เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอวดอุตริมนุสธรรมหรือไม่ กรณีสตีฟ จอบส์

วันที่ 02 กย. พ.ศ.2559

เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอวดอุตริมนุสธรรมหรือไม่
ในกรณีที่บอกว่า สตีฟ จอบส์ หรือคนนั้นคนนี้ตายแล้วไปอยู่ที่ไหน?
ชาติที่แล้วเป็นอะไร? หรือไปทำกรรมอะไรมา?

    ประเด็นเรื่องชีวิตหลังความตาย เรื่องการระลึกชาติ เรื่องตายแล้วไปไหน อันที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่ไม่เหลือวิสัยของเหล่าผู้มีรู้มีญาณที่ทรงอภิญญา หรือผู้ที่บรรลุวิชชา ๓ ที่สามารถกำหนดรู้ในการจุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลายอันเป็นไปตามกรรมด้วยการใช้ “จุตูปปาตญาณ”

     อีกทั้งจากประวัติและเรื่องราวที่มีบันทึกไว้ของพระสายกรรมฐาน พระวิปัสสนาจารย์ หรือบรรดาพระเกจิผู้มีรู้มีญาณชื่อดังในยุคปัจจุบันหลาย ๆ รูป ท่านก็สามารถระลึกชาติได้ และล่วงรู้การไปเกิดมาเกิดของสัตว์ทั้งหลายได้ เช่น หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่บุดดา ถาวโร ฯลฯ

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
 

หลวงปู่บุดดา ถาวโร

    โดยเฉพาะหลักฐานในพระไตรปิฎกก็ระบุไว้ชัดหลายแห่ง เช่น นางวิสาขาละสังขารจากโลกมนุษย์แล้วไปเกิดเป็นมเหสีของผู้ปกครองสวรรค์ชั้นนิมมานรดี (พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ เล่มที่ ๒๖ ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถระ-เถรีคาถา) หรือ โตเทยยพราหมณ์ที่ตายแล้วไปเกิดเป็นสุนัขอยู่ในบ้านตนเอง (พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ เล่มที่ ๑๓ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์)

   เพียงแต่ว่าเรื่องเหล่านี้อาจเป็นเรื่องเหลือวิสัยของปุถุชนคนธรรมดาทั่วไปที่จะตรองตามด้วยการฟังและการอ่านให้เข้าใจได้  เพราะสิ่งเหล่านี้จะต้องอาศัยการลงมือปฏิบัติเท่านั้นจึงจะรู้แจ้งเห็นจริงได้ด้วยตนเอง  โดยนั่งสมาธิจริงจังอย่างถูกวิธี  จนสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวเหล่านี้เหมือนอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราค่ะ


ทีนี้มาเข้าสู่ประเด็นเรื่องเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอวดอุตริมนุสธรรมหรือไม่?

   หากผู้อ่านเกลียดวัดพระธรรมกายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มาอ่านจั่วหัวเรื่องนี้ก็คงมีคำตอบในใจอยู่แล้วว่า “เจ้าอาวาสวัดนี้อวดอุตริฯ จริง” ซึ่งไหน ๆ ก็คิดว่าจริงแล้ว ก็อยากให้อ่านต่ออีกสักนิด โดยผู้เขียนก็ไม่ได้หวังจะให้ผู้อ่านเปลี่ยนใจอะไรหรอก แต่อยากให้ผู้อ่านมีข้อมูลอีกด้านว่า เจ้าอาวาสท่านอวดอุตริฯ จริง ๆ หรือเป็นเพราะเราหลงเชื่อตาม ๆ กันมา โดยที่ไม่ได้ศึกษาอะไรจริงจังกันแน่ !!

   แล้วอีกอย่างก่อนจะกล่าวหาหรือหลงเชื่อใครนั้น ปกติของผู้มีปัญญาเขาจะทำความเข้าใจศึกษาข้อมูลในสิ่งนั้นอย่างถ่องแท้เสียก่อนแล้วจึงค่อยเชื่อ

   ดังนั้น ก่อนจะกล่าวหาว่า เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอวดอุตริฯ หรือแต่งเรื่องมั่ว ๆ มาหลอกคน ก็อยากจะถามผู้อ่านว่าเข้าใจคำว่า “อวดอุตริมนุสธรรม” มากแค่ไหน?  คำนี้หมายถึงอะไร?  มีความหมายครอบคลุมแค่ไหนกัน

     คำว่า “อวดอุตริมนุสธรรม” ก็คือ การกระทำของพระที่อวดอ้างคุณความดีหรือคุณวิเศษของตน ถ้าตัวท่านมีคุณวิเศษอย่างนั้นจริง ๆ ก็ถือเป็นอาบัติเบาที่เรียกว่า  “อาบัติปาจิตตีย์”  แต่ถ้าท่านไม่มีคุณวิเศษอย่างนั้นจริง ๆ ก็เป็นอาบัติหนักถึงขั้น “ปาราชิก” เปรียบเหมือนคนเอาทรัพย์สมบัติมาอวดว่าตัวเองมั่งมี ถ้าเป็นของตัวเองจริง พอคนอื่นเห็นเขาก็อาจหมั่นไส้  แต่ถ้าสมบัติที่เอามาโอ้อวดนั้นไม่ใช่ของตัวเอง อันนี้แหละเป็นเรื่องใหญ่เพราะอาจไปขโมยหรือปล้นเขามา ซึ่งอย่างนี้ตำรวจก็ต้องมาจับ

    แต่ถ้าพระภิกษุผู้นั้นมีคุณวิเศษจริง ๆ และใช้คุณวิเศษนั้น เช่น ใช้ความทรงอภิญญามาเทศน์สอน เพื่อประโยชน์แห่งการพ้นทุกข์ของญาติโยม โดยมิได้มีเจตนาเพื่อโอ้อวดตนเลย  ก็ไม่ถือว่าอวดอุตริฯ

     แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเองก็ทรงแสดงธรรมโดยการระลึกชาติแล้วทรงเมตตานำมาสอน อีกทั้งยังตรัสว่าคนนั้นคนนี้ตายแล้วไปไหน อดีตชาติทำกรรมอะไรมา จะต้องแก้ไขปรับปรุงตัวกันอย่างไร

    หรือกรณีของพระโมคคัลลานะที่เหาะไปดูวิมานบนสวรรค์ แล้วเอามากราบทูลถามพระพุทธเจ้า ก็ไม่ถือว่าอวดอุตริฯ แต่อย่างใด

     หรืออย่างในยุคใกล้ ๆ นี้ เช่น หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ที่ท่านใช้ความรู้ที่ได้จากการทำสมาธิขั้นสูง มาอธิบายนรกสวรรค์และช่วยให้มนุษย์หายจากโรคภัยไข้เจ็บ หรือเอาบุญไปช่วยมนุษย์ที่ตายไปแล้ว ก็ไม่ถือเป็นการอวดอุตริฯ เช่นกันค่ะ

    มาถึงกรณีของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย  หากคุณลองปลอมตัวเข้ามาเป็นสาวกวัดนี้คุณจะพบว่า ท่านไม่เคยพูดโอ้อวดตัวถึงความทรงอภิญญาใด ๆ ของท่านเลย แถมเวลาจะเทศน์สอนยังพูดทุกครั้งว่า  “หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาวหนึ่งที แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรา ให้พอเป็นความรู้ติดแข้งติดขา ถ้าจะไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร”

    แถมยังไม่เคยมีสักครั้งที่ท่านจะกล่าวอวดอ้างว่า ท่านนั่งสมาธิไปดูด้วยตนเอง หรือใช้ญาณทัสนะของท่านไประลึกชาติ เพื่อดูเรื่องราวในอดีตหรือดูการไปเกิดมาเกิดของใคร  เพราะฉะนั้นการเล่าเรื่องในลักษณะนี้จึงไม่ใช่การอวดอุตริมนุสธรรม แต่ท่านมีจุดประสงค์มุ่งเน้นสอนคนให้รู้และเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม

    จากพฤติกรรมของท่านจะเห็นว่านอกจากไม่อวดอุตริฯ แล้ว ต้องบอกว่าท่านถ่อมตัวด้วยซ้ำ เพราะลองคิดดูเถิด หากคนคนหนึ่ง ตั้งแต่อายุ ๑๙ ปี ก็นั่งสมาธิทั้งวี่ทั้งวันกับแม่ชีผู้สำเร็จวิชชา (คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง) ที่เป็นศิษย์เอกของหลวงปู่วัดปากน้ำมาโดยตลอด

     ตรงจุดนี้ อยากให้ทำใจเป็นกลาง ๆ แล้วลองคิดดูเถิดว่า ท่านนั่งสมาธิเยอะขนาดนี้ จะไม่บรรลุธรรมอะไรบ้างเลยหรือ? และที่มากไปกว่านั้นท่านยังอ่านพระไตรปิฎกจนหมด สวดพระปาฏิโมกข์ได้ทั้งแบบปกติและสวดย้อนกลับได้อย่างคล่องแคล่วโดยไม่ดูหนังสือเลย พระที่มีความตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมมาเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานอย่างนี้จะไม่มีคุณวิเศษอันใดบ้างเลยหรือ?

    แต่เอาเถิด การที่เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนำเรื่องราวชีวิตหลังความตายของสตีฟ จอบส์ มาเล่า ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้ก็สุดแล้วแต่ความคิดของแต่ละคน เราคงไม่สามารถไปห้ามความคิดของใครได้  เพราะตราบใดที่เรายังไม่เคยคิดที่จะพิสูจน์จริง ๆ ด้วยการลงมือปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิให้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตัวเอง ก็คงยากที่จะเข้าใจ ทำให้ต้องมานั่งเถียงกันอยู่ร่ำไป

     ดังนั้น หากใครอยากรู้ว่า สตีฟ จอบส์ ตายแล้วไปไหน  ก็ควรจะพิสูจน์สิ่งนี้ด้วยตัวเองดีกว่า คือ ลองนั่งสมาธิจนได้อภิญญาญาณแล้วก็ไปดูสิว่า..จะเหมือนกับที่เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายท่านเล่าไหม แล้วค่อยมาคุยกันต่อดีกว่านะ


การที่เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนำเรื่องราวของสตีฟ จอบส์ มาเล่าเพราะต้องการโหนกระแสให้ตัวเองดังหรือเปล่า  และคิดอย่างไรถึงเอาเรื่องสตีฟ จอบส์ มาเล่าจนเป็นประเด็นขนาดนี้?

    จากคำถามนี้ อยากเรียนถามกลับว่า ณ เวลานี้มีใครไม่รู้จักเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายบ้าง แม้ท่านไม่พูดเรื่องสตีฟ จอบส์ ปัจจุบันท่านก็ดังพออยู่แล้ว ดังในระดับที่คนค่อนโลกในหลายประเทศรู้จักวัดพระธรรมกาย และรู้จักท่านในนามของผู้นำการปฏิบัติสมาธิเพื่อสันติภาพโลก จนได้รับรางวัลจาก ๔๐ ประเทศ ๙๗ รางวัลกันเลยทีเดียว

    จากผลงานของท่านตรงนี้ จะเห็นว่าท่านสามารถดังได้ด้วยตัวเอง โดยไม่เห็นต้องโหนกระเเสสตีฟ จอบส์ เพื่อให้ดังเลย ดังนั้น..ประเด็นโหนกระแสนี้ ถือว่าตกไปนะ!


ต่อไป มาถึงประเด็นที่ว่า ทำไมเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายถึงเอาเรื่องนี้มาเล่าล่ะ?

    เดิมทีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายก็ไม่เคยมีความคิดที่จะเล่าเรื่องราวชีวิตในปรโลกของสตีฟ จอบส์ แต่ด้วยความที่มีบุคคลท่านหนึ่ง (ไม่ขอเอ่ยนาม แต่เรามีเอกสารยืนยันตัวตนของบุคคลท่านนี้) ซึ่งเป็นวิศวกรอาวุโสของบริษัท Apple ที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับสตีฟ จอบส์ ส่งจดหมายและดั้นด้นเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาถามเรื่องราวเกี่ยวกับสตีฟ  จอบส์ กับหลวงพ่อด้วยตัวเอง

  เมื่อหลวงพ่อเห็นความตั้งใจของบุคคลท่านนี้ กอปรกับตัวท่านมองเห็นประโยชน์ว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นแรงบันดาลใจในการศึกษาเรียนรู้เรื่องกฎแห่งกรรมให้ใครอีกหลายคน  ท่านก็เลยตัดสินใจนำเรื่องราวในปรโลกของสตีฟ จอบส์ มาเล่าออกอากาศทางช่อง DMC ก็เท่านั้นเอง...

      อันที่จริง หากสมมุติว่าเราเป็นแฟนพันธุ์แท้หรือมีสตีฟ  จอบส์ เป็นไอดอล ก็ถือเป็นเรื่องปกติของแฟนคลับนะ ที่จะอยากรู้ว่าสตีฟ  จอบส์ ทำบุญทำกรรมอะไรมาถึงได้ดัง มีชื่อเสียง และประสบความสำเร็จถึงขนาดนี้  แถมยังอยากรู้ต่อไปอีกว่า คนที่ประสบความสำเร็จขนาดนี้ตายแล้วไปอยู่ที่ไหน เพื่อจะได้ทำตามสิ่งดี ๆ  ที่ สตีฟ  จอบส์ ทำเอาไว้บ้าง และอะไรที่ไม่ดีก็จะได้ไม่ทำตาม ซึ่งในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเองคิดว่า ถ้าหากเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวเหล่านี้ได้จริง ๆ แล้วเอามาบอกเล่า  ก็เป็นประโยชน์ดี  ไม่เห็นจะเป็นโทษตรงไหนเลยกับการที่เราจะเอาเรื่องของสตีฟ  จอบส์ มาเป็นแรงบันดาลใจให้เราสร้างเหตุแห่งการประสบความสำเร็จแก่ชีวิตของเราบ้าง

 


Cr. วารสารอยู่ในบุญ สำนักสื่อธรรมะ
http://dhamma-media.blogspot.com/

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.038648235797882 Mins