การกล่าวว่าพระมหาธรรมกายเจดีย์ต่างๆ นานาว่าเป็นจานบินบ้าง
หรือเอารูปไปตัดต่อและกระทําการต่างๆ ด้วยความไม่เคารพ ผลจะเป็นอย่างไร ?
พระมหาธรรมกายเจดีย์เป็นเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและก็มีพระพุทธปฏิมากรแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าล้านพระองค์ คนกล่าวว่าร้ายพระเจดีย์ก็เท่ากับเป็นการกล่าวว่าร้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า !!!
ซึ่งกรรมจากการว่าร้ายนั้นหนักมาก แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเองพระองค์ก็ทรงเคยผิดพลาดในเรื่องนี้มา จึงเอามาเทศน์สอนสรรพสัตว์ซึ่งเรื่องมีอยู่ว่า...
ในชาติที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นนักเลงชื่อว่า “มุนาฬิ” ท่านได้ด่าพระปัจเจกพุทธเจ้าว่า “ท่านเป็นพระทุศีล ห่มจีวรหลอกชาวบ้าน ไม่ยอมทํามาหากิน มัวแต่เที่ยวเดินขออาหารจากชาวบ้าน โดยไม่มีความละอายแก่ใจ”
ด้วยกรรมนี้ทําให้ “มุนาฬิ” ตกนรกหมกไหม้ทนทุกข์ทรมานหลายพันปีนรก จนมาในภพชาติสุดท้าย แม้พระองค์จะตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็ตาม ก็ยังหนีกรรมนั้นไม่พ้น ทําให้พวกเดียรถีย์อิจฉาริษยาคิดหาอุบายวางแผนใส่ร้าย โดยส่งปริพาชิกาที่ชื่อ “สุนทรี” เดินเข้าออกในวัดพระเชตวันอยู่ 2-3 วัน ทําทีว่าไปพักอยู่ในพระคันธกุฎีเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากนั้นเดียรถีย์จึงจ้างโจรให้ไปฆ่านาง แล้วนําศพโยนทิ้งไว้หลังพระคันธกุฎี พร้อมกับทําแผนชั่วใส่ความพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นคนฆ่านาง ทําให้มีคนหลงเชื่อมากมาย แล้วพากันด่าว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยคําหยาบคาย
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น พระองค์ยังถูก “นางจิญจมาณวิกา” กล่าวตู่ว่าได้นอนในพระคันธกุฎีร่วมกับพระพุทธองค์จนนางตั้งครรภ์ทําให้ชาวบ้านบางส่วนหลงเชื่อ
ที่เป็นเช่นนี้เพราะภพในอดีต พระองค์เคยกล่าวตู่พระอรหันต์องค์หนึ่งที่ชื่อ “นันทะ” ด้วยบาปกรรมนี้พระองค์จึงต้องตกนรกเสวยทุกข์ทรมานเป็นเวลายาวนานถึงหนึ่งหมื่นปีนรก จนเมื่อได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็ยังถูกกล่าวตู่มากมาย แม้ภพชาติที่เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว กรรมก็ยังตามส่งผลให้พระองค์ถูกนางจิญจมาณวิกากล่าวตู่ด้วยถ้อยคําที่ไม่เป็นจริงต่อหน้าสาธารณชน
จะเห็นว่า การว่าร้ายพระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์เพียงองค์เดียว ยังต้องได้รับวิบากกรรมแสนสาหัสมาทุกภพทุกชาติ ดังนั้นก็ลองคิดดูละกันว่า..การกล่าวว่าพุทธปฏิมากร ซึ่งเป็นตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึง 1 ล้านพระองค์ จะต้องได้รับวิบากกรรมมากถึงขนาดไหน..!!!
ชาวพุทธทั่วไปเขาปฏิบัติอย่างไรเพื่อเป็นการเคารพพระเจดีย์ ?
ในประเทศเมียนมาถือว่าเป็นประเทศที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองสูงมาก เมื่อคนในประเทศนี้เดินเข้าสู่ลานพระเจดีย์หรือแม้แต่เข้าเขตวัด ทุกคนจะต้องถอดรองเท้าเพื่อแสดงความเคารพ ไม่ว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตเพียงใดก็ต้องปฏิบัติตาม
ครั้นเมื่อคราวที่อังกฤษมาบุกยึดประเทศเมียนมาเป็นอาณานิคม ข้าหลวงใหญ่ชาวอังกฤษต้องการเข้าเยี่ยมชมมหาเจดีย์ชเวดากองโดยจะใส่รองเท้าเข้าไป เพราะนับถือคนละศาสนา อีกทั้งยังถือว่าตนคือผู้มีอํานาจปกครอง
ทันทีที่ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปเท่านั้น ชาวเมียนมานับหมื่นคนก็มารวมตัวกันที่ลานพระมหาเจดีย์ชเวดากอง แม้จะไม่มีอํานาจห้ามปรามข้าหลวงใหญ่ชาวอังกฤษ ไม่มีอาวุธใดจะไปต่อสู้ แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันนอนทอดร่างเรียงต่อๆ กันจนเต็มลานพระมหาเจดีย์ โดยยอมให้รองเท้าของข้าหลวงชาวอังกฤษเหยียบย่ำลงบนร่างกายของตนดีกว่าจะยอมให้รองเท้ากระทบถูกลานพระเจดีย์
ด้วยพลังศรัทธาอันเปี่ยมล้นของชาวเมียนมาเช่นนี้ ทําให้ข้าหลวงใหญ่ชาวอังกฤษถึงกับสะท้าน และยอมถอดรองเท้าเข้าลานพระเจดีย์
จะเห็นว่า..ความเคารพของชาวเมียนมามีมากขนาดนี้ ดังนั้นพุทธศาสนิกชนชาวไทยก็ควรเอาเยี่ยงอย่าง เพราะหากเราศึกษาจากพระไตรปิฎกเล่มที่ 32 พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ 24 ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 1 เรื่องปัจจุปัฏฐานสัญญกเถราปทาน ประวัติในอดีตชาติของพระปัจจุปัฏฐานสัญญกเถระจะพบว่า..การบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้พระองค์จะมีพระชมน์ชีพอยู่ หรือปรินิพพานไปแล้ว หากจิตเลื่อมใสเสมอกัน บุญย่อมเท่ากัน ดังคำกล่าวในพระไตรปิฏกว่า...
“หากผู้ใดพึงบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นําสัตว์โลก ยังดํารงพระชนม์อยู่ก็ดี พึงบูชาพระธาตุแม้ประมาณเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดของพระพุทธเจ้า แม้เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วก็ดี เมื่อจิตที่เลื่อมใสของผู้นั้นเสมอกัน บุญก็มีผลมากเสมอกัน เพราะฉะนั้น ท่านจงสร้างสถูปบูชาพระธาตุของพระชินเจ้าเถิด”...
Cr. ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์
สำนักสื่อธรรมะ