ทุกท่วงท่า...สง่างาม
คุณยาย คือ ผู้สูงอายุที่ดูแข็งแรงและขยันขันแข็งที่สุด เท่าที่ข้าพเจ้าเคยเห็นมา แม้ท่านจะมีวัยย่างเข้า ๘๓ แล้ว แต่ท่านยังดูแข็งแรง สดใสกระฉับกระเฉง เดินตัวตรง คล่องแคล่วก้าวเท้ายาวและเร็ว การวางเท้าลงพื้นของท่านดูนุ่มนวลเหมือนติดสปริงไว้ ทุกย่างก้าวของท่านเต็มไปด้วยความมีสติ และมั่นคง บางครั้งข้าพเจ้าซึ่งตอนนั้นอายุ ๒๐ กว่า ๆ ต้องเร่งฝีเท้าอย่างเต็มที่เพื่อเดินตามคุณยายวัย ๘๐ กว่าให้ทัน จนอดไม่ได้ที่จะต้อง เรียนคุณยายด้วยความชื่นชมในความว่องไวของท่านว่า "คุณยาย อายุ ๘๐ กว่าแล้ว ยังเดินคล่องแคล่วว่องไวสาว ๆ (อย่างหนู) เดินตามแทบไม่ทัน" คุณยายท่านก็ตอบว่า "ยายเคยเป็นชาวนาเดินเก่ง"
ครั้นเวลานั่ง แม้เก้าอี้จะมีพนักพิง ท่านก็จะไม่เอนหลังไปพิงอย่างง่าย ๆท่านจะนั่งตัวตั้งตรง ไหล่ผึ่งผายอยู่ตลอดเวลา ดูเข้มแข็ง สง่างาม
แม้ว่าท่านจะดูร่างเล็กผอมบาง มีน้ำหนักเพียง ๔๑ กิโลกรัม แต่เรี่ยวแรงและพละกำลังของท่านมากมายมหาศาล
ครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้สัมผัสด้วยตัวเอง คือในขณะที่ท่าน กำลังเดินตรวจครัว ข้าพเจ้าเรียนท่านว่า "คุณยายเดินไปทางนี้ กันไหมคะ" พร้อมกับใช้ความพยายามอย่างเต็มที่จะชี้ชวนให้ ท่านเดินไปอีกทางหนึ่ง ด้วยไม่อยากให้ท่านเดินไปพบเห็นอะไร ที่ยังไม่ได้เก็บให้เรียบร้อย กลัวว่าท่านจะเหนื่อยที่จะต้องไปจัดแจง ดูแลอีก แต่คงไม่มีอะไรปิดบังท่านได้ท่านบอกว่า "ไปทางนี้แหละ" พร้อมทั้งฉุดดึงมือข้าพเจ้าซึ่งยืนฝืนตัวอยู่เล็กน้อย เนื่องจากว่าไม่ค่อยอยากให้ท่านเดินไปทางนั้นนัก ในี่สุดข้าพเจ้าก็ต้อง ติดมือตามคุณยายไปทุกหนทุกแห่ง ข้าพเจ้าอดที่จะทึ่งและ อัศจรรย์ใจในความมีเรี่ยวแรงของท่านไม่ได้ว่า เหตุใดหนอคุณ ยายในวัย ๘๐ กว่าปี จึงมีแรงเยอะขนาดนี้
ทุกครั้งที่ท่านจับมือข้าพเจ้า จะสัมผัสได้ถึงความมีพลังในตัวท่าน นิ้วมือของท่านดูอิ่มสมบูรณ์ มีเลือดฝาดแดงเรื่อ นิ้วเต็ม และเต่งทุกนิ้ว คุณยายมักจะแบมือให้ดูแล้วบอกว่า มือยายใหญ่ เหมือนใบพาย ทำงานมาตลอด ไม่ได้เล็กสวยเหมือนมือคนอื่น เขาหรอก หลวงพี่อิทธิจินตโกมักจะบอกคุณยายว่า "มือคุณยายสวย นิ้วคุณยายสวย เหมือนนิ้วของพระพุทธรูปที่เขาปั้นกันเลย คุณยายเคยเห็นพระพุทธรูปโบราณหรือเปล่าส่วนใหญ่เขาจะปั้น ให้นิ้วยาวเท่ากัน แต่ละนิ้วจะเต็มและเต่ง มีก้นหอยทั้ง ๑๐ นิ้ว เหมือนมือคุณยายเลย"
แม้คุณยายจะมีพื้นเพเป็นลูกสาวชาวนา แต่ผิวพรรณท่านละเอียด เนียนใสข้าพเจ้าชอบแอบมองที่ใบหน้าของท่าน ด้วย วัย ๘๐ กว่า ใบหน้าท่านยังดูเต่งตึง ผิวพรรณละเอียดอ่อนและ เนียนใสทำให้อดนึกสงสัยในใจไม่ได้ว่า รอยตีนกาหรือรอยเหี่ยวย่นของท่านหายไปไหนหมด มีเพียงเล็กน้อยตรงหางตาและ ที่ตรงมุมปากทั้งสองเท่านั้น "ผู้ที่มีใจอิ่มชุ่มอยู่ในศูนย์กลางกายเป็นนิจ จะมีผิวพรรณอันละเอียดนวลผ่องใสและดูอ่อนวัยเช่นนี้นี่เอง" นอกจากผิวพรรณแล้ว ข้าพเจ้ายังชอบมองที่หน้าผาก อันโหนกนูนสวยของท่านและที่ดวงตา
ดวงตาของท่าน เป็นดวงตาที่สามารถสะกดทุกคนที่มา พบเห็น เพราะเป็นดวงตาที่แจ่มใสมีแววเป็นระกาย ดูใสบริสุทธิ์ มีเมตตาและจริงใจ แม้แต่ในรูปภาพ ความแจ่มใสเป็นประกาย ยังฉายแววส่องออกมา และดวงตานี้เช่นกัน เมื่อถึงเวลาต้องเอาจริงเอาจัง ต้องรักษากฎระเบียบวินัย ดวงตานี้จะมีประกายของความเข้มแข็ง เด็ดขาด มีอำนาจและทรงพลังยิ่งนัก ถ้าดวงตานี้จ้องมองไปที่ผู้ใด ผู้นั้นก็จะหนาว ๆ ร้อน ๆ ไปตาม ๆ กัน
การใช้ชีวิตในแต่ละวันของท่าน ดำเนินไปด้วยความเรียบง่าย แต่ทว่าทุกท่วงท่าจังหวะในการดำเนินชีวิต เต็มไปด้วยความสง่างาม พอเหมาะพอดี เต็มไปด้วยความมีสติและการรู้จักคิดพิจารณา การฏิบัติธรรมของท่านเป็นไปกับการดำเนินชีวิต เป็นไปกับทุกลมหายใจเข้าออก ดังนั้น การกระทำของท่านจึงเป็น คำสอนได้หมดทุกอย่าง ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า... จนกระทั่งถึงเข้านอน
ตอนเช้าคุณยายเข้าห้องน้ำ ก็จะตักน้ำราดโถ ส้วมด้วยความพอเหมาะพอดี ไม่มีน้ำกระเซ็นออกมาเปียกแฉะเลย พื้นห้องน้ำของท่านจึงสะอาดและแห้งอยู่ตลอดเวลา
เวลาบ้วนปาก ท่านก็อมน้ำแต่พอเหมาะพอดี น้ำที่บ้วนออกมาจากปากก็จะมีจังหวะและความแรงที่พอเหมาะพอดี น้ำ จึงรวมเป็นสายไหลลงอ่าง โดยไม่กระเด็นหกเลอะเทอะไปไหน
ครั้นล้างหน้าแล้วจะเช็ดหน้า คุณยายก็เช็ดอย่างสะอาด ผ้าเช็ดหน้าที่ชุบน้ำบิดให้หมาด ถูกคลี่ออก ค่อย ๆ เช็ดและพลิก กลับไปมาส่วนนี้เช็ดหน้าส่วนนี้เช็ดใบหู
ก่อนจะนั่งท่านก็จะยืนและวางก้นลงตำแหน่งตรงกลางเก้าอี้พอดี เวลาทานข้าว ข้าวของท่านจะดูพูนช้อนพอดี
ในช้อนจะมีข้าวและกับข้าวในปริมาณที่พอดีกันไม่มากไม่น้อย จานข้าวของท่านมองดูตอนไหนก็ดูสวยงาม เนื่องด้วยเม็ดข้าวไม่เคยแตกกระจุยกระจายออกมาจากกลุ่ม และท่านจะทานข้าวจนเกลี้ยง จานหมดทุกเม็ด
ข้าวของเครื่องใช้ที่ท่านวางไว้ จะวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ด้วยความเที่ยงตรง ได้ฉาก ไม่มีเอียงเฉ แม้มีสิ่งใด ที่วางไว้อยู่ก่อนแล้ว หากวางไว้ไม่เข้าที่เข้าทางท่านก็จะเอามือของท่านเอื้อมไปหยิบ หรือจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และแม้กระทั่งเวลาเดินผ่านราวตากผ้าขี้ริ้ว คุณยายท่านก็ยังเดินเข้า ไปจัดไปดึงให้ชายผ้าเสมอกัน ดูสวยงาม สบายตา
ไม่ว่าท่านจะหยิบจะจับจะวางอะไรท่านก็ทำด้วยความละเอียด ประณีต งดงามเสมอกันหมด ไม่ว่าของชิ้นนั้นจะเป็น ผ้าขี้ริ้วหรือผ้าเช็ดหน้าท่านก็จะให้ความสำคัญและการดูแลรักษา ด้วยความละเอียด ประณีต งดงาม เสมอกัน
ข้าพเจ้ายังพอเข้ามาทันเห็นความแคล่วคล่องว่องไว กระฉับกระเฉงของท่านในช่างท้ายชีวิต แม้ท่านจะทำอะไรอย่าง รวดเร็ว แต่ในความรวดเร็วของท่าน ไม่มีความเร่งรีบ ร้อนรน โครมคราม หากเป็นความคล่องแคล่วรวดเร็วที่ดูนุ่มนวลและสงบนิ่ง งามตาเย็นใจ ข้าพเจ้าเป็นคนทำงานช้า เคยกราบเรียนถามคุณยายว่า ทำอย่างไรจึงจะทำงานได้เร็ว ๆท่านเมตตาตอบว่า "เราทำช้า ก็ค่อย ๆ ตั้งใจทำไปทำไปทำมาเดี๋ยวมันก็เก่ง เดี๋ยวมันก็เร็วเอง"
คำว่า "ตั้งใจ" เป็นสิ่งที่สำคัญนักในการทำงานทุก ๆ อย่างตั้งใจ...ไว้ที่ศูนย์กลางกายแหล่งแห่งความบริสุทธิ์และงดงามทุกท่วงท่าในการดำเนินชีวิตของคุณยาย จึงเต็มไปด้วยความงดงาม และพอเหมาะพอดี
แม้ว่าภาพคุณยายในอิริยาบถต่าง ๆ จะเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้า เห็นจนคุ้นตาและเคยชิน แต่เป็นความเคยชินที่มองเมื่อไรก็งดงามเมื่อนั้น มองเมื่อไรการกระทำของท่านก็เป็นคำสอนได้เมื่อนั้น และเมื่อได้นำมาฝึกฝนฏิบัติเอง จึงได้ทราบว่าบุคคลผู้ที่ประพฤติปฏิบัติได้เช่นคุณยาย คือสุดยอดของคน เพราะผู้ที่จะทำได้เช่นนี้ ต้องเป็นผู้ที่มีสติ และมีใจอยู่ที่ศูนย์กลางกายตลอดเวลา
คุณยายท่านเป็นบุคคลที่ขยันมาก แม้จะมีอายุ ๘๐ กว่าปี แล้ว แต่ท่านไม่ยอมปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ถ้าไม่เหนื่อยหรือเมื่อยจริง ๆท่านจะไม่ยอมเอนหลังพัก แม้เอนหลังพักท่านยังบอกว่า "ยายนอนพัก ดิ่งธรรมะไป ยายไม่ชอบนอนกลางวัน"
ช่วงนั้นตอนกลางคืนท่านจะนอนพักที่บนกุฏิ ตอนกลางวันท่านจะลงมาพักอยู่ที่ห้องเลขา
ตอนเช้ารับประทานข้าวเช้าเสร็จ คุณยายก็จะนั่งรถสามล้อ ไปตรวจวัดประมาณ ๙ โมงจึงจะกลับมา ถ้าท่านไม่เหนื่อยมาก ท่านก็จะมานั่งพักที่ห้องเลขา จะมีเก้าอี้ที่ท่านนั่งระจำ ๑ ตัวคือเก้าอี้ที่ทำมาจากไม้พยุง มีที่วางเท้า วางแขน โยกไปมาได้ จะมีอาสนะปูรองไว้ เพื่อเวลาคุณยายนั่งจะได้ไม่แข็งจนเกินไป และอีกตัวหนึ่งเป็นเก้าอี้ที่ท่านนั่งเวลาทานข้าว ห้องเลขา จะล้อมรอบไปด้วยหน้าต่างที่เป็นกระจก ซึ่งเมื่อมองออกไปจะเห็นคนข้างนอกได้อย่างชัดเจน เก้าอี้โยกของคุณยายจะอยู่ในตำแหน่ง ที่มุมมองกว้างมองเห็นกุฏิ มองเห็นน้ำและมองเห็นคนเดินผ่านไป มาอย่างชัดเจน
การนั่งพักของท่าน ไม่ใช่การนั่งพักเฉย ๆสายตาของท่านจะกวาดมองดูสิ่งต่าง ๆ มองดูต้นไม้บ้าง มองดูกระรอกซึ่ง วิ่งซุกซนไปมาบนต้นแก้วบ้าง ดูไก่ที่มาคุ้ยเขี่ยหาอาหารรอบ ๆ บริเวณนี้ บางทีเห็นแม่ไก่พาลูกไก่มาคุ้ยเขี่ยอาหาร แม้คุณยาย ไม่รู้หนังสือ แต่ท่านนับตัวเลขได้เร็วและความจำดีมาก คุณยายท่านจะคอยนับว่าแม่ไก่ตัวนี้มีลูกกี่ตัว ๔, ๕, ๖, ๗ วันต่อมาเมื่อแม่ ไก่พาลูกมา คุณยายก็นับอีก ๓, ๔, ๕ หายไปไหน ๒ ตัว กว่า แม่ไก่จะเลี้ยงลูกไก่ได้โตพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ ก็เหลือลูก ไก่เพียงตัวหรือสองตัว นี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทางวัดไม่อนุญาต ให้เอาหมา แมว มาปล่อยไว้ที่วัด เพราะสัตว์พวกนี้มักจะแอบมาจับลูกไก่กินเป็นอาหารอยู่เสมอ
นอกจากนี้คุณยายยังทำหน้าที่คอยสอดส่องตรวจตรา ดูแลความเรียบร้อยต่าง ๆ ภายในวัด ในรัศมีสายตาของคุณยาย ใครจะเข้าจะออกกุฏิคุณยายก็มองเห็นหมด บางคนเดินผ่านพูดคุยกันเสียงดัง บางคนฝ่าฝืนกฎหรือเพราะไม่รู้กฎ ขับรถยนต์ ผ่านเข้ามาในเขตสังฆาวาสข้าพเจ้าทราบทันทีโดยที่คุณยายไม่ ต้องบอกว่า ให้ออกไปตักเตือนอธิบายกฎระเบียบให้ท่านเหล่า นั้นเข้าใจ
สายตาคุณยายยังมองไปถึงฟากฝังน้ำที่อยู่ระหว่างกุฏิคุณยายกับอาคารดาวดึงส์ บางครั้งเห็นเด็กวิ่งเล่นกันใกล้ริมน้ำ คุณยายก็จะให้ข้าพเจ้าไปบอกพ่อแม่เขาว่า ให้ดูแลลูกดี ๆ อย่าปล่อยไปเล่นริมน้ำ เดี๋ยวพลัดตกลงไปจมน้ำ
บางครั้งเห็นหนุ่มสาวมานั่งคุยกันที่ริมน้ำ คุณยายก็จะบอกว่าไปบอกให้เขาไปคุยกันที่อื่น วัดเป็น สถานที่ให้มานั่งสมาธิประพฤติฏิบัติธรรม ไม่ใช่ที่ให้มานั่งเกี้ยวกัน คุณยายท่านจะเข้มงวดและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากท่านจะหาวิธีป้องกัน อันตราย และความไม่เหมาะไม่ควรไว้ทุกวิถีทาง
มีอยู่ครั้งหนึ่งเป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันอาทิตย์ ซึ่งจะมีสาธุชน มาวัดจำนวนมาก มีสุภาพสตรีท่านหนึ่งสวยทั้งการแต่งกายและ รูปร่างหน้าตา ค่อย ๆ เดินผ่านมาทางประตูรั้วสเตนเลสส์เขตที่อยู่ของพระภิกษุ ที่มีป้ายเขียนติดไว้ว่า "เขตสังฆาวาสต้องการ ความสงัด ผู้ไม่มีกิจธุระ ไม่สมควรเข้า"
คุณยายมองสุภาพสตรีท่านนั้นซึ่งเดินเข้ามาคนเดียว แล้วถามข้าพเจ้าว่ารู้จักหรือเปล่า ว่าคนนี้ชื่ออะไร แล้วคุณยาย ก็บอกว่าให้ข้าพเจ้าไปถามเขาสิว่า "คุณชื่ออะไรคะ มาหาใครคะ"ท่านซักซ้อมคำพูดให้ข้าพเจ้าเรียบร้อยเสร็จสรรพก่อนที่จะ ให้ออกไปถาม ข้าพเจ้าอมยิ้มในใบหน้าพร้อมกับนึกในใจว่า คุณยายท่านช่างเป็นคนที่รอบคอบ และมองการณ์ไกลยิ่งนัก จะมีอะไร มาแผ้วพาน ยายขจัดปัดเป่าออกไปหมด
บางครั้งคุณยายได้เมตตาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง เรื่องที่ข้าพเจ้ามักได้ฟังบ่อย ๆ คือเรื่องไปช่วยพ่อ เรื่องปัดลูกระเบิดเรื่องการสร้างวัด เรื่องหลวงพ่อทั้ง ๒ รูป ฯลฯ ดูท่านมีความสุข และไม่เคยเบื่อที่จะเล่าเรื่องเหล่านี้ให้พวกเราฟังเลย เวลาท่านเล่าเรื่องไปช่วยพ่อ เรื่องปัดลูกระเบิดทั้งน้ำเสียง คำพูด และการแสดงความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาทำให้ข้าพเจ้านึกมองเห็นภาพ เหมือนได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น ๆ กับท่าน
ในการเล่าของคุณยายแต่ละครั้ง คำพูดของท่านทุกคำพูดจะตรงเหมือนเดิมตลอดไม่มีผิดเพี้ยน แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไรคำพูดนั้นก็ตรงคำเดิมเหมือนอัดเทปเอาไว้ คำจริงพูดเมื่อ ไรก็จริงเมื่อนั้น พูดเมื่อไรก็ไม่มีเปลี่ยนแปลง
ข้าพเจ้าจึงไม่สงสัยเลยว่า เหตุใดท่านจึงเล่าเรื่องราวทั้งหลายเหล่านี้โดยไม่รู้จักเบื่อที่จะเล่า เล่าครั้งไหนก็มีแต่ความสุขใจ ความเบิกบานใจ ความภาคภูมิใจ เพราะเหตุการณ์เหล่านั้น ล้วนเป็นภาพแห่งความระทับใจที่อยู่ในความทรงจำของท่าน ตลอดเวลาที่ท่านได้ต่อสู้ พากเพียร ทุ่มเท ทุ่มชีวิต ทำอย่าง เต็มที่สุดกำลัง เมื่อนึกถึงภาพเหล่านั้นคราใด ก็มีแต่ความภาคภูมิใจ ความสุขและความปีติใจ เพราะคำพูดของท่านเป็นประเภททำอย่างไรก็พูดอย่างนั้น พูดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น
ทำให้ข้าพเจ้าได้ย้อนกลับมามองตัวเองว่า
ถ้าเรามีโอกาสได้อยู่จนถึงแก่เฒ่า
เราจะมีเรื่องราวแห่งความดีงามอะไรบ้างหนอ
ที่เราได้ทุ่มเททำอย่างเต็มที่เต็มกำลัง
จนเป็นภาพแห่งความทรงจำที่ไม่รู้ลืม
ที่พอจะเล่าให้คนรุ่นหลัง ๆ ฟังได้
ด้วยความปีติ ภาคภูมิใจ....
ที่จะเล่ากี่ครั้ง ๆ ก็ไม่รู้จักเบื่อที่จะได้เล่า