สี่บทบาทสำคัญที่ทำให้พ่อแม่ได้ลูกดี
พ่อแม่ทุกคนล้วนคาดหวัง อยากจะเห็นลูกของตนเองมีอนาคตที่สดใสกันทั้งนั้น แต่การปูพื้นฐานลูกให้มีนิสัยใจคอที่เหมาะแก่การจะก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคตนั้น พ่อแม่จะต้องรู้จักวางบทบาทของตนเองในการปกครองลูกให้เหมาะสม ลูกจึงจะได้ต้นแบบที่ดี และรู้จักที่ต่ำที่สูงเวลาอยู่กับผู้ใหญ่
การจะวางตนให้เหมาะสมในการอบรมบ่มนิสัยลูกนั้น พ่อแม่ที่ดีต้องเข้าใจ ภาวะจิตใจของลูก รู้ว่าความรู้สึกนึกคิดของลูกจะเปลี่ยนแปลงตามวัยและสิ่งแวดล้อม
เมื่อลูกยังเล็กอยู่ พ่อแม่จะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ครั้นโตขึ้นเพื่อนจะเข้ามามีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิด พอลูกเข้าสู่วัยหนุ่มสาว ความสำคัญของพ่อแม่จะลดลง และเมื่อลูกเป็นผู้ใหญ่ ลูกจะเป็นตัวของตัวเอง ต้องการความอิ ระมาก ต้องการเหตุผลมากขึ้นดังนั้น พ่อแม่จำเป็นจะต้องปรับตนเองให้เท่าทันความรู้สึกนึกคิดของลูก
การเป็นพ่อแม่ที่ดี นอกจากจะต้องทำหน้าที่ของพ่อแม่ที่ดีให้ครบถ้วนแล้วยังต้องวางบทบาทต่อไปนี้ให้ได้ดีอีกด้วย คือ
1. บทบาทของความเป็นครู พ่อแม่ต้องอบรมสั่งสอนลูก ชี้แจงให้ลูกรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรควร อะไรไม่ควร
ถ้าลูกยังเล็กนักสอนกันด้วยเหตุผลยังไม่ได้ พ่อแม่ต้องทำเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเป็นแบบอย่าง การอบรมสั่งสอนจะต้องนุ่มนวล ค่อยพูดจาปราศรัย ไม่เอาแต่อารมณ์การสั่งสอนด้วยไม้เรียว ควรเก็บไว้ใช้ในคราวที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น ต้องปลูกฝังนิสัยรักความสะอาดให้ลูกตั้งแต่ยังเล็ก ฝึกให้รู้จักดูแลรักษาความสะอาดของตนเอง ตั้งแต่เรื่องเสื้อผ้าการอาบน้ำถูตัว แม้ที่สุดเรื่องนิสัยในการกินอาหาร อย่าปล่อยปละละเลย อย่าคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อย
เนื่องจากพ่อแม่เป็นครูคนแรกของลูก ใกล้ชิดลูกตั้งแต่แรกเกิด ดังนั้นการระมัดระวังปลูกฝังสิ่งที่ถูกต้องดีงาม เพื่อให้เป็นพื้นฐานความประพฤติของลูกเสียก่อน เมื่อโตขึ้นจะเป็นเหตุให้เขาสามารถรองรับความดีมาใส่ตัวได้เร็ว และมักรังเกียจความไม่เข้าท่าเข้าทางต่าง ๆ ผ่านเข้ามาได้เองโดยอัตโนมัติ
2. บทบาทเทวดา พ่อแม่ต้องมีพื้นฐานทางธรรมที่ดี จึงจะเล่นบทนี้ได้ เพราะต้องฝึกลูกให้รู้จักรักบุญกลัวบาป ความจริงเรื่องนี้ ทำได้ง่าย ๆ เช่น อ่านนิทานชาดกให้ลูกฟังให้ลูกสวดมนต์ทุกคืนก่อนเข้านอน สอนลูกให้รู้จักการทำบุญ ให้ทาน โดยพ่อแม่ทำให้ดูเป็น ตัวอย่าง เช่น ตักบาตรทุกเช้า เป็นต้น และที่สำคัญที่สุด คือพ่อแม่ต้องมีหิริโอตตัปปะ เมื่อสอนลูกไม่ให้ทำชั่วในเรื่องใดแล้ว ก็อย่าเผลอทำความชั่วนั้น ๆ ให้ลูกรู้เห็นเสียเอง
3. บทบาทพระพรหม พ่อแม่ต้องมีความเมตตากรุณาต่อลูก ให้ความรักความอบอุ่นต้องเลี้ยงดู ไม่ทิ้งขว้าง เมื่อลูกทำผิดต้องตักเตือนสั่งสอนดี ๆ ให้ลูกรู้ผิดรู้ถูก และให้อภัยไม่ซ้ำเติม เมื่อลูกทำดีก็ชมเชยให้ภาคภูมิใจบ้างส่งให้ศึกษาเล่าเรียนเมื่อถึงวัยอันควรยามเจ็บไข้ก็พยาบาลดูแลรักษา เมื่อลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ถึงคราวต้องแยกครอบครัวไปสร้างหลักฐาน ก็ควรปล่อยตามใจลูกบ้าง อย่าบงการบังคับ แต่คอยให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษาเป็นผู้ให้กำลังใจ พ่อแม่ต้องมีอุเบกขา คือไม่ลำเอียงเข้าข้างลูก เมื่อทำผิด
ถ้าอบรมสั่งสอนลูกมาอย่างดีแล้ว แต่ลูกยังทำตัวเกะกะเกเร ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองสมควรจะต้องได้รับโทษ แม้โทษนั้นจะยิ่งใหญ่ถึงต้องติดคุกติดตะราง ก็ต้องยอม อย่ารักลูกจนถึงกับทำตนเป็นพยานเท็จ ช่วยได้เพียงไรก็ทำในสิ่งนั้น แต่อย่าทำลายความยุติธรรมของบ้านเมือง
4. บทบาทพระอรหันต์ พ่อแม่ต้องประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมให้ดีที่สุด จะได้เป็นปูชนียบุคคล เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ในบ้าน เป็นที่ปรึกษาชั้นดีประจำวงศ์ตระกูล เป็นที่เคารพนับถือของลูกหลานว่านเครือ ทั้งที่อยู่ร่วมบ้านและที่แยกครอบครัวออกไปแล้ว ต้องสร้างทั้งบุญบารมี ทั้งศักดิ์ศรี ชื่อเสียง เหล่าลูกหลานจะได้ยำเกรง นับถือ เชื่อฟัง ไม่กล้าทำความชั่วทั้งต่อหน้าและลับหลัง
เมื่อพ่อแม่ทำได้ครบทั้ง 4 อย่างดีแล้ว ชีวิตครอบครัวก็จะเป็นสุข มีแต่ความร่มเย็นกายและใจ ซึ่งย่อมส่งผลไปถึงสังคมและประเทศชาติให้ร่มเย็นไปด้วย
*----------------------------------------------------------------------------------------------------------*
หนังสือ PD 001 หลักการสร้างความสุขในครอบครัว
หนังสือเรียน หลักสูตร Pre-Degree