5 ห้องชีวิต เนรมิตนิสัย
การ์ตูน เรื่อง พ่อมดน้อย ป่วนห้องเรียน
“กันต์ เมื่อไหร่เธอจะปรับปรุงตัวสักที นี่เธอมาสายเป็นครั้งที่ยี่สิบของเดือนนี้แล้วนะ”
“แต๋ม” แม่มดน้อยผู้เป็นหัวหน้าห้องกระซิบถาม ขณะที่ “กันต์” พ่อมดน้อยแอบย่องเข้ามาในห้องเรียนตอนที่คุณครูเผลอ และม้วนเสื้อคลุมยัดใส่เข้าไปในลิ้นชักซึ่งในนั้นมีไม้กายสิทธิ์หนังสือการ์ตูนที่แอบอ่านตอนเรียน เศษกระดาษที่เขียนเล่น ถุงขนมที่กินแล้วอีกมากมาย และถ้าพวกมันพูดได้คงตะโกนออกมาว่า… “ข้างในเต็มแล้ว!”
“ชู่ว… เบาๆ สิ เดี๋ยวคุณครูรู้หรอกว่าฉันมาสาย ก็ฉันจำไม่ได้นี่ ว่าวิชาแรกต้องเรียนกับคุณครูมนตราน่ะ ฉันก็เลยไปรอผิดห้อง พอนึกออกก็รีบมาเลย เธออย่าบ่นได้ไหมยัยจอมจุ้น”
“แล้วทำไมเธอไม่จัดตารางเรียนล่ะ จะได้ไม่จำผิดอีก” แต๋มเริ่มเสียงดังขึ้น
“เธอนี่วุ่นวายกับฉันจริงๆ เลย” กันต์ว่ากลับ ในขณะที่เริ่มนั่งเก้าอี้สองขาโย้ตัวไปด้านหลัง
“ นั่งหลังตรง ๆ สิคะ ” คุณครูมนตราเข้ามาหยุดยืนใกล้ ๆ ยิ้มหวานผ่านใบหน้าแสนสวย ทว่า… นั่นล่ะคือสัญญาณเตือน ให้ทั้งคู่รู้ตัวถึงผลของการคุยกันขณะที่คุณครูสอน
สรุปคือเย็นวันนั้น ทั้งกันต์และแต๋มต่างก็ถูกทำโทษ ด้วยการทำความสะอาดไม้กวาดของเพื่อนๆ ทั้งห้อง โดยห้ามใช้เวทมนตร์
เช้าวันต่อมา เมื่อเสียงออดสัญญาณเริ่มคาบเรียนดังขึ้นคุณครูมนตราขี่ไม้กวาดเข้ามาทางหน้าต่าง พร้อมทั้งกวัดแกว่งไม้กายสิทธิ์ในอากาศเป็นข้อความว่า…ควบคุมไม้กวาดได้ทันใจ
“วันนี้เราจะเรียนเรื่องนี้กันนะจ๊ะ เอ้า ตามครูออกมาเลย” ว่าแล้วคุณครูมนตราก็ขี่ไม้กวาดนำหน้า จากนั้นเด็กๆ จึงพากันหยิบไม้กวาดของตนเองขี่ตามออกไป ยกเว้นกันต์…ที่ตอนนี้เขายังหาไม้กวาดของตัวเองไม่เจอเลย
คุณครูมนตราและเด็กๆ นั่งบนไม้กวาดคู่กาย รวมกลุ่มกันอยู่บนท้องฟ้าเหนือสนามหญ้าของโรงเรียน
“นอกจาก ‘คาถาสั่งไม้กวาด’ ที่ทำให้เด็กๆ สามารถเหาะเหินไปในเส้นทางง่าย ๆ ได้แล้ว วันนี้เราจะมาเรียนสิ่งที่ยากขึ้นคือ ‘คาถาควบคุมไม้กวาดได้ทันใจ’ ซึ่งเอาไว้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น มีต้นไม้ใหญ่ขวางหน้า หรือหุบเขาแคบๆ” คุณครูอธิบายพร้อมทั้งให้เด็กๆ หลับตาทำสมาธิ
“คาถานี้จะต้องใช้สมาธิสูง เพราะถ้าตื่นเต้นตกใจ เด็กๆก็จะควบคุมไม้กวาดไม่ได้เลย”ทันใดนั้นก็มีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น “รอด้วยครับ! รอด้วยครับ!”
กันต์ขี่ไม้กวาดมาด้วยความเร็วสูงและพุ่งชนจนเพื่อนๆ ลอยคว้างกันไปคนละทาง
“เบาหวิวเหมือนขนนก” คุณครูมนตราจึงรีบร่ายมนตร์ให้เด็กๆ ที่ตกจากไม้กวาดค่อยๆลอยลงสู่สนามหญ้าเบื้องล่างช้าๆ ดั่งขนนก
“นี่คือตัวอย่างของการควบคุมไม้กวาดไม่ได้ เพราะรีบร้อนจนขาดสมาธิ” คุณครูมนตราบอกขณะที่ทุกคนลงมาอยู่บนพื้นสนามหญ้าแล้ว
“ผมเพิ่งหาไม้กวาดเจอ ก็เลยรีบเหาะมา ไม่ทันระวังครับ” กันต์บอกครูด้วยเสียงอ่อยๆ
“เอาล่ะ เธอเข้าเรียนสายอีกตามเคย แถมยังเก็บของไม่เป็นระเบียบอีก งั้นครูจะให้เธอขนไม้กวาดของเพื่อนๆ รวมถึงของตัวเองกลับห้อง ไปจัดเก็บให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แล้วเย็นนี้ก็เก็บกวาดห้องเรียนก่อนกลับบ้านด้วยนะคะ”
“ครับ” กันต์รับคำ
“เบื่อ เบื่อ เบื่อ ถูกทำโทษทุกวันเลย เฮ้อ…” กันต์บ่น ขณะที่กำลังเก็บไม้กวาดเข้าที่
“ฮึ งั้นหนีกลับบ้านตอนนี้เลยดีกว่า” ว่าแล้วกันต์ก็รีบหยิบไม้กวาดของตนเองขึ้นมา ปล่อยให้ไม้กวาดของเพื่อนๆ วางระเกะระกะอยู่บนพื้น
จากนั้นจึงรีบไปที่โต๊ะ แล้วดึงเสื้อคลุมในลิ้นชักจนหนังสือการ์ตูน เศษกระดาษ ถุงขนม และไม้กายสิทธิ์ร่วงหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้น
“ทำอะไรของเธอน่ะ” แต๋มร้องเสียงดังขณะที่เข้ามาเห็น
กันต์ตกใจรีบหยิบไม้กายสิทธิ์ แล้วขี่ไม้กวาดเหาะออกไปทางหน้าต่างอย่างรวดเร็ว
“ยัยแม่มดจอมจุ้น เดี๋ยวก็คงฟ้องคุณครูอีกว่าเราหนีเรียน ฮึ”
กันต์ทั้งหงุดหงิดและรีบร้อน จนไม่ทันดูว่าตอนนี้ตนเองกำลังเหาะข้ามสะพานสายรุ้ง มุ่งหน้าสู่โลกมนุษย์
โครม กันต์พุ่งชนต้นไม้เข้าโครมใหญ่ เพราะไม่คุ้นเคยกับเส้นทางกันต์ตกลงมาในพุ่มไม้ ส่วนไม้กวาดไม่รู้กระเด็นหายไปไหน
“โอย… เจ็บจัง นี่มันที่ไหนกันนะ” กันตลกขึนแลวเดนสำรวจไปรอบ ๆ เหนเดกนกเรียนกำลังยืนเข้าแถวหน้าเสาธง ฟังผู้อำนวยการของโรงเรียนกล่าวโอวาทให้ทุกคนตั้งใจเรียนและมีระเบียบวินัย
“โอ๊ะ เรามาถึงโรงเรียนในโลกมนุษย์เลยหรือนี่” กันต์พึมพำกับตัวเอง
“ทำไมยังไม่เข้าเรียนอีกจ๊ะ หนูเป็นเด็กใหม่เหรอ หน้าตาไม่คุ้นเลย” คุณครูท่าทางใจดีเดินมาเจอกันต์ที่กำลังซุ่มมองนักเรียนคนอื่นๆ
“เอ่อ… ครับๆ ผมเป็นเด็กใหม่ครับ”
“อยู่ห้องไหนล่ะ เดี๋ยวครูพาไปส่ง”
“ห้องสองทับหนึ่งครับ” กันต์ตอบตามที่เคยเรียนในโรงเรียนเวทมนตร์
“อ้าว ครูสอนห้องนี้เองค่ะ งั้นไปกับครูนะ” คุณครูใจดีเดินนำกันต์ไป แต่แอบพึมพำด้วยความสงสัยว่าเอ… ไม่เห็นมีใครแจ้งว่าจะมีเด็กใหม่ย้ายเข้ามาเลยนี่นา
ทันทีที่เพื่อนๆ เห็นกันต์ ทุกคนต่างก็พากันหัวเราะ เพราะกันต์แต่งตัวแปลก แตกต่างจากคนทั่วไป แถมยังถือไม้แหลมๆ เล็กๆ อีก กันต์หงุดหงิดมากจึงรีบถอดเสื้อคลุมและไม้กายสิทธิ์ยัดใส่ในลิ้นชักโต๊ะเหมือนตอนอยู่ที่โรงเรียนเวทมนตร์ และพูดกับตัวเองเบาๆ ว่า “คอยดูนะ เดี๋ยวฉันจะจัดการพวกนายให้เข็ด”
เมื่อคุณครูเริ่มสอน กันต์จึงค่อย ๆ ล้วงไม้กายสิทธิ์ออกมาจากใต้โต๊ะเพื่อเสกคาถา “โอม… ทุกคนที่ล้อเลียนฉันจงกลายเป็น…”
“หนู หนู หนู ช่วยด้วย” กันต์ตะโกนลั่น เพราะมีหนูเกาะไม้กายสิทธิ์ติดออกมาจากในลิ้นชักด้วย
ไม้กายสิทธิ์เริ่มออกฤทธิ์ตามคาถา ทำให้เพื่อนๆ กลายเป็นหนูวิ่งเพ่นพ่านทั่วห้องเรียนยกเว้นคุณครูที่เป็นลมล้มพับไป ส่วนกันต์ก็ก้าวขาไม่ออกเหมือนโดนสะกด ยืนตื่นตกใจขวัญผวาท่ามกลางหนูนับหลายสิบตัว แต่ตัวไหนก็ไม่น่ากลัวเท่าตัวที่เกาะไม้กายสิทธิ์ออกมาจากในลิ้นชัก เพราะมันกำลังกัดกินไม้กายสิทธิ์เหมือนเป็นขนมปังแท่งกรุบกรอบ แล้วจึงวิ่งไปกัดกินเสื้อคลุมที่ซุกอยู่จนหมดในพริบตาเดียว
วิ๊ง… และแล้วหนูตัวนั้นก็กลายเป็น… คุณครูมนตรา
“นี่ครูเองเหรอครับ” กันต์ถาม
“ใช่… ครูเอง เธอหนีเรียน และขี่ไม้กวาดมาไกลถึงโลกมนุษย์โดยไม่ได้รับอนุญาตแถมยังคิดใช้เวทมนตร์ในทางที่ผิดเพื่อแก้แค้นผู้อื่น โดยที่พวกเขาไม่มีทางสู้อีก ครูจึงต้องทำโทษเธอ”
"ผมขอโทษครับ คราวหน้าผมจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว” กันต์คอตก
“งั้นเธอต้องพิสูจน์ตัวเองในโลกมนุษย์ ด้วยการเป็นเด็กนักเรียนธรรมดา เพราะตอนนี้เธอไม่มีไม้กวาด ไม้กายสิทธิ์และเสื้อคลุมวิเศษแล้ว ถ้าเธอปรับปรุงตัวได้ ครูก็จะมารับเธอกลับ แต่ถ้าเธอทำไม่ได้เธอก็จะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป”
“ฮือ ฮือ… ครับ” กันต์ร้องไห้ เริ่มกลัวว่าจะไม่ได้กลับบ้าน กลัวว่าจะไม่ได้เจอพ่อกับแม่อีก
คุณครูมนตราเสกทุกอย่างให้กลับมาเหมือนเดิม ทั้งเพื่อนๆ ที่กลายเป็นหนู และคุณครูที่เป็นลม ทุกคนกลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่มีใครจำอะไรได้เลย ยกเว้นกันต์ที่รับรู้เรื่องราวทั้งหมด และเขาจะต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียใหม่ตั้งแต่วินาทีนี้
กันต์อาศัยอยู่ในบ้านพักที่คุณครูมนตราเสกไว้ให้อย่างโดดเดี่ยว ตอนนี้… กันต์คิดถึงพ่อกับแม่เพื่อนๆ และคุณครูที่โลกเวทมนตร์เหลือเกิน กันต์จึงไม่ย่อท้อที่จะปรับปรุงตัวเองในทุกๆ เรื่องเพื่อที่จะได้กลับบ้านเร็วๆ
ก่อนนอน… กันต์มักจะทบทวนบทเรียนอยู่เสมอ และจัดตารางเรียน ใส่หนังสือ สมุดวิชาต่างๆ ของวันรุ่งขึ้นไว้ในกระเป๋า ถึงแม้ที่โลกมนุษย์กันต์ไม่ต้องเก็บไม้กวาดคู่กายให้เข้าที่ ไม่ต้องเก็บไม้กายสิทธิ์ไว้ในกล่องไม่ต้องแขวนเสื้อคลุมไว้ที่ราวแล้ว แต่กันต์ก็ต้องจัดกล่องอุปกรณ์ที่จำเป็น ทั้งดินสอ สี ยางลบ และไม้บรรทัดให้พร้อมสรรพสำหรับใช้ในชั่วโมงเรียน รวมถึงจัดลิ้นชักของโต๊ะทำการบ้าน และโต๊ะนักเรียนให้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอ โดยไม่นำสิ่งใดไปหมักหมมไว้ในนั้น
กันต์ตั้งใจเรียนในห้องเรียน ไม่คุยเล่นหรือแอบอ่านหนังสือการ์ตูน ไม่กินขนมขณะครูสอนเหมือนอย่างที่เคยทำในโรงเรียนเวทมนตร์อีกแล้ว
เวลาผ่านไปสี่เดือน… กันต์ได้คะแนนสอบเป็นที่สามของห้องสมกับที่ตั้งใจเรียนมาตลอดทั้งเทอม เย็นวันนี้ในขณะที่กันต์ถือผลสอบเดินยิ้มร่าออกมาจากห้องเรียน
“กลับบ้านกันเถอะ”
เสียงๆ หนึ่งดังขึ้น กันต์หันมองตามเสียง จึงเห็นคุณครูมนตราและแต๋มกำลังยืนส่งยิ้มให้กันต์รีบวิ่งเข้าไปหาทั้งคู่
“สวัสดีครับคุณครูมนตรา” กันต์ยกมือไหว้คุณครูด้วยความเคยชิน
คุณครูมนตราแอบยิ้มปลื้มที่เห็นกันต์เปลี่ยนไป
“มาได้ยังไงกันเนี่ย” กันต์หันไปทักทายแต๋ม เขาคิดถึงเพื่อนๆ ที่โลกแห่งเวทมนตร์มาก
“ฉันเป็นตัวแทนของเพื่อนๆ มารับเธอกลับบ้าน”
“ฉันจะได้กลับบ้านแล้วเหรอ” กันต์ถามด้วยความดีใจ
“ใช่ค่ะ” คุณครูมนตราบอก พร้อมกับคืนของสามสิ่งให้กันต์ คือ ไม้กวาด ไม้กายสิทธิ์และเสื้อคลุม
กันต์รับไว้แล้วลงไปกราบขอโทษคุณครูที่เคยเป็นเด็กเกเร
“ขอโทษครับครู”
“ครูภูมิใจในตัวเธอมากนะ ที่เธอทำได้” คุณครูมนตราลูบศีรษะกันต์
กันต์ลุกขึ้นมาและหันไปทางแต๋ม “ฉันขอโทษเธอด้วยนะ ที่เคยพูดจาไม่ดีกับเธอ”
“ฉันไม่โกรธเธอหรอก” แต๋มยิ้มให้
“งั้นกลับบ้านกันเถอะ ฉันอยากกราบพ่อกับแม่จะแย่แล้ว” กันต์บอก
จากนั้นทั้งสามก็ขี่ไม้กวาดคู่กายข้ามสะพานสายรุ้งกลับสู่โลกแห่งเวทมนตร์นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กันต์ก็ไม่เคยถูกคุณครูทำโทษอีกเลยและยังได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าห้องในเทอมต่อมาอีกด้วย
คำศัพท์ ชวนรู้
classroom [n] ห้องเรียน
concentrate [v] ตั้งใจ
discipline [n] ความมีระเบียบวินัย
homework [n] การบ้าน
respect [v] เคารพ
student [n] นักเรียน
study [v] เรียน
teacher [n] ครู