ทำอย่างไรลูกจะไม่เสียคน

วันที่ 22 พค. พ.ศ.2560

ทำอย่างไรลูกจะไม่เสียคน
 

หลักการสร้างความสุขในครอบครัว , Pre-Degree , วัดพระธรรมกาย , DOU , ธรรมกาย , ปริญญาตรี , พรีดีกรี , พระพุทธศาสนา , พุทธศาสตร์ , พระไตรปิฎก , ทำอย่างไรลูกจะไม่เสียคน

      ท่ามกลางสังคมที่ปะปนด้วยทั้งสิ่งดีและเลวนี้ นับวันคุณพ่อคุณแม่ก็ยิ่งมีความรู้สึกเป็นห่วงลูกมากขึ้น กลัวว่าลูกจะไปติดเอาเชื้อเลวมา แล้วก็จะทำให้ลูกเอาตัวไม่รอด หรือเอาดีไม่ได้ ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่า เราจะป้องกันลูกเรา จากวินิจฉัยผิด ๆ ได้อย่างไร และจะปลูกฝังสิ่งที่ถูกต้องให้ลูกของเราได้อย่างไร

       ความจริงเรื่องนี้สามารถพูดได้หลายแง่หลายมุม แต่ปกติของการเลี้ยงลูกให้ดีที่ปู่ย่าตายายใช้มาตลอด ก็มีหลักอยู่ 4 ข้อด้วยกัน คือ

1) ทำตัวอย่างดี ๆ ให้ลูกดู
2) หาหนังสือดี ๆ ให้ลูกอ่าน
3) หาครูอาจารย์ดี ๆ ให้ลูกเรียนหนังสือ
4) หาเพื่อนดี ๆ ให้ลูกคบ


1) ทำตัวอย่างดี ๆ ให้ลูกดู
      ข้อแรกนี่ยากที่สุด เพราะคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนก็ไม่รู้ว่าเราดีหรือยัง เมื่อเราเริ่มต้นจะทำตัวอย่างดี ๆ ให้ลูกดู เราต้องหามิเตอร์เป็นตัววัดก่อน ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงให้ศีล 5 มาเป็นเครื่องวัด เพราะนี่คือปกติของคนเรา แต่สังคมทุกวันนี้ มันอยู่แบบศีลด่างศีลพร้อย ศีลทะลุ แล้วอย่างนี้จะเป็นตัวอย่างดี ๆ ให้ลูกดูได้อย่างไร

     เพราะฉะนั้น เราบอกว่า ลูกไม่ดี ก็ต้องมองสะท้อนกลับว่า แล้วลูกไปได้สิ่งที่ไม่ดีมาจากที่ใด ลูกพูดไม่เพราะ ก็จำมาจากพ่อแม่ เด็กก็เหมือนผ้าขาว ไม่รู้หรอกว่าสิ่งใดถูก ถ้าเราอยากจะฝึกให้ลูกเป็นคนดี ต้องมาจากพื้นฐานเบื้องต้นว่า เขารักษาศีล 5 หรือไม่ แล้วจึงค่อยมาฝึกให้ลูกเก่งด้านใดก็ทำไป

2) หาหนังสือดี ๆ ให้ลูกอ่าน
       เรื่องของการอ่านก็เหมือนกัน แน่นอน เด็ก ๆ ก็ต้องมีการอ่านหนังสือ เราก็ต้องคอยดูแลกลั่นกรอง เช่น ถ้าอ่านการ์ตูนโดราเอมอนสอนชีววิทยาอย่างนี้ เราก็อ่านไปกับเขาแต่ที่มีปัญหาอยู่ตอนนี้ก็คือ เกมส์ที่มีความรุนแรงจากอินเทอร์เน็ตบ้าง คอมพิวเตอร์บ้าง เราก็ต้องคอยดู ให้เวลาเขา ให้ความอบอุ่นเขา

       สมัยก่อนโบราณบอกว่า "รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี" แต่สมัยนี้ต้องบอกว่า "รักวัวให้ผูก รักลูกต้องให้เวลา" แต่ถ้าเราบอกว่า ไม่มีเวลา ชีวิตมันก็ไม่สมดุล ชีวิตเรามันไม่ได้มีแต่งานอย่างเดียว ต้องมีเวลาส่วนตัว มีเวลาครอบครัวด้วย ชีวิตจึงจะสมดุล ต้องแบ่งเวลาไปร้านหนังสือกับเขา ปล่อยให้เขาเลือก ดูพฤติกรรมห่าง ๆ แล้วบางครั้งก็ต้องช่วยให้ข้อมูลเขาตัดสินใจ แล้วลูกเราจะเลือกหนังสือดีเป็นในอนาคต

3) หาครูอาจารย์ดี ๆ ให้ลูกเรียนหนังสือ
       เรื่องของครูนี่มีความสำคัญมาก เพราะครูเป็นเสมือนสิ่งแวดล้อมภายนอกที่จะมาให้ตัวอย่าง ให้คุณธรรมในการทำความดี ไม่ได้เจาะจงเฉพาะครูในโรงเรียนเท่านั้น ลูกของเราอยากจะเรียนรู้อะไรจากรอบ ๆ ตัว ต้องให้เขาอยากเรียนรู้ด้วยตนเอง เรามีหน้าที่ประคับประคองช่วยดูแลแนวทางให้เขาเดินไปด้วยตนเอง

       ส่วนครูที่โรงเรียน เนื่องจากเราไม่ได้อยู่กับเขาทั้งวัน ก็ต้องตระเวนหา จริง ๆ แล้วไม่ได้ต้องการโรงเรียนดัง ๆ แต่ต้องการสิ่งแวดล้อมดี ๆ ให้ลูก เพราะคนที่เรียนเก่งได้ที่หนึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้เป็นมหาเศรษฐีของโลก ความรู้ในตำรายังต้องมีการพันา เราก็ต้องสอนให้ลูกเราเข้าใจว่า เรื่องการเรียนนั้น เรียนกันตลอดชีวิต

4) หาเพื่อนดี ๆ ให้ลูกคบ
       ข้อสุดท้าย คือหาเพื่อนดี ๆ ให้ลูกคบ ในมงคลสูตร ก็บอกไว้ชัดเจน ไม่คบคนพาลคบบัณฑิต แน่นอนลูกของเราคบคนไม่ดี โอกาสที่ลูกจะไม่ดีก็เกิดตามไปด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสะท้อนออกมาตอนที่เขาไม่อยู่กับเรา เราก็ต้องสังเกตให้ออก แล้วก็ให้คำแนะนำดี ๆ ด้วยเหตุด้วยผล จะไม่เรียกมาห้ามทีเดียว ปกครองเด็กก็ต้องมีกลยุทธ์ ต้องมีลูกล่อลูกชนเหมือนทำธุรกิจเพราะนี่เรากำลัง อนเรื่องพื้นฐานการเลือกคบคนให้ลูก ซึ่งก็จะเป็นมุมสะท้อนมาสู่ตัวเราว่า แล้วเราเลือกคบเพื่อนอย่างไร

       บางคนส่งลูกไปเรียนเมืองนอก ได้ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ว่าพอกลับมาแล้ว เขาไม่เชื่อคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เชื่อเรื่องชาตินี้ชาติหน้าเขาไม่สนใจ ไปได้มิจฉาทิฏฐิกลับมา เขาได้ความคิดนี้มาจากที่ใด ก็ได้มาจากเพื่อนที่เขาไปเรียนต่างประเทศ

   พอเขากลับมาทำงานในสิ่งแวดล้อมแบบวันธรรมไทย เขาพูดจาไม่มีสัมมาคารวะไม่รู้กาลเทศะ ใครในที่ทำงานย่อมไม่ให้การยอมรับ แม้จะมีการศึกษาสูงเพียงใดก็ตามเมื่อสังคมไม่ยอมรับ เขาทนอยู่ไม่ได้ก็เลยลาออก แล้วก็รู้สึกล้มเหลว เพราะเขาไม่รู้หรอกว่าความรู้ในตำราอย่างเดียวไม่พอ ต้องรู้กิริยามารยาทและกาลเทศะด้วย

    ดังนั้นการจะป้องกันไม่ให้ลูกเสียคน ก็ต้องสร้างสิ่งแวดล้อมทั้ง 4 อย่างนี้ให้แก่ลูกแล้วลูกก็จะเติบโตมาอย่างผู้ที่มีความคิด คำพูด การกระทำของมาตรฐานคนดีอยู่ในตัวและเราจะสามารถปล่อยให้เขาบินจากอ้อมอกเราไปสู่โลกกว้าง โดยไม่ต้องเป็นห่วงว่า เขาจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยตัวของเขาเอง หรืออาจพูดสรุปแบบสั้น ๆ ง่าย ๆ เป็นภาษาชาวบ้านว่า "พ่อแม่หมดห่วง" นั่นเอง

 

*----------------------------------------------------------------------------------------------------------*
หนังสือ PD 001 หลักการสร้างความสุขในครอบครัว
หนังสือเรียน หลักสูตร Pre-Degree

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.025726866722107 Mins