ธรรมะเพื่อประชาชน พร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย เพราะคำว่าบุญนี้เป็นชื่อของความสุข ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เราย่อมรู้ชัดผลแห่งบุญอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ที่เราเสวยแล้วตลอดกาลนาน

ชาดก : ธรรมะเพื่อประชาชน Dhamma for peopleรวมนิทานอีสปพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ธรรมะเพื่อประชาชน : อย่าประมาทตามใจกิเลส 


ธรรมะเพื่อประชาชน : อย่าประมาทตามใจกิเลส 

Dhammaforpeople
ธรรมะเพื่อประชาชน

DP%2004_01.jpg

อย่าประมาทตามใจกิเลส 

                    บรรยากาศของโลกในปัจจุบันนี้ เกิดการผันผวนเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ ถึงคราวหน้าร้อนก็ร้อนเกินไป เกินกว่าที่ร่างกายจะต้านทานไหว ยามหน้าหนาวเข้ามาเยือน ก็หนาวเหน็บเข้าไปถึงกระดูก อากาศโลกที่เปลี่ยนไป เพราะขันธโลกและสัตวโลก ขันธโลกที่มีผลต่ออากาสโลกมากที่สุดก็คือมนุษย์นี่เอง มนุษย์เป็นผู้ควบคุมบรรยากาสโลก ไม่ใช่โลกเป็นผู้ควบคุมมนุษย์ โลกนี้จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หรือตกต่ำลง ก็ขึ้นอยู่ที่การกระทำของมนุษย์นี่แหละ ซึ่งถูกควบคุมโดยสัตวโลกคือจิตใจอีกทีหนึ่ง หากมนุษย์มีจิตแจ่มใสมีอารมณ์ดี มีความเมตตาปรารถนาดี มีอารมณ์เยือกเย็นเป็นปกติ อารมณ์ดีนี้ก็จะส่งผลดีๆ ต่อขันธ์ ๕ และบรรยากาศของโลก ก่อให้เกิดพลังมวลแห่งความบริสุทธิ์ แผ่ปกคลุมไปทั่วอย่างที่เราคาดคิดไม่ถึงทีเดียว เพราะฉะนั้นการควบคุมสัตวโลกหรือรักษาใจให้ผ่องใส ให้เป็นผู้ที่มีอารมณ์ดีอารมณ์สบายอารมณ์ที่เยือกเย็นจะมีผลดี ทั้งต่อตนเองและคนรอบข้าง ตลอดจนชาวโลกและสรรพสัตว์ทั้งหลาย 

 


DP%2004_02.jpg

 

                     มีพุทธพจน์บทหนึ่งที่มาในขุททกนิกายธรรมบทว่า

                     มธุวา มญฺตี พาโล ยาว ปาปํ น ปจฺจติ

                     ยทา จ ปจฺจตี ปาปํ อถ ทุกฺข นิคจฺฉติ.

 

                     คนพาลย่อมสำคัญบาปประดุจน้ำผึ้ง ตลอดกาลที่บาปยังไม่ให้ผลแต่เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น 

 

                    มีหลายสิ่งหลายอย่างในโลก ที่เราสามารถหลีกเลี่ยงหนีให้ไกลห่าง จากสิ่งที่เราไม่ปรารถนาได้แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เราจะหลบหนีไม่ได้เลยนั่นก็คือกรรม กรรมที่เราเคยทำเอาไว้ทางกาย ทางวาจาและทางใจ ทั้งดีและไม่ดี เมื่อวิบากกรรมนั้นส่งผล ไม่ว่าตัวเราจะไปอยู่แห่งหนตำบลใด กรรมนั้นก็สามารถตามหาเราจนเจอ ถึงแม้ตายไปแล้วจะไปเกิดในภพภูมิอื่น ได้รูปประกายใหม่ไปเป็นเทวบุตร เทพธิดาบนสุคติโลกสวรรค์หรือพลัดไปบังเกิดในอบายภูมิ กรรมนั้นก็ยังติดตามตัวเราอยู่ สามารถเป็นพยานชี้ตัวเราได้ถูกต้องและแม่นยำไม่มีผิดพลาด เพราะกรรมที่ทำเอาไว้นั่นน่ะ ไม่ได้สูญหายไปไหนเลย จะติดแน่นอยู่ในใจของเราและสามารถให้ผลได้ทุกเมื่อ เมื่อมีโอกาส 

 

 

DP%2004_04.jpg

                    เหมือนดังตัวอย่างที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล เรื่องก็มีอยู่ว่า เมื่อพระบรมศาสดาดับขันธปรินิพพานได้ไม่นาน พระมหากัจจายนเถระพร้อมด้วยภิกษุ ๑๒ รูปได้ออกเดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ท่านได้พาหมู่คณะไปแวะพักอยู่ในราวป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากกรุงโกสัมพีนัก ท่านได้แนะนำสั่งสอนประชาชน ที่เข้ามากราบขอพรจากท่าน ท่านก็ให้ธรรมะแนะหนทางสว่างในชีวิต จะได้มีสวรรค์และนิพพานเป็นที่ไปในเบื้องหน้า 

 

 

DP%2004_06.jpg

                    สมัยนั้นอำมาตย์ท่านหนึ่งซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลกิจการงานต่างๆ ภายในพระราชวังได้เสียชีวิตลง พระเจ้อุเทนจึงรับสั่งให้เรียก อุตตรมานณพ ซึ่งเป็นลูกชายของท่านอำมาตย์มาเข้าเฝ้า ทรงสถาปนาลูกชายไว้ในตำแหน่งแทนบิดา อุตรมานพรับพระดำรัสแล้วตั้งใจบริหารงานในพระนคร อย่างสุดความสามารถไม่ขาดตกบกพร่อง จนถึงผู้มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของอำมาตย์ข้าราชบริพารทั้งน้อยใหญ่ วันหนึ่งอุตตรมาณพได้พานายช่างเข้าไปในป่า เพื่อตัดไม้มาซ่อมแซมพระนคร จนเข้าไปถึงที่อยู่ของพระมหากัจจายน เห็นพระเถระผู้ทรงบังสุกุนจีวรนั่งสมาธิอยู่ตามลำพัง จึงบังเกิดความเลื่อมใส ได้เข้าไปปฏิสันถารและฟังธรรมจากท่าน เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ฟังแล้วก็บังเกิดความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยเพิ่มมากขึ้น จึงตั้งอยู่ในสรณคมน์ และนิมนต์พระเถระพร้อมด้วยหมู่ภิกษุสงฆ์ ให้ไปฉันภัตตาหารเช้าภายในพระนคร เมื่อรู้ว่าพระเถระรับนิมนต์แล้ว ก็กราบนมัสการลากลับ ไปบอกข่าวบุญกับเพื่อนๆ ในพระนครให้มาร่วมเอาบุญใหญ่กัน

 

 

DP%2004_07.jpg

                    วันรุ่งขึ้นท่านอำมาตย์ก็ตื่นแต่เช้า ลุกขึ้นมาจัดแจงอาหารหวานคาว พร้อมทั้งให้คนในบ้านจัดแจงปูลาดอาสนะรับรองประสงค์ เมื่อพระเถระมาถึงบ้านก็นิมนต์ท่านเข้าไปในบ้าน ญาติมิตรและเพื่อนบ้านของท่านอำมาตย์ ก็มาช่วยกันถวายภัตตาหารอันประณีต แก่ภิกษุสงฆ์ด้วยความเลื่อมใส เมื่อท่านฉันเสร็จก็ได้อนุโมทนาในทานของมหาอำมาตย์ว่าเป็นผู้ฉลาดในการสั่งสมบุญ เพื่อเป็นเสบียงในการเดินทางข้ามวัฏสงสาร ท่านอำมาตย์ได้ฟังแล้วก็ปลื้มปีติในทาน จึงได้ปวารณาตัวเป็นอุปัฏฐากและได้อาราธนาให้ท่านได้มาฉันภัตตาหารที่บ้านบ่อยๆ

 

 

DP%2004_11.jpg

                    เมื่อท่านอำมาตย์ได้พบปะสนทนากับพระเถระบ่อยๆ มีโอกาสฟังธรรมอันสุขุมลุ่มลึก และได้ปฏิบัติตามควบคู่กันไปเป็นประจำไม่เคยขาด ในที่สุดก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน มีความศรัทธาไม่คลอนแคลนในพระรัตนตรัย ท่านได้บริจาคทรัพย์ของตัวเองสร้างวิหาร ถวายไว้ในพระพุทธศาสนา ทั้งชักชวนให้หมู่ญาติหันมานับถือพระพุทธศาสนา เว้นแต่มารดาของท่านเพียงคนเดียว เพราะมารดาของอุตตรอำมาตย์มีบ้านอยู่คนละหลังกับลูกชาย เป็นคนตระหนี่มาก ไม่เชื่อคำแนะนำของลูกชาย นอกจากไม่ยอมทำทานแล้ว ยังขัดขวางการให้ทานของลูกชายอีกด้วย นางได้ด่าลูกชายว่า แม่เองก็มีความปรารถนาสิ่งของเหล่านั้น แล้วทำไมลูกถึงเอาไปให้พระล่ะอะไรที่ให้แก่พวกสมณะ สิ่งนั้นจะกลายเป็นโลหิตแก่ลูกในปรโลก

 

 

DP%2004_09.jpg

                    เมื่อนางสิ้นชีวิตลง บาปกรรมนั้นทำให้ได้ไปบังเกิดเป็นเปรต มีผมดำยาวมีปลายตวัดขึ้น ในคราวที่นางลงแม่น้ำคงคาเพื่อดื่มน้ำแม่น้ำคงคาก็จะกลายเป็นเลือดไปหมด ต้องถูกความหิวกระหายครอบงำอยู่นานถึง ๕๕ ปี 

 

 

DP%2004_08.jpg

                    วันหนึ่งเปรตได้เห็นพระกังขาเรวตเถระ นั่งพักกลางวันอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา จึงเอาของตนปิดตัว ผมของนางยาวลงมาจรดถึงพื้นดิน เดินเข้าไปหาท่านเพื่อขอน้ำดื่ม ได้ขอความช่วยเหลือท่านว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญดิฉันตั้งแต่ตายจากโลกมนุษย์มา ยังไม่ได้บริโภคข้าวหรือดื่มน้ำเลย ตลอดเวลา ๕๕ ปีแล้ว ขอท่านจงให้น้ำดื่มกับดิฉันผู้หิวกระหายด้วยเถิด 

                    พระเถระรู้ว่าเป็นเปรตจึงได้ถามนางว่า แม่น้ำคงคาไหลมาจากภูเขาหิมพานต์ท่านยังตัดเอาน้ำจากแม่น้ำคงคานั้นดื่มเถิด จะมาขอน้ำดื่มกับเราทำไม นางเปรตก็อ้อนวอนว่า พระคุณเจ้าคุณเจริญทันทีที่ดิฉันตักน้ำเพื่อจะดื่ม น้ำก็กลายเป็นเลือดไปหมด เพราะฉะนั้นดิฉันจะมาขอน้ำดื่มกับท่าน พระเถระถามว่าท่านได้ทำกรรมชั่วอะไรเอาไว้ล่ะ น้ำในน้ำคงคาจึงกลายเป็นโลหิต นางเปรตก็ได้สารภาพบาปของตัวเอง ที่ได้ทำไปให้พระเถระทราบทุกอย่าง 

 

 

DP%2004_10.jpg

                    พระเถระปรารถนาจะให้นางหลุดพ้นจากทุกข์จึงถวายน้ำดื่มแก่ภิกษุสงฆ์ พอออกไปบิณฑบาตได้อาหารมา ก็ได้ถวายเป็นสังฆทานแก่ภิกษุสงฆ์จนหมด จากนั้นก็ถือผ้าบังสุกุลจากกองหยากเยื่อ ซักทำให้เป็นฟูกและหมอนอย่างดี ถวายแก่ภิกษุสงฆ์แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้เปรตตนนั้น ทำให้นางเปรตได้ทิพยสมบัติมากมาย นางได้มาแสดงทิพยสมบัติที่ตนได้แก่พระเถระ กราบขอบพระคุณในความเมตตาของท่านแล้วก็นมัสการลากลับไปเสวยทิพยสมบัติในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นี่ก็เป็นตัวอย่างของผู้ที่มีความตระหนี่เหนียวแน่น และก็ยังขัดขวางการให้ทานของคนอื่นอีกด้วย จึงต้องไปเสวยวิบากกรรมในเปรตโลก แต่เพราะอาศัยความอนุเคราะห์ของพระเถระ จึงสามารถหลุดพ้นจากอัตภาพเปรตไปได้ 

 

 

DP%2004_12.jpg

                    มนุษย์ส่วนใหญ่มักจะมองเห็นแต่ประโยชน์สุขในปัจจุบัน มองไม่เห็นผลที่จะเกิดในสัมปรายภพ จึงมีความประมาทและตระหนี่ พลั้งพลาดไปทำบาปอกุศลการเป็นประจำ มัวไปแสวงหาความสุขที่ไม่ยั่งยืน จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับการสั่งสมบุญ บาปกุศลยิ่งทำก็มีแต่จะยิ่งเดือดร้อน แม้ใครไม่รู้แต่ตัวเองก็รู้ว่าได้ทำผิดไป บาปกรรมจะเป็นมลทินฝังใจเราไปตลอดชาติ ทำให้ใจเราเศร้าหมอง เมื่อตายไปแล้วพอนึกย้อนหลังกลับมาดูภาพแห่งการกระทำที่ไม่ดี จิตใจของเราก็จะสลดหดหู่ และเป็นเรื่องแปลกว่าบาปอกุศล เมื่อนึกถึงบ่อยๆ บาปนั้นก็เพิ่มให้ความเดือดร้อนใจยิ่งขึ้น เหมือนเอามือสกปรกมาเกาแผล ยิ่งเกาก็ยิ่งคัน แผลแทนที่จะหายกลับลุกลามขึ้นไปเรื่อยๆ เราก็เจ็บปวดทรมานมากขึ้น เพราะฉะนั้นอย่าได้ประมาทตามใจตัวเอง ตามใจกิเลสในตัวจนเคย แล้วก็อย่าพลาดพลั้งไปทำบาป อกุศลกันนะจ๊ะ อย่าให้กิเลสมามีอิทธิพลเหนือจิตใจของเราอย่างเด็ดขาด ให้เอาชนะใจตัวเองให้ได้ แล้วเราก็จะได้เป็นผู้มีชัยชนะ ไปตลอดทุกภพทุกชาติและหมั่นชำระใจให้บริสุทธิ์ ด้วยการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งทุกๆ วัน ฝึกฝนกันเรื่อยไป จนกว่าเราจะได้เข้าถึงพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกภายในกันทุกคนนะจ๊ะ

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล