่อประชาชน Dhamma for peopleรวมนิทานอีสปพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ธรรมะเพื่อประชาชน : ทำบุญไว้เถิดประเสริฐนัก


ธรรมะเพื่อประชาชน : ทำบุญไว้เถิดประเสริฐนัก

Dhamma for people
ธรรมะเพื่อประชาชน

DhammaPP_124_01.jpg

ทำบุญไว้เถิดประเสริฐนัก                   

                  ตราบใดที่เรายังไปไม่ถึงนิพพาน อันเป็นเป้าหมายอันสูงสุดของชีวิต ชีวิตก็ยังไม่ปลอดภัย ยังมีขึ้นมีลง อาจมีสุคติและทุติคติปะปนกันไป คือบางคนเป็นผู้ไม่ประมาท ฉลาดในการสั่งสมบุญ ก็มีสุคติเป็นที่ไป เส้นทางไปสู่นิพพานก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ 

 

 

DhammaPP_124_02.jpg

                   ส่วนผู้ประมาททั้งหลาย พอได้โอกาสเป็นมนุษย์แล้ว มัวหลงใหลในชีวิตที่มีประมาณน้อยนี้ ใช้เวลาให้ผ่านไปอย่างไร้ค่า ชีวิตในปรโลกก็มีทุคติเป็นที่ไป เราทั้งหลายก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้มีบุญลาภอันประเสริฐ ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์มาพบพระพุทธศาสนา เชื่อเรื่องกรรมและผลของกรรม ก็ขอให้ตั้งใจมั่นในการทำความดี ในช่วงระยะเวลาที่ไม่ถึง ๑๐๐ ปีนี้น่ะให้เต็มที่ เส้นทางชีวิตของเราจะได้มีแต่ความสุข ความปรอดภัย และก็มีชัยชนะ ไปทุกภพทุกชาติกันนะจ๊ะ

 

 

DhammaPP_124_03.jpg

                       มีวาระพระบาลีที่ปรากฎในสัปปุริสสูตรว่า

   สัปปบุรุษบริจาคทานมากแล้วก็ไม่รู้สึกเสียดาย ท่านผู้มีปัญญา

   เห็นแจ้ง ย่อมสรรเสริญ ทานที่สัปปบุรุษให้แล้วอย่างนี้ 

   บัณฑิตผู้มีศรัทธามีใจอันสละแล้ว บริจาคทานอย่างนี้แล้ว

   ย่อมเข้าถึงโลกอันไม่มีความเบียดเบียน มีแต่ความสุข

 

 

DhammaPP_124_05.jpg

                
                    ในปัจจุบัน หลายคนปรารถนาอยากเป็นคนดีของสังคม อยากทำความดี เพื่อจะได้มีสุคติเป็นที่ไป แต่ก็ยังพลาดพลั้งไปทำสิ่งที่ไม่ดีซึ่งเป็นบาปอกุศล ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าใจยังไม่เข้มแข็งพอ ยังไม่เห็นคุณค่าของความดีอย่างแท้จริง บางคนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการสร้างบารมี ไม่เป็นสัปปายะ จึงไม่สามารถทำความดีได้เต็มที่ เนื่องจากไม่มีคนมาแนะนำพร่ำสอน เลยไม่รู้ว่าเขาทำความดีกันอย่างไร ส่วนคนที่ไม่อยากทำดี เพราะไม่รู้ว่า ความดีคืออะไร ทำไปทำไม ทำแล้วจะได้อะไร เขาคิดเอาเองด้วยความไม่รู้ว่า ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้ว ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร และไม่ได้ทำให้สังคมเดือดร้อน ทำให้ประมาทในชีวิต และไม่ขวนขวายในการสร้างความดี เอาเวลาว่างไปเที่ยวเตร่สนุกสนานเพลิดเพลินไปวันๆ  ซึ่งคนในโลกที่คิดกันอย่างนี้มีมาก ความจริง การที่ตัวเองไม่ทำให้สังคมเดือดร้อน หรือไม่เบียดเบียนใคร  นั่นเป็นเพียงการละชั่ว เป็นพื้นฐานชีวิตของการเกิดมาเป็นมนุษย์เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่ คนเราถ้าไม่ทำบุญ ใจก็มักน้อมไปในบาปอกุศล


 

DhammaPP_124_06.jpg


                    เพราะในชีวิตของเราก็มีเพียงบุญกับบาปเท่านั้น เป็นเครื่องกำหนดชะตาชีวิต ดังนั้นเป็นมนุษย์จะต้องฝึกตัวให้ยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีกคือ ต้องทำความดีให้ถึงพร้อม  เมื่อเรามีความพร้อมในด้านครอบครัว มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ก็ต้องมาคิดต่อว่า จะกำหนดเส้นทางชีวิตในปรโลกเอาไว้อย่างไรดี ความดีอะไรบ้าง ที่ต้องขวนขวายสั่งสมเอาไว้ให้มากๆ หากเราไม่ทำบุญกุศลเอาไว้เลย เสบียงในภพชาติต่อไปของเราก็หมดได้เหมือนกัน เหมือนรถราคาแพง แต่หากไม่มีน้ำมันก็วิ่งต่อไปไม่ได้ เราจำต้องหาเสบียงบุญเอาไว้ให้มาก เพราะเส้นทางไปสู่นิพพานนั้น ยังอีกยาวไกลเหลือเกิน ต้องทำใจให้ผ่องใสควบคู่ไปด้วย เพราะนี่คือหลักวิชาที่จะทำให้เราไม่ต้องไปบังเกิดในอบายภูมิ การสั่งสมบุญจึงเป็นหน้าที่หลักที่มนุษย์ทุกคนต้องทำ ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม แต่เป็นเรื่องหลักที่ทุกคนควรทำความเข้าใจเอาไว้ให้ดี ชีวิตของเราจะได้ไม่ผิดพลาด บุญนี้เป็นรากฐานของชีวิตที่สำคัญ หลวงพ่อจะพูดตอกย้ำซํ้าเดิมอยู่บ่อยๆ  พวกเราจะได้ไม่ประมาทกัน  เพราะทุกๆ ชีวิตถูกหล่อเลี้ยงด้วยบุญทั้งนั้นแหละ ถ้าหมดบุญก็ตาย ถ้าใครทำบุญมาก ความสุขความสำเร็จก็มีมาก ยิ่งใครทำถูกเนื้อนาบุญ ผลบุญย่อมบังเกิดขึ้นอย่างมากมายนับประมาณมิได้เลย 
 


                    

DhammaPP_124_08.jpg


                    เหมือนเรื่องของผู้ที่ได้โอกาสทำบุญกับพระอรหันต์ ทำให้มีสุคติเป็นที่ไป ซึ่งหลวงพ่อจะได้นำมาเล่าเพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างบารมีของพวกเราทุกๆ คน เรื่องก็มีอยู่ว่า *สมัยพุทธกาล ในกรุงราชคฤห์ มีชายชราเข็ญใจคนหนึ่งชื่ออัมพปาละ แปลว่าคนเฝ้าสวนมะม่วง ชายเข็ญใจท่านนี้ รับจ้างเฝ้าสวนมะม่วงของคนอื่น แลกกับอาหารเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ นายอัมพปาละพอทราบว่า ในเมืองนี้มีพระพุทธเจ้าแสดงธรรมให้มหาชนฟัง และมีพระอรหันต์ผู้หมดกิเลส มีฤทธิ์สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ก็อยากจะไปเข้าเฝ้า และถวายภัตตาหารกับพระพุทธเจ้าบ้าง แต่ก็ยังไม่มีโอกาสจะได้ไปวัดพระเชตวันเหมือนคนทั่วไป เพราะความยากจนเป็นเหตุ จึงได้แต่คิดด้วยจิตที่เป็นกุศลอยู่ในใจ

 


 

DhammaPP_124_09.jpg


                    วันหนึ่งท่ามกลางอากาศที่ร้อนกว่าปกติ ขณะที่พระสารีบุตรมีเหงื่อท่วมกายกำลังเดินบิณฑบาตด้วยความสงบเสงี่ยมผ่านสวนมะม่วงที่นายอัมพปาละดูแลรักษาอยู่ นายอัมพปาละเห็นพระเถระก็เกิดความเคารพเลื่อมใสมาก ได้เดินเข้าไปหาพร้อมกับกล่าวเชื้อเชิญว่า ขอนิมนต์พระคุณเจ้าโปรดมานั่งพักใต้โคนต้นมะม่วงให้หายเหนื่อยก่อนเถิด หายเหนื่อยเมื่อไหร่ค่อยไปต่อ ได้โปรดอนุเคราะห์คนแก่อย่างผมด้วยเถิด แล้วก็หาหญ้ามาปูและเอาผ้าปูทับอีกทีหนึ่ง เพื่อทำเป็นอาสนะให้กับพระเถระได้นั่งพักผ่อน พระเถระเห็นความตั้งใจของชายชราจึงเข้าไปนั่งพัก 
 

 

 

DhammaPP_124_10.jpg


                    อัมพปาละอยากได้บุญกับพระเถระมาก อยากนำมะม่วงมาถวาย แต่ก็กลัวถูกเจ้านายหาว่าเป็นลูกจ้างที่ไม่ซื่อสัตย์ เดี๋ยวจะถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมย จึงได้ไปตักน้ำมาจากบ่อ จัดแจงให้ท่านได้สรงน้ำ จะได้สบายตัว พระเถระก็ฉลองศรัทธาด้วยการสรงสนาน และดื่มน้ำที่คนยากไร้ แต่จิตใจงดงามนำมาถวาย จากนั้นก็กล่าวอนุโมทนาให้ศีลให้พร แล้วก็หลีกไป

 

 

DhammaPP_124_11.jpg

 
                    นายอัมพปาละดีใจมากที่ได้ถวายน้ำให้พระเถระได้สรงและได้ดื่ม นึกถึงทีไรก็ปลื้มใจทุกที เพราะตลอดชีวิต ตนเองก็ไม่เคยได้ทำบุญกับพระอรหันต์มาก่อนเลย ภายหลังเมื่อทำกาลกิริยาแล้ว ก็ได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีวิมานเป็นทองสว่างไสว มีเสาเป็นแก้วมณีใหญ่โตมาก 
 
                    วันหนึ่งพระโมคคัลลานะเหาะขึ้นไปบนสวรรค์ ได้เห็นวิมานของนายอัมพปาละก็เข้าไปถามว่า "วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง ๑๒ โยชน์ โดยรอบ มีห้องรโหฐาน ๗๐๐ ห้อง ล้วนสำเร็จด้วยเสาแก้วไพฑูรย์ ปูลาดด้วยเครื่องปูลาดที่งดงาม ท่านนั่งและดื่มกินในวิมานนั้น พิณทิพย์ก็บรรเลงไพเราะ ในวิมานนี้ มีกามคุณห้ามีรสอันเป็นทิพย์ และอัปสรเทพนารีที่แต่งองค์ด้วยทองฟ้อนรำอยู่ ท่านทำบุญอะไรไว้จึงได้วิมานใหญ่โตเช่นนี้"
 
                    อัมพปาลเทพบุตรกราบเรียนด้วยความปลื้มปีติทีเดียว ปกติเทวดาสามารถจะระลึกชาติหนหลังของตัวเองได้หนึ่งชาติ เป็นเทวฤทธิ์ที่เกิดขึ้นด้วยบุญ เหมือนฤทธิ์ของนกคือบินไปในอากาศได้ ซึ่งตลอดชีวิตที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ เทพบุตรนึกถึงบุญอะไรก็ไม่ออก เพราะความยากจน เลยเอาแต่รับจ้างคนอื่นทำมาหากิน คิดแต่เพียงจะเอาชีวิตรอดไปวันๆ  นึกออกเพียงเรื่องเดียว คือการถวายน้ำสรงสนานและน้ำดื่มแด่พระสารีบุตรเถระ จึงกราบเรียนให้พระเถระได้ทราบทุกอย่างด้วยความปีติใจ พระเถระได้ฟังแล้วก็อนุโมทนา จากนั้นก็เหาะไปเยี่ยมวิมานของเทพบุตรเทพธิดาท่านอื่นๆ ต่อไป  

 

 

DhammaPP_124_04.jpg

 
                    เราจะเห็นว่า โอกาสในการสั่งสมบุญของบางคนนั้นยากเหลือเกิน เพราะบางคนแม้มีศรัทธาอยากทำบุญมาก มีพระมาโปรดถึงบ้าน แต่ไทยธรรมที่จะถวายกลับไม่มี ความยากจนเป็นอุปสรรคทำให้การสร้างบารมีติดขัด บารมี ๑๐ ทัศก็เต็มเปี่ยมยาก  หลวงพ่ออยากให้ลูกๆ ทุกคนเลิกยากจน จึงหมั่นชักชวนทำบุญไม่ได้ขาด อย่าอยากจนกันเลย ให้เปลี่ยนมาเป็นรวยทุกชาติกันดีกว่า คือรวยบุญรวยบารมี และก็มีสมบัติไว้ใช้สร้างบารมีอย่างสะดวกสบาย

 

 

DhammaPP_124_12.jpg


                    ในช่วงนี้ โอกาสยังเป็นของเราอยู่ ให้เราตักตวงบุญกันให้เต็มที่ คนที่ยากจนในปัจจุบันนี้ คืออดีตคนเคยรวยมาก่อน คือรวยแล้วไม่ทำทาน มัวหวงแหนทรัพย์เอาไว้ ความตระหนี่นั่นแหละเป็นสาเหตุให้ยากจน ความตระหนี่จะผลักสมบัติของเราออกไป แล้วดึงความยากจนเข้ามาแทนที่ ถ้าไม่อยากจนก็ต้องให้ทาน แล้วความจนก็จะไม่เกิดขึ้นกับเราอีก  ดังนั้น ก็ให้เราหมั่นสั่งสมบุญกันให้เต็มที่ ทั้งทาน ศีล ภาวนากันทุกคน


พระธรรมเทศนาโดย : พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) 
* มก. เล่ม ๔๘ หน้า ๕๙๔

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล