ธรรมะเพื่อประชาชน พร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย เพราะคำว่าบุญนี้เป็นชื่อของความสุข ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เราย่อมรู้ชัดผลแห่งบุญอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ที่เราเสวยแล้วตลอดกาลนาน

ชาดก : ธรรมะเพื่อประชาชน Dhamma for peopleรวมนิทานอีสปพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ธรรมะเพื่อประชาชน : บวชพระชนะภัย


ธรรมะเพื่อประชาชน : บวชพระชนะภัย

Dhammaforpeople
ธรรมะเพื่อประชาชน

DhammaPP141_01.jpg

บวชพระชนะภัย

              ภายในวัฏสงสารมีมากมาย ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น ภัยที่มองเห็นเป็นภัยที่เกิดขึ้นขณะยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งมนุษย์เข้าใจว่าเป็นภัยที่น่ากลัวที่สุด แต่แท้ที่จริงแล้วภัยที่น่ากลัวกว่าคือภัยในปรโลก  ซึ่งเป็นภัยที่มนุษย์จะต้องศึกษาและให้ความสำคัญด้วย แต่มนุษย์ไม่ค่อยขวนขวายแสวงหาความรู้กัน จึงไม่ได้เตรียมรับมือกับภัยในปรโลกที่จะมาถึง ถ้าไม่ได้ศึกษาพุทธธรรมอันบริสุทธิ์ของพระพุทธองค์แล้วเราก็จะขาดความรู้เรื่องชีวิตใหม่ในปรโลก เหมือนกับโลกที่ขาดแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ย่อมยากที่จะดำรงชีวิต ให้อยู่อย่างสุขสบายได้ พระสัจธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ถือว่าเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง บัณฑิตนักปราชญ์ผู้ฉลาดในการใช้ชีวิต จึงหมั่นศึกษาธรรมะและปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการเจริญสมาธิภาวนา เพราะจะทำให้ชีวิตสมบูรณ์ขึ้นและจะอยู่บนเส้นทางสวรรค์และพระนิพพานได้ตลอดไปนะจ๊ะ

 


        มีธรรมภาษิตที่ปรากฏใน ปุจิมันทชาดก ความว่า
             สงฺเกยย สงฺกิต พฺพานิ
             รกฺเขยฺยานาคตํ ภยํ
             อนาคตภูยา ธีโร
             อุโภ โลเก อเวกฺขติ

บัณฑิตพึงรังเกียจสิ่งที่ควรรังเกียจ พึงป้องกันภัยที่ยังมาไม่ถึง พึงพิจารณาดูโลกทั้งสอง เพื่อป้องกันภัยในอนาคต

 


                       สิ่งที่ควรรังเกียจตามหลักพุทธศาสนาคือ บาปกุศลทั้งหลาย ส่วนที่ควรหลีกให้ห่างไกลก็คือคนพาล ผู้มีปกติคิดชั่ว พูดชั่วแล้วก็ทำชั่ว เพราะคนไม่ดีเหล่านี้ จะนำภัยพิบัติมาสู่ตัวเราได้ ภัยอันตรายทั้งหลายเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ไม่ปรารถนาให้เกิดขึ้น เพราะมันหมายถึงการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน มีความเจ็บปวดและความโศกเศร้าเสียใจ แต่ถึงไม่ปรารถนาอย่างไรก็ยากที่จะห้ามได้ เพราะการพลัดพรากเป็นเรื่องปกติธรรมดาของโลก สิ่งที่เราพึงทำก็คือจะต้องทำใจเอาไว้ เพื่อรองรับกับสถานการณ์จากภัยที่คาดไม่ถึง ซึ่งจะว่าไปแล้วก็จะเป็นผลมาจากการกระทำของเราในอดีตนั่นเอง 

 


                       การใช้ชีวิตให้มีแต่ความสุขเพียงอย่างเดียว เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก คืนนี้เราอาจจะนอนหลับอย่างสุขสบาย แต่รุ่งเช้าเราอาจจะต้องสะดุ้งตื่น เพราะถูกภัยรอบด้านรุมเร้า รวมถึงภัยจาดความคิดที่คุกคามอยู่ในจิตใจเรา ดังนั้นบัณฑิตนักปราชญ์ทั้งหลาย จึงสังวรระวังอยู่เสมอ และจะไม่ประมาทในการดำรงชีวิต จะหมั่นทำทานรักษาศีลและเจริญสมาธิภาวนา เพราะชีวิตทั้งในโลกนี้และโลกหน้าต้องอาศัยบุญบารมีที่ได้ทำนี่แหละ เป็นที่พึ่งพาอาศัย 

 


                    การคิดหลบหนีภัยอันเกิดจากการทำบาปของตน เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เพราะแต่ละชีวิตล้วนเป็นไปตามการกระทำของตน ส่วนการหลบหนีภัยในชาตินี้ ซึ่งเกิดจากมนุษย์ด้วยกันเองบ้าง จากภัยธรรมชาติบ้าง เราอาจทำได้เพราะอาศัยกำลังบุญมาต้านทานกำลังบาป ดังเช่นพระมุทิตเถระ ท่านออกบวชเพื่อลี้ภัยการเมือง ซึ่งชีวิตการในพระองค์ท่านนอกจากจะพ้นจากภัยการเมืองแล้ว ยังพ้นจากภายในวัฏสงสารอีกด้วย ท่านพ้นได้อย่างไร เรามาติดตามรับฟังกันเลยนะจ๊ะ

 


                       ย้อนไปเมื่อหลายกัปที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกัปที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสีทรงอุบัติขึ้นเป็นแสงสว่างแก่โลกและจักรวาล พระเถระได้ถือกำเนิดเป็นลูกชายสุดที่รัก ของตระกูลที่มีฐานะดีตระกูลหนึ่ง เมื่อครั้นท่านโตเป็นหนุ่มก็มีบุญได้เห็นพระพุทธองค์ผู้ทรงมีพระรัศมีกายอันรุ่งเรือง ที่ทรงแวดล้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ ผู้สงบเสงี่ยมมีศีลาจารวัตรงดงาม เสด็จผ่านมาทางหน้าบ้านของท่าน เมื่อท่านได้เห็นภาพอันน่าประทับใจนั่นแล้ว ก็มีจิตศรัทธาเลื่อมใสจึงอยากถวายวัตถุทานที่วิเศษกว่าคนอื่นๆ จึงได้น้อมถวายเตียงตัวหนึ่งเป็นไทยธรรม ซึ่งเตียงนั้นท่านได้ให้นายช่างออกแบบ และสร้างด้วยวัสดุที่พิเศษ และทำอย่างประณีต หลังจากนั้นท่านก็ได้ให้นายช่างไปสร้างเวจกุฏีหรือห้องน้ำที่วัด ถวายพระพุทธองค์อีกโดยควบคุมสั่งการทุกอย่างในการก่อสร้างด้วยตัวเอง บุญ ๒ อย่างนี้เป็นบุญที่ท่านปลื้มเป็นพิเศษกว่าทุกๆ บุญ แม้ว่าจะเคยถวายภัตตาหารหรือฟังธรรม ก็ปลื้มสู้บุญ ๒ อย่างนี้ไม่ได้ 

 


                       เมื่อละจากอัตภาพนั้น ก็ได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรสุดหล่อบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ท่านมีช้างทิพย์ ม้าทิพย์ เทวรถทิพย์เป็นพาหนะที่งดงามโดดเด่น วิจิตรตระการตามากกว่าเทพบุตรเทพธิดาองค์อื่นๆ เมื่อเทพบุตรเทพธิดาท่านใด ได้ถอดทัศนาแล้วต้องถามเจ้าของทันทีว่า ท่านไปทำบุญอะไรมาถึงได้ยานพาหนะชั้นเลิศถึงเพียงนี้ และด้วยผลบุญที่ทำในครั้งนั้น ส่งผลให้ท่านเวียนว่ายตายเกิดอยู่ใน ๒ ภพภูมิเท่านั้น คือในเทวโลกและในมนุษยโลก  

 


                       พอมาถึงยุคของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ท่านก็ได้มาเกิดในตระกูลคฤหบดีประจำเมืองสาวัตถีชื่อว่ามุทิตตช่วงชีวิตที่ท่านโตเป็นหนุ่มตระกูลของท่านก็ถูกคาดโทษจากพระราชสำนัก ต่อมาถูกเจ้าหน้าที่ตามจับคนในตระกูลทั้งหมดทำให้ญาติพี่น้องในวงศ์ตระกูลต่างต้องหนีตัวรอด ทำให้ท่านต้องมีตระกูลที่บ้านแตกสาแหลกขาด สำหรับตัวท่านเองนั้นก็ได้หนีเข้าป่า ได้ไปอาศัยข้าวก้นบาตรของพระอรหันต์เถระรูปหนึ่งเลี้ยงชีวิต พระอรหันต์ที่สอนให้ท่านปล่อยวาง และสอนให้รู้ว่า ที่ตัวท่านได้รับความลำบาก ต้องหนีราชภัยอย่างนี้ก็เพราะผลกรรมเก่าที่ได้ทำเอาไว้ในอดีต 

 


                       ซึ่งตัวท่านเองก็มีความเข้าใจระดับหนึ่งแต่ยังไม่ลึกซึ้ง เพราะกังวลการเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน เมื่อท่านอยู่กับพระอรหันตเถระนานวันเข้า ก็เกิดความคิดว่าเราน่าจะบวชเป็นพระ เพราะที่ผ่านมาเราก็เห็นชาวบ้านชาวเมือง แม้แต่พระราชาเองก็ให้ความเคารพพระ เมื่อคิดแล้วก็เรียนถามพระเถระว่าตนจะถูกเจ้าหน้าที่ตามจับอยู่นานสักเท่าไหร่ เมื่อได้รับคำตอบว่า จะพ้นราชภัยได้ต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๗ เดือน

 


                       เมื่อพิจารณาหักล้างผลได้ผลเสียแล้ว จึงตัดสินใจขอบวชเป็นพระแบบไม่รีรอทันที อีกอย่างที่ท่านตัดสินใจบวชก็เพราะคิดว่า ถ้าเป็นพระแล้วก็จะได้ไม่ต้องพะวงเรื่องการทำมาหากินด้วย ตกลงว่าตอนแรกๆ ท่านคิดอาศัยผ้าเหลืองเพื่อหนีราชภัยและเลี้ยงชีวิตนั่นเอง ยังไม่ได้บวชด้วยความศรัทธาอย่างเปี่ยมล้น เมื่อบวชแล้วพระมุทิตตก็ได้ทำกิจวีตรกิจกรรมของพระภิกษุอย่างสมบูรณ์ โดยคิดว่า เมื่อบวชผ่านไปสัก ๗-๘ เดือนแล้วก็ค่อยว่ากันใหม่

 


                       ครั้นท่านได้ศึกษาธรรมะและปฏิบัติธรรมมากยิ่งขึ้น ด้วยธรรมะที่ว่าบุคคลประพฤติทำดีแล้วย่อมนำสุขมาให้ เพราะเหตุนี้เองทำให้พระมุทิตตได้สัมผัสถึงความสุข จากการปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนา ส่งผลให้ท่านไม่สนใจต่อวันเวลาที่ผ่านไป แม้ราชภัยที่มีต่อตระกลูท่านจะสงบแล้วก็ตามท่านก็ไม่ได้สนใจ ท่านยังคงเป็นพระภิกษุที่รักในการศึกษาธรรมะ และรักในการปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนา อีกทั้งท่านก็มีศีลาจารวัฏที่งดงาม แม้เพื่อนสหธรรมิกด้วยกันเองก็ยังเลื่อมใส

 


                       วันหนึ่งท่านได้ปรารภความเพียรอย่างเต็มที่ โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพันในที่สุดก็สามารถกำจัดกิเลสอาสวะได้สิ้นเชิง ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในวันนั้นเอง ต่อมาวันหนึ่งท่านได้กล่าวธรรมภาษิตว่า เมื่อเรายังถอนลูกศรคือตัณหาไม่ได้ เราจะไม่ฉัน ไม่ดื่ม ไม่ออกจากกุฏิ ไม่จำวัดขอท่านจงดูความเพียรและความบากบั่นของเรา ผู้อยู่ด้วยความตั้งใจอย่างนั้นและเราก็รได้บรรลุวิชชา ๓ สิ้นอาสวกิเลสได้ด้วยความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยวในครั้งนั้น

 


                       ฉะนั้นชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่สุดคือชีวิตของสมณะ โภชนะอาสวะกิเลสได้แล้วเพราะเป็นชีวิตที่บริสุทธิ์บริบูรณ์อย่างเต็มที่ จุดเริ่มต้นของการเป็นพระของพระอรหันต์ ของพระมุทิตตตเถระอาจจะไม่งดงามนัก แต่ข้อวัตรปฏิบัติของท่านงดงาม การกระทำของท่านที่ทำได้อย่างสมบูรณ์ต่างหาก ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของท่านให้มาสู่จุดที่สูงสุดของชีวิต ดังนั้นจุดเริ่มต้นน่ะไม่สำคัญ สำคัญที่ปัจจุบันได้ทำชีวิตให้เต็มเปี่ยมบริบูรณ์หรือไม่ ชีวิตจะสมบูรณ์ต้องเริ่มด้วยการสร้างความดีทำทั้งทาน ศีลและเจริญสมาธิภาวนาอย่าได้ขาด และบุญที่เราทำนี้จะนำพาให้ เราไปสู่ฝั่งแห่งความสำเร็จได้บรรลุมรรคผลนิพพานกันนะจ๊ะ

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล