ธรรมะเพื่อประชาชน พร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย เพราะคำว่าบุญนี้เป็นชื่อของความสุข ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เราย่อมรู้ชัดผลแห่งบุญอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ที่เราเสวยแล้วตลอดกาลนาน

ชาดก : ธรรมะเพื่อประชาชน Dhamma for peopleรวมนิทานอีสปพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ธรรมะเพื่อประชาชน : พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ๑๖


ธรรมะเพื่อประชาชน : พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ๑๖

Dhamma for people
ธรรมะเพื่อประชาชน

DhammaPP179_03.jpg

พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ๑๖

 


    พระสมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน ตายนสูตร ว่า

        อกตํ ทุกฺกฏํ เสยฺโย    ปจฺฉา ตปฺปติ ทุกฺกฏํ
        กตญฺจ สุกตํ เสยฺโย    ยํ กตฺวา นานุตปฺปตีติ

        ความชั่วไม่ทำเสียเหลือประเสริฐกว่า
        ความชั่วที่ทำลงไปจะคอยเผาผลานเราในภายหลัง
        กรรมใดที่ทำแล้วไม่เดือดร้อนในภายหลัง
        กรรมนั้นเป็นความดี ทำแล้วประเสริฐกว่า

 


                        พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลาย ท่านเป็นต้นแบบในการสร้างบารมี ไม่ว่าจะเกิดมากี่ภพกี่ชาติ ก็สร้างแต่ความดีอย่างเดียว เนื่องจากในใจของท่านมีพระนิพพานเป็นเป้าหมายจึงมุ่งชำระกาย วาจา ใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ถ้าหากหลงไปทำบาปอกุศลเข้า เมื่อรู้ตัวก็จะรีบปรับปรุงแก้ไขทันที เพราะท่านเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วที่ทำเอาไว้ สักวันหนึ่งกรรมนั้นจะต้องตามาส่งผลอย่างแน่นอน ท่านจึงไม่ยอมที่จะทำบาปอกุศล แต่มุ่งสั่งสมบุญกุศลอย่างเดียว ส่วนชาวโลกทั่วไปนั้น ยังแยกแยะผิดถูกดีชั่วไม่ออก อีกทั้งจิตใจก็ยังไม่เข้มแข็งพอ จึงมักทำบุญปนบาป ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการทำความดี อาจมองว่าการทำความดีเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก จึงไม่ค่อยจะทำกัน ทั้งๆที่รู้ว่าทำแล้วจะมีความสุขเป็นผล

 


                        ส่วนบาปอกุศลทำได้ง่ายกว่า แต่ผู้รู้มองว่าผลของบาปที่ทำไว้แม้เพียงเล็กน้อย เมื่อตามมาส่งผล มันจะให้ผลมากกว่าและน่าสะพรึงกลัวทีเดียว เหมือนผู้ร้ายฆ่าคนอาจคิดว่าคงไม่เป็นไรหรอก หากถูกจับได้ก็ถูกพิพากษาคดี ติดคุกติดตารางไม่กี่ปีก็ออกมาได้เหมือนเดิม จึงไปจี้ปล้น ฆ่าชิงทรัพย์ แต่การลงโทษไม่ได้จบลงแค่นั้นนะจ๊ะ ครั้นละโลกไปกฎแห่งกรรมยังตามเล่นงานอีก เพราะต้องไปเสวยทุกข์ทรมารในนรกเป็นเวลายาวนานมาก

 


                        เพราะฉะนั้น ความชั่วแม้เพียงเล็กน้อยอย่าได้ทำเลย ควรเก็บเกี่ยวแต่บุญกุศลให้เต็มที่ จะได้มีสุขคติเป็นที่ไป ซึ่งในวันนี้เราจะมาติดตาม รับฟังเรื่องราวการละเว้นบาปอกุศล โดยผ่านการศึกษาประวัติการสร้างบารมี ของพระเตมียกุมารบรมโพธิสัตว์ ซึ่งหลวงพ่อก็ได้เล่าติดต่อกันมาหลายวันแล้วนะจ๊ะ 

 


                        ครั้งที่แล้วหลวงพ่อได้เล่าถึงว่า หลังจากที่พระนางจันทราเทวี ได้จัดพิธีราชาภิเษกแด่พระเตมียกุมารแล้ว พระนางได้พร่ำวิงวอนอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืน ด้วยพระดำรัสซ้ำๆ ว่า “ลูกรักของแม่ แม่น่ะรู้อยู่เต็มอกว่า ลูกของแม่น่ะไม่ใช่คนง่อยเปลี้ย ไม่ใช่คนใบ้ ไม่ใช่คนหูหนวก ลูกจงกล่าวอะไรบ้างเถิด อย่าปล่อยให้แม่ต้องทุกข์ใจไปมากกว่านี้เลย พ่อเตมียกุมารลูกรัก ตลอด ๑๖ ปีที่ล่วงมา แม่ไม่เป็นอันหลับนอน ร้องไห้จนดวงตาฝกช้ำ หัวใจแทบแตกสลาย ด้วยความเศร้าโศก ลูกรักของแม่แม้ใครเขาจะว่าเจ้าเป็นอย่างไรก็ตาม แต่แม่รู้อยู่เต็มอกว่า ลูกของแม่มิใช่คนง่อยเปลี้ย มิใช่คนใบ้ มิใช่คนหูหนวก ลูกจงกล่าวอะไรๆ มาบ้างเถิด อย่าปล่อยให้แม่ต้องทุกข์ใจไปมากกว่านี้เลย

 


                        ส่วนพระโพธิสัตว์ แม้จะบรรทมนิ่งอยู่บนพระแท่น แต่ก็ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ว่า ตลอด ๑๖ ปีที่ผ่านมานั้น พระองค์ทรงรู้สึกแอย่างไร ในทุกถ้อยคำที่พระราชมารดาตรัสอ้อนวอน แท้ที่จริงแล้วพระองค์ทรงรับรู้ในทุกสัมผัส รู้ถึงความทุกข์โศกของพระมารดาดีทุกอย่าง นานวันเข้าก็ยิ่งทั้งรักและสงสารพระมารดา อยู่เต็มตื้นในพระหฤทัย เพราะทรงสำนึกในพระคุณของพระมารดา เกินกว่าที่จะประมาณได้  อีกใจหนึ่งก็ทรงอยากพูดจาปลอบโยนพระมารดาให้หายเศร้าโศก อยากสนทนาปราสัย เหมือนที่บุตรและมารดาทั่วไปพึงกระทำต่อกัน

 

 

                        หากแต่ทว่าพระโพธิสัตว์ ทรงมีพระทัยมั่นคงอยู่ในมโนปณิธาน ที่ได้ตั้งสัตยาธิษฐานไว้แต่เดิม ได้บรรทมนิ่งนึกถึงความปรารถนา ที่จะทรงผนวชบำเพ็ญเนกขัมมบารมี เพื่อบ่มพุทธบารมีให้แก่กล้ายิ่งๆ ขึ้นไป จึงอดทนไม่ยอมตรัสวาจาใดๆ กับพระมารดา แม้จะรักและห่วงใยพระองค์เพียงใดก็ตาม เมื่อไม่อาจจะกระทำตามคำของพระมารดาได้ จึงได้แต่บรรทมนิ่ง นึกถึงเป้าหมายในการเสด็จออกผนวช ที่จะสำเร็จในวันรุ่งขึ้น ระงับความโศกเศร้าในพระทัย อันเกิดจากความสงสารพระมารดานั้นเสีย ทรงนึกขออภัยโทษต่อพระมารดาว่า “ได้โปรดอภัยให้ลูกด้วยเถิด ที่ลูกต้องแกล้งทำเป็นไม่รับรู้สิ่งใด ยอมทนทุกข์กายทุกข์ใจเช่นนี้ ก็เพื่อรอคอยวันที่เขาจะนำลูก ออกไปจากพระราชวัง โปรดอย่าให้ลูกต้องมีบาปกรรมในเรื่องนี้เลย”  และก็ทรงนึกถึงความสำเร็จที่ใกล้เข้ามาในทุกขณะว่า วันพรุ่งนี้ความพยายามที่เราทำมาถึง ๑๖ ปีก็จะถึงที่สุดแล้ว เมื่อทรงนึกอย่างนี้พระทัยก็แช่มชื่นขึ้นมา

 


                        ฝ่ายพระเจ้ากาสิกราชนั้นครั้นถึงวันที่ ๖ จวนจะครบกำหนด ก็ทรงมีรับสั่งให้นายสารถีนามว่า สุนันท์มาเข้าเฝ้าป็นการส่วนพระองค์ แล้วทรงมีพระดำรัสว่า “เราจักมอบหมายภาระสำคัญให้เจ้าสักอย่างหนึ่งเจ้าจะว่าอย่างไร”

 


                        สุนันทสารถีทราบว่า พระราชาทรงไว้วางใจตน ก็มีความปลื้มปีติใจยิ่งนัก พลางกราบทูลพระองค์ว่า “ขอเดชะ หากเหนือหัวของข้าพระบาททรงปรารถนาสิ่งใด ข้าพระบาทจักอาสาถวายชีวิตเพื่อพระองค์ พระเจ้าข้า”

 


                        “ดีมาก เจ้าจงกลับไปเตรียมรถเทียมม้าอัปมงคลคู่หนึ่ง รอจนกระทั่งรุ่งเช้า แล้วจงมารับเตมิยกุมารบนปราสาท จัดให้บรรทมบนรถของเจ้า แล้วรีบนำลูกของเราออกไปทางประตูทางด้านทิศตะวันตก  จงประกาศขึ้นดังๆ ไปตลอดหนทางว่า “ตัวกาลกิณี” เมื่อไปถึงป่าช้าผีดิบแล้วก็จงเร่งขุดหลุม แล้วฝังพระกุมารในที่นั้นเสีย”

 


                        ฝ่ายสุนันทสารถี ครั้นได้ฟังพระดำรัสนั้นแล้ว ใบหน้าก็พลันแห้งเผือดลงในทันที สีหน้ากลับหม่นหมอง แฝงไว้ด้วยความไม่สบายใจ เพราะนึกไม่ถึงว่าตนจะต้องมาทำหน้าที่เพชฌฆาต หยิบยื่นความตายให้กับพระราชกุมาร ผู้ซึ่งไม่เคยทำความเดือดร้อนให้แก่ใครเลย แต่ด้วยความจงรักภักดีต่อเจ้าเหนือหัวของตน จึงรีบตั้งสติแล้วน้อมรับพระบรมราชโองการทันที

 

 
                        ก่อนที่นายสุนันทสารถีจะถวายบังคมลา พระเจ้ากาสิกราชก็หันมากำชับว่า “เมื่อเจ้าขุดหลุมเสร็จแล้ว ก็ให้อุ้มลูกของเราใส่ลงในหลุมนั้น แล้วอย่าลืมเอาสันจอบทุบศีรษะให้ตายเสียก่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องทรมานจากการถูกฝังทั้งเป็น  จากนั้นเจ้าจงไปอาบน้ำชำระร่างกาย เปลี่ยนชุดเสียใหม่แล้วรีบกลับมารายงานให้เราทราบอีกที”

 
   
                        สุนันทสารถีรับพระดำรัสนั้นแล้ว ก็รีบกลับมาเตรียมการทุกอย่าง ตามพระกระแสรับสั่ง แต่ในขณะที่นอนรอให้ถึงเวลารุ่งเช้า เขาก็ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้     เพราะนึกอยู่ตลอดเวลาว่าตนจะต้องปลงพระชนม์พระราชกุมาร ภายในจิตใจที่มีแต่ความร้อนรนไม่สบายใจ นอนกระสับกระส่ายพลิกไปพลิกมาจนตลอดคืนยันรุ่ง แต่ว่าเมื่อไม่อาจจะฝืนพระบรมราชโองการได้ จึงได้แต่คิดว่าตนจักกระทำตามหน้าที่เท่านั้น

 


                        ครั้นรุ่งเช้า สุนันทสารถีได้เดินเข้าไปในโรงเก็บราชรถ เพื่อเลือกหารถคันที่ตนชอบใจ ส่วนเหตุการณ์ที่นายสารถี จะนำพระโพธิสัตว์ออกไปจากพระราชวังนั้นจะเป็นอย่างไร ก็ให้ลูกๆ มาติดตามรับฟังกันต่อในวันพรุ่งนี้นะจ๊ะ สำหรับวันนี้ให้ลูกทุกคน จงหมั่นสั่งสมบุญ สิ่งใดที่เป็นบาปอกุศลพึงเว้นเสีย เพื่อจะได้ไม่เดือดร้อนใจในภายหลัง ให้ละชั่ว ทำความดี ทำใจให้ผ่องใส ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในกันให้ได้ทุกๆ คนนะจ๊ะ

 


พระธรรมเทศนา โดย : หลวงพ่อธัมมชโย (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 

 

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล