ธรรมะเพื่อประชาชน พร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย เพราะคำว่าบุญนี้เป็นชื่อของความสุข ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เราย่อมรู้ชัดผลแห่งบุญอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ที่เราเสวยแล้วตลอดกาลนาน

ชาดก : ธรรมะเพื่อประชาชน Dhamma for peopleรวมนิทานอีสปพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ธรรมะเพื่อประชาชน : ภูเขาทอง ๒ (ชฎิลเศรษฐี)


ธรรมะเพื่อประชาชน : ภูเขาทอง ๒ (ชฎิลเศรษฐี)

Dhamma for people
ธรรมะเพื่อประชาชน


DhammaPP197_2_01.jpg

 

ภูเขาทอง ๒

(ชฎิลเศรษฐี)

                        ทุกชีวิตต่างเคยผ่านการเกิดมาแล้วหลายภพหลายชาติ ทั้งมีชีวิตในระดับสูง ระดับกลางและระดับล่าง ไม่ว่าจะเป็นยาจกเข็นใจไปจนถึงพระเจ้าจักรพรรดิ ชีวิตมีการขึ้นและลงไปตามอำนาจแห่งบุญและบาปที่ได้ก่อขึ้นในภพชาติทั้งนั้น ถ้าทำบุญไว้มากก็จะได้รับผลที่ดีเสวยสุขในสุคติภูมิ ชีวิตก็จะประสบแต่สิ่งที่ดีงาม ถ้าทำบาปกุศลให้มากก็ต้องไปเสวยวิบากกรรมในอบายภูมิ ไม่มีผู้ใดหลีกหนีกฎแห่งกรรมไปได้

 

                        ดังนั้นเมื่อเราเกิดมาแล้วต้องสร้างบารมีอย่างเต็มที่เต็มกำลัง เพื่อเพิ่มพูนความบริสุทธิ์บริบูรณ์ให้แก่ตนเอง วิธีที่จะทำความบริสุทธิ์ได้ดีที่สุดคือ ต้องหมั่นปฏิบัติธรรมอย่าให้ขาดแม้แต่เพียงวันเดียว ทำใจหยุดใจนิ่งเรื่อยไปแล้วชีวิตของเราก็จะสมหวัง เปี่ยมไปด้วยความสุขและความบริสุทธิ์บริบูรณ์ที่แท้จริง 

 

 

                        มีธรรมะภาษิตที่ปรากฏในมงคลชีวิตความว่า

ผู้ที่ไม่ได้สั่งสมควรความดีมาก่อน เมื่อประกอบกิจใดๆ ถึงขยันขันแข็งสักปานใด ผลแห่งความดีกว่าจะปรากฎเต็มที่ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก ส่วนผู้ที่สั่งสมคุณความดีมาก่อน เมื่อทำความดีผลดีก็ปรากฏทันที ส่งผลให้ชีวิตมีความเจริญก้าวหน้า เหนือกว่าบุคคลทั้งหลาย 

 

 

                        เมื่อครั้งที่แล้วหลวงพ่อได้เล่าเรื่องภูเขาทองผุดขึ้นที่หลังบ้าน ของท่านชฎิลเศรษฐี นำความอัศจรรย์มาสู่เจ้าตัวและชาวพระนครเป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่ในชาตินี้ท่านชฎิลก็ไม่เคยทำบุญและไม่เคยคิดว่าจะได้ภูเขาทอง จนพระราชาต้องแต่งตั้งให้เป็นเศรษฐีประจำเมืองอีกคนหนึ่ง ที่เป็นเช่นนี้เพราะบุญในอดีตที่ท่านเคยทำเอาไว้ดีแล้ว ตามมาส่งผลนั่นเอง เกิดมาชาตินี้จึงมารวย ไม่ต้องเสียเวลาทำมาหากินอีกต่อไป บุญใหญ่ที่ส่งผลให้ท่านได้เป็นเจ้าของภูเขาทอง ซึ่งเป็นสมบัติอัศจรรย์คืออะไรนั้น เรามาติดตามรับฟังกันเลยนะจ๊ะ

 

 

                        ในครั้งเมื่อพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ชาวพุทธได้พร้อมใจกันเป็นสมานฉันท์ สร้างมหาเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์ เพื่อให้มนุษย์และเทวาทั้งหลายได้มาสักการะบูชา มหาชนต่างก็ได้ทุ่มเท ทั้งกำลังกายกำลังใจกำลังทรัพย์และกำลังสติปัญญา ถึงกระนั้นพระเจดีย์ก็ยังไม่เสร็จ เนื่องจากหน้ามุขทางด้านทิศเหนือของพระเจดีย์ ยังไม่ได้ก่อ เพราะว่ายังขาดทองคำอยู่เป็นจำนวนมาก 

 

 


                        ครั้งนั้นมีพระอรหันต์องค์หนึ่งเห็นหน้ามุขที่ยังสร้างไม่เสร็จจึงถามสาเหตุกับนายช่าง ครั้นทราบแล้วก็ดำริว่า บุญที่เกิดจากการสร้างพระเจดีย์นี้เป็นบุญใหญ่มีอานิสงส์มาก จะส่งผลให้ผู้สร้างได้สวรรค์สมบัติและนิพพานสมบัติ ท่านยังบอกนายช่างว่า อาตมาจะไปบอกบุญกับญาติโยม พวกท่านจงตระเตรียมการก่อสร้างต่อไปเถิด

 

 

                        ว่าแล้วก็เดินเข้าไปบ้านโยมอุปัฏฐาก เล่าเรื่องหน้ามุขด้านทิศเหนือของพระเจดีย์ที่ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ เพราะยังขาดทองอยู่เป็นจำนวนมาก โยมอุปัฏฐากที่มีทองก็บริจาคทอง ที่มีเงินก็ถวายเงินไปแลกซื้อทองอีกทีหนึ่ง พระเถระบอกบุญไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ไปถึงบ้านของนายช่างทอง ท่านได้เข้าไปบอกข่าวบุญนี้ให้ทราบ แต่เนื่องจากขณะนั้นช่างทอนกำลังทะเลาะกับภรรยา จึงระบายโทษะกับพระเถระโดยไม่ยั้งคิดว่า “ท่านจงโยนพระศาสดาของท่านลงน้ำไปเถอะอย่ามาวุ่นวายแถวนี้เลย”  

 

 


                        แต่ภรรยาแม้จะหงุดหงิดขัดเคืองใจไม่น้อย กว่าผู้เป็นสามี ก็เป็นคนรู้จักบาปบุญคุณโทษ พอได้ฟังสามีพูดอย่างนั้นก็รีบหยุดอารมณ์โกรธทันที แล้วพูดเตือนสติผู้เป็นสามีว่า “พี่ทำกรรมหนักเสียแล้ว พี่โกรธฉันก็ควรจะด่าฉันสิหรือจะทุบทิ้งฉันฉันก็ยอม แต่นี่พี่ไปพูดกระทบว่าพระพุทธเจ้าอย่างนั้นน่ะ มันบาปหนักมากนะพี่ พี่ไม่ควรไปว่าพระพุทธเจ้าผู้เป็นนาถะของโลกเลย” 

 

 

                        ช่างทองในฟังดังนั้นก็รู้สึกตัวและเกิดความสลดใจและเกรงกลัวต่อบาปกรรมที่ตัวจะได้รับ แม้รู้ว่าที่พูดออกไปนั้นเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบไม่ทันได้ยั้งคิด พอได้สติก็รีบเข้าไปขอขมาต่อพระเถระ 

 

                        แต่พระเถระกลับกล่าวว่า “ท่านไม่ได้ล่วงเกินอาตมาเลย ท่านล่วงเกินพระบรมศาสดาต่างหาก ท่านจงขอขมาต่อพระพุทธองค์เถิด” 

 

                        ช่างทองถามว่า “พระคุณเจ้าผู้เจริญ จะให้กระผมทำอย่างไร ถึงจะให้พระบรมศาสดาอดโทษให้ได้” 

 


                        พระเถระจึงแนะนำให้ช่างทอง ทำหม้อดอกไม้ทองคำ ๓ หม้อ ไปบรรจุไว้ภายในพระเจดีย์ ที่กำลังก่อสร้าง ซึ่งเป็นสถานที่ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์ แล้วจึงค่อยขอเข้ามาต่อพระบรมศาสดา ณ มหาเจดีย์ ช่างทองก็ได้ทำได้ทำตามคำแนะนำของพระเถระทุกอย่าง และได้ขอให้ลูกชายคนโตมาช่วยทำด้วย แต่ก็ได้รับการปฏิเสธว่าพ่อเป็นคนว่าพระพุทธเจ้าเองผมไม่เกี่ยว เพราะฉะนั้นพ่อก็ทำคนเดียวเถอะ แล้วก็เดินจาก ช่างทองจึงขอความช่วยเหลือจากลูกชายคนกลางต่อก็ได้รับการปฏิเสธเช่นกัน 

 

 

                        แต่เมื่อหันไปชักชวนลูกชายคนสุดท้อง ลูกชายคนสุดท้องคิดว่าไม่ว่าจะเป็นการงานอันใดของพ่อ เรื่องใหญ่น้อยภาระอันนั้นก็ต้องเป็นของผู้เป็นลูก เพราะงานของพ่อคือหน้าที่ของลูก ดังนั้นจึงช่วยพ่อทำหม้อดอกไม้ทองคำจนสำเร็จและยังช่วยนำไปบูชาพระเจดีย์ พร้อมกับพ่ออีกด้วย ด้วยผลกรรมที่ช่างทองได้ว่าร้ายต่อพระบรมศาสดา ผู้บริสุทธิ์ยิ่งแม้ตนจะได้ขอขมาไปแล้วก็ตาม แต่วิบากกรรมยังส่งให้ช่างทองถูกลอยน้ำถึง ๗ ชาติและด้วยบุญจากการที่ได้ร่วมกันสร้างพระเจดีย์ถวายเป็นพุทธบูชา ก็ได้มาโอบอุ้มคุ้มครองช่วยให้รอดพ้นจากความยากลำบากและภยันตรายได้ทุกครั้ง 

 

 

                        เราจะเห็นว่าบุญส่วนบุญ บาปส่วนบาปนะจ๊ะ บาปที่เราเคยทำไว้มันก็พลอยจะมาขัดขวางเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตของเรา แต่บุญก็จะคอยช่วยเหลือ เปลี่ยนจากวิกฤตมาเป็นโอกาส ให้เราได้ประสบความสุขและความสำเร็จเรื่อยไป แม้ในภพชาติสุดท้าย ท่านก็ถูกลอยน้ำแต่บุญก็ได้มาโอบอุ้มเอาไว้ ทำให้ท่านรอดจากการจมน้ำตาย มีผู้พบเห็นและนำไปเลี้ยงดูเป็นอย่างดีเหมือนลูกแท้ๆ 

 

 

                        เมื่อถึงคราวแต่งงานจะแยกครอบครัวบุญจากการทำหม้อดอกไม้ทองคำ ๓ หม้อไปบรรจุไว้ในพระเจดีย์ก็ส่งผลเต็มที่ ทำให้เกิดมีภูเขาทองผุดขึ้นหลังบ้าน จะขุดไปเท่าไรก็ไม่มีพร่อง ทำให้ท่านได้รับพระราชทานฉัตรเศรษฐี เป็นมหาเศรษฐีประจำเมือง จากชีวิตของทารกไร้ญาติได้กลายมาเป็นมหาเศรษฐี ผู้มีสมบัติตักไม่พร่อง นี่ก็เป็นเรื่องของบุญบันดาลนะจ๊ะ 

 

 

                        ต่อมาเมื่อเศรษฐีตัดสินใจออกบวช เพราะคิดว่าสมบัติเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องอำนวยสุขที่ยั่งยืนตลอดไป จึงได้ออกบวชเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้นอย่างแท้จริง ก่อนบวชได้มอบมรดกให้ลูกชายทั้ง ๓ ได้ครอบครองสืบไป โดยยื่นจอบเพชรด้ามทองให้ลูกชายคนโต บอกให้ไปขุดตามใจชอบ ลูกชายคนโตถือจอบไปสับภูเขาทอง สับอย่างไรก็สับไม่เข้า ลองให้ลูกชายคนรองไปสับดูก็สับไม่เข้าเหมือนกัน แต่ว่าเมื่อลูกชายคนเล็กลองขุดดูบ้างก็เป็นเหมือนสับก้อนดินเหนียว เศรษฐีได้บอกลูกๆ ให้ทราบว่า ภูเขาทองนี้เกิดขึ้นเพื่อตนกับลูกชายคนเล็กเท่านั้น ไม่ใช่ของสาธารณะแก่คนทั่วไป เพราะฉะนั้นหากลูกคนโตและคนรองต้องการทองคำ ก็จงขอเอาจากน้องคนเล็ก จากนั้นก็ได้อำลาลูกๆ ทุกคนออกบวช ท่านใช้เวลาบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ไม่นาน ด้วยบุญเก่าที่สั่งสมเอาไว้ดีแล้ว ในสุดก็ได้บรรลุพระอรหัตตผล

 

 


                        เห็นไหมจ๊ะว่าการที่ใครสักคนจะประสบความสำเร็จในชีวิต ล้วนมีบุญเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น แต่ที่สุดของบุญที่ได้สั่งสมเอาไว้นั้น ไม่ใช่เพื่อให้ได้ทรัพย์สมบัติเพียงอย่างเดียว หรือให้ได้มนุษย์สมบัติและสวรรค์สมบัติเท่านั้น แต่มุ่งให้ได้นิพพานสมบัติคือการได้บรรลุมรรคผลนิพพานเป็นหลัก ซึ่งบุญเท่านั้นที่จะช่วยทำให้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ ได้เป็นพระอรหันต์และเลิกเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏอีกต่อไป เพราะฉะนั้นเมื่อลูกๆ ทุกคนเข้าใจกันอย่างนี้ดีแล้ว ก็ให้รีบเอาเวลาที่เหลืออยู่อย่างจำกัดนี้ มาสั่งสมบุญทุกๆ บุญ บุญจะได้อำนวยสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้ากระทั่งได้บรรลุมรรคผลนิพพานกันทุกคนนะจ๊ะ

 

 

พระธรรมเทศนา โดย : หลวงพ่อธัมมชโย  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)  

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล