บูชา
บูชา หมายถึง การแสดงความนอบน้อมเคารพนับถือ เชื่อฟัง และพร้อมจะปฏิบัติตามด้วยดวงจิตที่เทิดทูนคุณไว้อย่างสูงสุด ซึ่งการบูชาแบ่งออกได้เป็น 2 อย่าง คือ
1. อามิสบูชา บูชาด้วยอามิส คือ การแสดงความยอมรับและนับถือด้วยการนำสิ่งของ เช่น ข้าว น้ำ เครื่องอุปโภคบริโภคต่าง ๆ รวมถึงดอกไม้และธูปเทียน เป็นต้น มามอบให้ด้วยความเคารพ
2. ปฏิบัติบูชา บูชาด้วยการปฏิบัติตาม คือ การแสดงความยอมรับนับถือด้วยการเชื่อฟังและพร้อมที่จะปฏิบัติตาม เช่น การทำความดีเพื่อความปลาบปลื้มของมารดาบิดา หรือการปฏิบัติตามคำ อนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นต้น
สรุป บูชาทั้ง 2 ประการนี้ พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญปฏิบัติบูชาว่าเป็นเลิศกว่าการบูชาอย่างอื่น เพราะสามารถยังประโยชน์สูงสุดให้เกิดแก่ผู้บูชาได้ อีกทั้งเป็นการดำรงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ต่อไป
ตัวอย่างอามิสบูชา อานิสงส์บูชาด้วยดอกบัว
ชีวิตที่มีคุณค่าและมีความหมาย คือชีวิตที่ผ่านไปพร้อมกับการสั่งสมบุญบารมี พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลาย กว่าจะได้บรรลุวัตถุประสงค์ของชีวิต ท่านก็สั่งสมบุญเรื่อยมา มิได้หยุดพักเลยทั้งการทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เมื่อได้เข้าถึงความเต็มเปียมของชีวิตแล้ว อาศัยปุพเพนิวาสานุสติญาณมองย้อนกลับไปดูการสร้างบารมีที่ผ่านมา จะเห็นแต่ภาพประวัติศาสตร์ชีวิตอันงดงาม นำมาซึ่งความปีติและภาคภูมิใจ
ชีวิตของพวกเรานักสร้างบารมีก็เช่นเดียวกัน จะต้องดำเนินตามอย่างพระพุทธองค์ จึงจะเป็นชีวิตที่ สมบูรณ์และประเสริฐสุด เกิดมาเพื่อสร้างสันติสุขให้บังเกิดขึ้นแก่โลกอย่างแท้จริง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในสังยุตตนิกาย สคาถวรรค ว่า
"ผู้ที่เกิดมาแล้วจำต้องตายในโลกนี้ ย่อมทำกรรมอันใดไว้ คือเป็นบุญ และเป็นบาปทั้งสองประการ บุญและบาปนั้นแล เป็นสมบัติของเขา และเขาจะพาเอาบุญและบาปนั้น
ไปสู่ปรโลก อนึ่ง บุญและบาปนั้น ย่อมเป็นของติดตามเขาไปประดุจเงาติดตามตัวไป ฉะนั้น เพราะฉะนั้น บุคคลพึงทำกัลยาณกรรมสะสมไว้เป็นสมบัติในปรโลก เพราะว่าบุญทั้งหลาย ย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก"
มนุษย์เท่านั้นที่เกิดมาเพื่อสั่งสมบุญส่วนสัตว์ที่เหลือส่วนใหญ่แล้ว จะเกิดมาเพื่อเสวยผลกรรมที่เคยประกอบเอาไว้ในอดีต ถึงจะเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย หรือสัตว์เดรัจฉาน ต้องรับใช้ผลกรรมที่ก่อเอาไว้ ได้รับแต่ความทุกข์ทรมาน โอกาสสั่งสมบุญให้กับตนเองนั้นยากมากเป็นสัตว์เดรัจฉานที่เรามองเห็นว่ามีความเป็นอยู่ที่ดี ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าของดีกว่าคนจนทั่ว ๆ ไป ก็เป็นได้แค่เพียงสัตว์แสนรู้
จะไปบังเกิดเป็นเทวดา เป็นชาวสวรรค์หกชั้นฟ้าที่มีความเป็นอยู่อันเป็นทิพย์ ปรารถนาอะไรก็สำเร็จได้ด้วยบุญสำเร็จด้วยใจทุกอย่าง รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสอันเป็นทิพย์ไปหมดอายุขัยก็ยืนยาว มีความเป็นหนุ่มสาวอยู่ตลอดเวลา นั่นก็เป็นเพราะผลบุญที่สั่งสมเอาไว้ดีแล้วเกิดมาเพื่อเสวยบุญ แต่โอกาสที่จะสั่งสมบุญให้กับตนเองเต็มที่ ก็ทำได้ยากมาก
เพราะกายอันเป็นทิพย์สร้างบารมีสู้กายมนุษย์ไม่ได้ และยิ่งเมื่อติดในสุขอันเป็นทิพย์เสียแล้ว ก็มองเห็นทุกข์เห็นภัยในสังสารวัฏได้ยากส่วนใหญ่จะมัวประมาท เพลิดเพลินในกามคุณอันเป็นทิพย์เหมือนกัน
จะไปบังเกิดเป็นพรหมผู้มีรัศมีกายที่สว่างไสว เสวยสุขในฌานสมาบัติ มีความเป็นอยู่ที่ประณีตกว่าสุขกว่าชาวสวรรค์มากมายหลายเท่านัก อายุขัยก็ยืนยาวเป็นล้านกัป ๆ แต่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงมาบังเกิดตั้งหลายพระองค์แล้ว ก็ยังไม่จุติ ที่ได้อัตภาพเช่นนั้นก็เป็นเพราะกำลังบุญ กำลังฌาน มาบัติที่ฝึกฝนอบรมจิตเอาไว้เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ จึงมีภพภูมิที่ละเอียดประณีตบังเกิดขึ้นมารองรับ แต่นั่นก็เป็นเพียงการเสวยผลบุญเท่านั้น จะสร้างบารมีให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปเหมือนมนุษยโลกก็ทำได้ยาก
เพราะฉะนั้น เมื่อเราได้อัตภาพเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งหาได้ยากในโลก ดังพุทธพจน์ที่ว่า กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ การได้อัตภาพเป็นมนุษย์เป็นการยากแล้ว ก็ควรหาโอกาสั่งสมบุญให้เต็มที่ เพราะมนุษย์เท่านั้น ที่เกิดมาเพื่อสร้างบารมี ไม่ได้เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม หรือปล่อยชีวิตไปวัน ๆ ให้กระแสของบาปดึงไปอย่างเดียวเท่านั้น และก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อการอื่นด้วยเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง มาเพื่อสั่งสมบุญ เมื่อบารมีเต็มเปียมแล้ว จะได้ปราบมารประหารกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ พ้นจากความเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร
เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้วจะได้ไม่ประมาท ไม่ปล่อยชีวิตไปวัน ๆ ให้ไร้สาระเหมือนสวะลอยน้ำแล้วแต่กระแสน้ำจะพัดพาไป หาจุดหมายปลายทางไม่ได้ มีบุญอะไรที่อยู่ในวิสัยที่เราพอจะทำได้ ก็ทำให้เต็มที่เต็มกำลัง ไม่ว่าจะเป็นบุญเล็กบุญน้อยก็เก็บเกี่ยวไปเรื่อย ๆ เมื่อมีบุญใหญ่บุญพิเศษมาถึงให้เราได้ทำ ก็อย่าได้ปล่อยผ่านเลยไป เพราะบุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งของเราทั้งในโลกนี้และโลกหน้า บุญนี่แหละจะทำให้เราเข้าถึงความเต็มเปียมของชีวิต ดังตัวอย่างดังนี้
ในสมัยของพระปทุมุตตรพุทธเจ้า พระองค์ทรงอุบัติขึ้นเพื่อนำ แสงสว่างแห่งธรรมไปจุดประกายในดวงใจของมวลมนุษยชาติ ทำให้มีพระอริยสาวกทั้งมนุษย์และเทวาได้บรรลุธรรมาภิสมัยกันมากมายนับไม่ถ้วน ในสมัยนั้น มีนายมาลาการอยู่ท่านหนึ่ง ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยพระอรหันตสาวก กำลังเที่ยวเสด็จไปบิณฑบาตในนครหังสวดี ก็บังเกิดความศรัทธาเลื่อมใสอยากจะถวายภัตตาหารแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ก็ไม่มี เพราะเป็นคนยากจน มีแต่ดอกบัว 3 ดอกที่เก็บมาจากทุ่งนา
แต่ด้วยจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัย นายมาลาการจึงสอนตัวเองว่า ถ้าเอาดอกไม้นี้ไปขาย ก็จะได้รับทรัพย์มาอย่างมากก็เพียงไม่กี่มาสก ถ้าถวายดอกบัวกับพระโลกนาถเจ้า ย่อมจะได้อริยทรัพย์คืออมตมหานิพพาน ทรัพย์นี้จะติดตามตัวเราไปข้ามภพข้ามชาติ ไม่ทำให้เราตกไปในอบายภูมิ วรรค์สมบัติและนิพพานสมบัติจะบังเกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอน ทรัพย์จากการขายดอกบัวเป็นทรัพย์ที่ไม่ถาวร แต่ถ้าได้ถวายกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะได้ทรัพย์ที่ติดตามตัวไปข้ามภพข้ามชาติ เราต้องรีบถวายดอกบัวบูชาพระรัตนตรัย ก่อนที่ความเลื่อมใสของเราจะสั่นคลอน
เมื่อสอนตัวเองได้อย่างนั้นแล้ว จึงยกดอกบัว 3 ดอกขึ้นพนม ทำการนอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วก็อธิษฐานจิตพร้อมกับซัดดอกไม้ให้ไปทางพระบรมศาสดา ด้วยจิตเลื่อมใสอันไม่มีประมาณของนายมาลาการในครั้งนั้น และด้วยพุทธานุภาพ ทำให้ดอกบัวลอยขึ้นไปในอากาศ กลายเป็นดอกบัวขนาดใหญ่ มีขั้วอยู่ข้างบน ดอกห้อยลงข้างล่าง คลี่กลีบบานเป็นร่มยักษ์บนอากาศ ให้ความร่มเย็นกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและหมู่ภิกษุสงฆ์ ชาวพระนครเห็น ดังนั้น ก็เกิดอัศจรรย์ใจไปตาม ๆ กัน ได้เปล่งเสียงอนุโมทนาสาธุการก้องพระนคร
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุโมทนา พร้อมกับตรัสในท่ามกลางมหาสมาคมว่า มาณพใดได้บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยดอกบัวแดงนี้ มาณพนั้นจักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลกตลอดสามหมื่นกัป และจักได้เป็นจอมเทพเสวยทิพยสมบัติอยู่ 30 ครั้ง จักมีวิมานชื่อมหาวิตถาริกะในเทวโลกสูง 300 โยชน์ กว้าง 150 โยชน์ พวงดอกไม้ 400,000 พวง ที่เทวดาเนรมิตอย่างสวยงาม จะตามห้อยอยู่ที่ปราสาทอันวิจิตรและจะประดับบนที่นอน นางเทพอัป รแสนโกฏิมีรูปร่างงดงาม ฉลาดในการฟ้อนรำ การขับร้องและการประโคม จักมาเป็นบริวาร คอย
แวดล้อมอำนวยความสะดวกทุกอย่าง
ฝนดอกไม้ทิพย์มีสีแดง จักตกลงในวิมานอันประเสริฐ ที่เกลื่อนกล่นด้วยหมู่เทพนารีแก้วปัทมราชซึ่งเป็นทับทิมเปล่งแสงแวววาว จักห้อยอยู่ตามฝาผนัง บานประตู ตามต้นเสาของวิมาน เหล่านางเทพอัปสรจักพากันปูลาด และห่มด้วยใบบัวอันเป็นทิพย์ พักผ่อนอยู่ภายในวิมานอันประเสริฐที่ดารดาษด้วยใบบัว ดอกบัวแดงจะเบ่งบานแวดล้อมวิมาน แล้วส่งกลิ่นหอมตลบไปประมาณร้อยโยชน์ และในภพสุดท้าย จักได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในสมัยของพระสมณโคดมพุทธเจ้า
คำพยากรณ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น กลายเป็นจริงทุกอย่าง เมื่อพระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ใครแล้ว ก็จะไม่กลายเป็นอื่น เพราะพุทธญาณเป็นญาณทัสสนะที่บริสุทธิ์ล่วงความเห็นของมนุษย์ ทิพย์ พรหม อรูปพรหม ทรงเห็นแจ้งทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตสามารถกำหนดรู้ถึงบุพกรรมและผลวิบากของผู้ที่ทำกรรมเอาไว้ เพราะฉะนั้นมาณพท่านนี้ เมื่อละโลกไปแล้ว ก็ได้เสวยสุขในสวรรค์ มีวิมานทองเป็นรูปดอกบัวสว่างไสว กลิ่นดอกบัวหอมฟุ้งไปทั่วเทวโลก ละจากอัตภาพนั้น ยังได้มาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 75 ครั้ง เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณานับมิได้ ทำให้มีโอกาสได้สั่งสมบุญให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ท่านได้เสวยสมบัติอันเป็นของมนุษย์และของทิพย์ เป็นผู้ปลอดกังวลในทุกภพทุกชาติ
พอมาในภพชาตินี้ อานิสงส์ของการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยดอกบัวในครั้งนั้นยังส่งผลให้ท่านได้มาฟังธรรมแล้วออกบวช เพียงไม่นานก็สามารถที่จะทำใจให้หยุดนิ่งหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ได้ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยฤทธานุภาพ ท่านได้บรรลุวิชชา 3 วิชชา 8 ปฏิสัมภิทาญาณ 4 วิโมกข์ 8 อภิญญา 6 ที่น่าอัศจรรย์อีก เวลาท่านเดินไปที่ไหนจะปรากฏเหมือนมีดอกบัวเบ่งบานอยู่เหนือศีรษะของท่าน แม้เดินอยู่ในที่กลางแจ้งก็เหมือนอยู่ในที่ร่มตลอดเวลา เป็นเพราะอานิสงส์ในการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยดอกบัว
เพราะฉะนั้น ถ้านักศึกษาท่านใดอยากได้บุญพิเศษ บุญจากการบูชาพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด ก็ให้เอาดอกบัวหรือดอกมะลิไปบูชาพระกัน โดยเฉพาะนักศึกษาท่านใด มีโอกาสไปนมัสการมหาธรรมกายเจดีย์ ก็ให้เอาดอกบัว ซึ่งเป็นดอกไม้แห่งการตรัสรู้ธรรมมาบูชาพระเจดีย์กัน
มหาธรรมกายเจดีย์เป็นเจดีย์แห่งพระรัตนตรัย เมื่อบูชานอบน้อมด้วยจิตที่เลื่อมใสเป็นพุทธบูชา จะทำให้ได้บุญใหญ่เหมือนท่านปทุมิยเถระ ที่มีดอกบัวเบ่งบานอยู่บนกระหม่อมของท่านตลอดเวลา อานิสงส์นี้จะส่งผลให้ผู้ที่บูชามีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไป และได้บรรลุมรรคผลนิพพานอย่างง่ายดายเป็นอัศจรรย์
1.1 ผู้ได้ชื่อว่าปฏิบัติบูชาที่แท้จริง
ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นของละเอียดลึกซึ้งยากต่อการเข้าถึง แต่ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับผู้มีบุญทั้งหลายที่น้อมไปในคำสอนของพระพุทธองค์ เมื่อคราวที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ใหม่ ๆ ทรงมีพระทัยขวนขวายน้อย น้อมไปทางที่จะไม่สอนเพราะพระพุทธองค์ทรงเห็นสรรพสัตว์ทั้งหลายถูกอวิชชาครอบงำจิตใจโดยมาก แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงพิจารณาเห็นว่า บัว 4 เหล่านั้นยังมีบัวพ้นน้ำที่เบ่งบาน ได้รับแสงของอรุณ จึงน่าจะมีบุคคลสามารถตรัสรู้ธรรมตามพระองค์ได้ เมื่อพิจารณาเห็นดังนั้น ทรงเปิด
เผยธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่ยากต่อการเข้าถึงให้แก่ รรพสัตว์ทั้งหลายได้ดื่มรสอมตธรรมจนมาถึงทุกวันนี้
บัดนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาเอกของโลก ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานนานถึง 2,500 กว่าปีแล้ว พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ก็คงยังนำสันติสุขมาสู่มวลมนุษยชาติอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใดที่ยังมีผู้ประพฤติปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธองค์และก็ยังได้ชื่อว่า เป็นการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นบรมครูด้วยการบูชาอย่างยิ่งถึงแม้ว่าพระพุทธองค์จะเสด็จดับขันธ์ไปแล้วก็ตาม ยังเป็นที่สรรเสริญและอนุโมทนาของบัณฑิตผู้รู้ทั้งหลาย
ดังนั้น ทุกท่านควรตั้งใจทำใจหยุดใจนิ่งตลอดเวลา ให้เข้าถึงองค์พระให้ได้ แล้วเราจะได้ชื่อว่า บูชาพระพุทธองค์อย่างแท้จริง เป็นการปฏิบัติบูชาอันประเสริฐสูงสุด
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในเทวหิตสูตร สคาถวรรค ว่า ผู้ใดรู้ขันธ์ที่เคยอาศัยในกาลก่อน เห็นสวรรค์และอบาย บรรลุพระอรหัตอันเป็นที่สิ้นชาติ อยู่จบแล้ว รู้ยิ่ง เป็นพระมุนีพึงให้ไทยธรรมในผู้นี้ ทานที่ให้แล้วในผู้นี้มีผลมาก ทักษิณาย่อมสำเร็จแก่บุคคลผู้บูชาอย่างนี้แหละ
การบูชา หมายถึง การทำสักการะด้วยสิ่งของด้วยความเคารพ นบน้อม และด้วยการไหว้เป็นต้น ต่อผู้ที่มีคุณธรรม และต่อผู้มีพระคุณต่อเรา เช่น มารดาบิดา ครูบาอาจารย์ เป็นต้นเป็นการแสดงออกถึงการยกย่องในคุณธรรมของท่าน จากใจที่ใสสะอาดบริสุทธิ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแบ่งการบูชาไว้ 2 ประเภทด้วยกัน คือ อามิสบูชา การบูชาด้วยวัตถุสิ่งของ มีดอกไม้ ธูปเทียน อาหาร ถานที่ เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค เป็นต้น และการปฏิบัติบูชา ได้แก่ การประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ ผู้มีคุณธรรมเพื่อขัดเกลาตัวเองให้มีคุณธรรม ให้เป็นคนดีที่โลกต้องการเช่นเดียวกับพระองค์ท่าน ในการบูชาทั้งสองอย่างนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง รรเสริญการปฏิบัติบูชาว่าดีที่สุด โดยเฉพาะการเจริญสมาธิภาวนา ขัดเกลาจิตใจให้ใสะอาดบริสุทธิ์ ให้ปราศจากกิเลสอาสวะเข้ามาครอบงำ
บุคคลใดก็ตาม ได้มีโอกาสศึกษาธรรมะของพระพุทธองค์ แล้วน้อมนำคำสั่งสอนนั้นมาประพฤติปฏิบัติด้วยความไม่ประมาท ก็สามารถกำจัดกิเลสอาสวะในตัวให้หมดไปได้ดั่งในสมัยที่พระพระพุทธองค์ทรงปลงอายุสังขาร ได้ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลายต่อแต่นี้ล่วงไปอีก 4 เดือน เราตถาคตจะปรินิพพาน
พวกภิกษุที่เป็นปุถุชนยังไม่ได้บรรลุคุณวิเศษอะไร ได้ฟังดังนั้นก็ไม่อาจจะอดกลั้นน้ำตาไว้ได้ ต่างพากันเศร้าโศกเสียใจต่อการจะจากไปของพระพุทธองค์ผู้เป็นบรมครูของโลก เพราะคิดว่าตนเกิดมาในยุคที่พระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่แต่ก็ยังไม่มีคุณวิเศษอะไรแล้วนี่พระพุทธองค์จะดับขันธปรินิพพานแล้ว การกำจัดทุกข์ในสังสารวัฏของพวกตนคงจะเลือนลางเต็มที คิดดังนั้นแล้วภิกษุทั้งหลายก็ได้แต่แบ่งเป็นกลุ่ม ๆ นั่งปรึกษาหารือกันว่าพวกเราจะทำอะไรกันดี
ขณะเดียวกันก็ได้มีพระเถระอยู่รูปหนึ่งชื่อว่าติสสะ ท่านได้มีความคิดที่แปลกออกไปจากภิกษุทั้งหลาย คือท่านคิดว่า อีก 4 เดือนจากนี้ไป บรมครูของเราก็จะปรินิพพานแล้วส่วนตัวเราเองก็ยังเต็มไปด้วยราคะ โทสะ โมหะ ยังไม่บรรลุคุณวิเศษอะไรสักอย่าง การมาบวชในชาตินี้คงจะเสียไปเปล่า อย่ากระนั้นเลยเราจะต้องตั้งใจปฏิบัติธรรมให้บรรลุอรหัตผลให้ได้ ในขณะที่พระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่นี้แหละ
เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว ก็ไม่เข้าไปร่วมปรึกษาหารือกับภิกษุทั้งหลาย หามุมสงบไม่พูดสนทนากับใคร ๆ จะพูดก็พูดเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ได้ตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติธรรมสำรวมกาย วาจา ใจ มีสติสัมปชัญญะในอิริยาบถทั้ง 4 ตลอดเวลา ฝ่ายภิกษุทั้งหลายได้เห็นพฤติกรรมของพระเถระแล้ว ก็ได้พากันไปกราบทูลให้พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบ
พระพุทธองค์จึงรับสั่งให้เรียกท่านมา แล้วได้ตรัสถามเรื่องราวทั้งหมด เมื่อทรงรับทราบความเป็นมาทั้งหมดแล้ว จึงทรงประทานสาธุการแก่พระติ เถระพร้อมกับประทานโอวาทว่า ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดมีความรักในเราตถาคต พึงถือเอาติ ภิกษุนี้เป็นแบบอย่างเถิดเพราะว่าชนเป็นอันมาก แม้จะทำการบูชาเรา ด้วยของหอมและระเบียบดอกไม้เป็นต้น ก็ยังไม่ได้ชื่อว่าบูชาเราอย่างแท้จริง
ส่วนชนทั้งหลายเหล่าใดเป็นผู้ปฏิบัติธรรมตามสมควรแก่ธรรมอย่างสม่ำเสมอ ชนทั้งหลายเหล่านั้นนั่นแหละ ได้ชื่อว่าเป็นผู้บูชาตถาคตด้วยการบูชาอย่างยิ่ง แล้วทรงตรัสต่อไปอีกว่าพระขีณาสพ ดื่มรสแห่งวิเวก รสแห่งความสุข และดื่มรสคือปีติในพระธรรมอยู่ ย่อมเป็นผู้หมดความกระวนกระวาย เป็นผู้ไม่มีบาป เมื่อจบพระธรรมเทศนาพระเถระนั้นก็ได้มีดวงตาเห็นธรรมได้เข้าถึงกายธรรมอรหัต เป็นพระอรหันต์ในพระพุทธศาสนาในทันที
นี่เป็นแบบอย่างให้เราเห็นว่า การปฏิบัติบูชาด้วยการเจริญสมาธิภาวนา หมั่นทำใจหยุดใจนิ่งนั้น เป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตของเรา ถ้าทำการบูชาได้ถูกต้อง ผลที่ได้รับก็ถูกต้องตามพุทธประ งค์ มิฉะนั้นการบูชาที่ทำลงไปนั้นจะมีผลน้อย ผู้มีปัญญาต้องหัดมองว่าทำอย่างไรการบูชาของเราจึงจะได้รับผลประมาณมิได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า การบูชาด้วยอามิสไม่ได้รับผลมาก
การบูชาด้วยอามิสบูชาก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน และก็ต้องทำให้ดีด้วย เพราะเป็นสิ่งเกื้อหนุนในการปฏิบัติบูชา จะทำให้เราปฏิบัติบูชาทำใจหยุดใจนิ่งได้สะดวก ไม่ต้องมากังวลกับสิ่งต่าง ๆ ใจของเราก็จะหยั่งลงสู่ศูนย์กลางกายได้อย่างง่าย ๆ ได้เข้าถึงพระธรรมกายในที่สุด
มีพระภิกษุอีกรูปหนึ่งที่ท่านมุ่งถึงการปฏิบัติบูชาต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระภิกษุรูปนี้มีชื่อว่าพระธรรมารามเถระ แปลว่า ผู้ยินดีในการปฏิบัติธรรม เมื่อท่านทราบว่า อีกไม่นานพระพุทธองค์จะปรินิพพาน ก็มีความคิดว่า ตัวเราเองยังไม่บรรลุคุณวิเศษอะไรเลย อีกไม่นานพระพุทธองค์ก็จะปรินิพพานแล้ว อย่ามัวเสียเวลาเลย เราจะบูชาธรรมพระพุทธองค์ด้วยการปฏิบัติธรรมให้บรรลุอรหัตให้ได้
เมื่อท่านคิดอย่างนั้นแล้วก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ได้หลีกเร้นออกจากหมู่อยู่รูปเดียว หมั่นตรึกระลึกถึงธรรมะ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ ปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องทีเดียว ทำอย่างบุคคลผู้ไร้กาลเวลา ไม่ให้มีความกังวลใด ๆ แทรกซึมเข้ามาในใจของท่านได้ โลกทั้งโลกของท่านมีแต่การทำหยุดในหยุดอย่างเดียว ลมหายใจของท่านเป็นไปเพื่อการหยุดนิ่งเท่านั้น
วันคืนจะผ่านล่วงไปนานแค่ไหน ท่านก็ไม่ได้เกิดความย่อท้อในการประพฤติปฏิบัติธรรมเลย นับวันกำลังใจของท่านก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ไม่ได้ลดน้อยถอยลงไปแม้แต่น้อยจนกระทั่งท่านสามารถทำใจหยุดใจนิ่งได้ นิท ได้เข้าถึงกายในกาย ดิ่งลงไปในเส้นทางสายกลางที่เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา ไม่ถอนถอย จนถึงวันแห่งความ มปรารถนาที่ท่านได้เข้าถึงพระธรรมกาย เป็นพระอรหันต์ในที่สุด
เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบข่าวเรื่องนี้ จึงทรงประทานสาธุการแก่ท่าน แล้วตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาภิกษุผู้มีความรักในเราตถาคต พึงเป็นเช่นกับธรรมารามเถิด เพราะว่าการทำการบูชาด้วยระเบียบและของหอมทั้งหลายนั้น ไม่ชื่อว่าเป็นการบูชาตถาคตอย่างแท้จริงเลย ผู้ใดประพฤติปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม มุ่งทำกิเลสอาสวะในตัวให้หมดสิ้นไปนั้น ผู้นั้นจึงจะได้ชื่อว่า เป็นผู้ปฏิบัติบูชาตถาคตอย่างแท้จริง ภิกษุผู้มีความยินดีในธรรม มีปกติใคร่ครวญธรรม และระลึกถึงธรรมอยู่เป็นนิตย์ ย่อมไม่เสื่อมจากพระสัทธรรมเลย
เห็นไหมว่า การปฏิบัติบูชาถือว่าเป็นมงคลอย่างยิ่ง เพราะเป็นหนทางที่ทำให้เราเข้าถึงความบริสุทธิ์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงสรรเสริญว่า บรรดาการบูชาทั้งหลายในโลก การปฏิบัติบูชาเท่านั้น ที่สามารถดำรงพระธรรมคำสอนของเราตถาคตไว้ได้ตราบนานเท่านานอามิสบูชาเป็นเพียงแค่การบูชาแบบทั่ว ๆ ไป ไม่สามารถที่จะดำรงพระพุทธศาสนาให้ยาวนานไว้ได้
เพราะฉะนั้น การปฏิบัติบูชาโดยการฝึกฝนอบรมตนเหมือนอย่างพระติสสเถระ และพระธรรมารามเถระ เป็นการปฏิบัติบูชาที่สมควรและถูกต้อง ย่อมได้รับการยกย่องสรรเสริญจากผู้รู้ทั้งหลายสิ่งนี้ยังเป็นบุญใหญ่ที่จะติดตามตัวของเราไปข้ามภพข้ามชาติ เป็นคุณสมบัติเฉพาะตัว ที่ใครก็มาแย่งไปจากเราไม่ได้ เมื่อนักศึกษาเข้าใจดีแล้ว ก็ให้หมั่นประพฤติปฏิบัติธรรมหมั่นทำใจหยุดทำใจนิ่งให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ จึงจะได้ชื่อว่า ทำการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการปฏิบัติบูชาอย่างแท้จริง
1.2 บูชาพุทธะ พบพระภายใน
นับจากก้าวแรกของชีวิตที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์จนถึงปัจจุบัน หากเราย้อนความทรงจำไปในอดีต เราจะพบทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีที่ทำผ่านมา ถ้าเป็นสิ่งที่ดีก็ทำให้จิตใจเบิกบาน สดชื่นหรือเราอาจรู้สึกหงุดหงิดกับการกระทำที่ไม่ดีของเราเอง ดังนั้นถ้าพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วหากพบว่าสิ่งใดเป็นบาปอกุศล ก็ให้ตัดทิ้งไป คงไว้แต่ความดี นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เราจะสร้างแต่ความดีเพื่อพบสุขในบั้นปลาย ดีกว่าตามรอยกิเลสแล้วเสวยทุกข์ในวันข้างหน้า ขอให้เราอดทนก้าวเดินไปบนเส้นทางแห่งความดี พร้อมกับหมั่นทำใจให้หยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายสักวันหนึ่งเราจักก้าวถึงบันไดขั้นสูงสุด ได้บรรลุถึงฝังแห่งพระนิพพานอันเป็นเอกันตบรมสุขอย่างแน่นอน
มีวาระพระบาลีในปัจจุปัฏฐานสัญญกเถราปทาน ว่า
"ผู้ใดพึงบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลก ยังดำรงพระชนม์อยู่ก็ดี พึงบูชาพระธาตุแม้ประมาณเท่าเมล็ดผักกาดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแม้นิพพานแล้วก็ดี เมื่อจิตอันเลื่อมใสของผู้นั้นเสมอกัน บุญก็มีผลมากเสมอกัน"
การบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือเป็นการบูชาอันสูงสุด เพราะพระองค์เป็นสุดยอดของบรรดาผู้ควรบูชาทั้งหมด เสมือนเขาพระสุเมรเป็นประมุขของบรรพตทั้งหลาย ดวงสุริยาเป็นเลิศกว่าหมู่ดาราทั้งปวงมหาสมุทรกว้างใหญ่กว่าสายธารทั้งหลายส่วนพระบรมศาสดาทรงเป็นเลิศกว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกทั้งปวง พระองค์ทรงเป็นเลิศกว่าบรรดาผู้มีความบริสุทธิ์ ทรงมีพระปัญญาเลิศกว่าบัณฑิตนักปราชญ์ทั้งหลาย อานิสงส์แห่งการบูชาพระพุทธองค์จึงยิ่งใหญ่ไพศาล จะนับจะประมาณมิได้
ชาวโลกอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้ศึกษาพุทธประวัติ และธรรมะของพระพุทธองค์ เมื่อไม่ได้ศึกษาก็ยังไม่เลื่อมใสครั้นได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับพุทธานุภาพ จึงเกิดความสงสัย ดังเช่น พระเจ้ามิลินท์ที่ งสัยเกี่ยวกับอานิสงส์แห่งบุญที่เกิดจากการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ได้ตรัสถามพระนาคเสนเถระว่า "ข้าแต่พระนาคเสน พวกเดียรถีย์กล่าวว่า ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงยินดีต่อการบูชาอยู่ ก็ยังไม่ชื่อว่าปรินิพพาน ยังข้องเกี่ยวอยู่กับโลก ยังติดอยู่ในโลกยังสาธารณะอยู่กับโลก การบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่เป็นหมัน ยังมีผลอย
ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ไม่ข้องเกี่ยวกับโลกแล้ว หลุดพ้นไปจากภพทั้งปวงแล้ว การบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะผู้ปรินิพพานแล้วย่อมไม่ยินดีต่อสิ่งใด การบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ไม่รู้จักยินดี ก็เป็นหมัน ไม่มีผลอันใดข้าแต่พระคุณเจ้า ปัญหานี้ มีเงื่อนงำ ไม่ใช่วิสัยของผู้มีความคิดสติปัญญาน้อยเลย เป็นวิสัยของผู้มีความคิดสติปัญญามาก ขอให้พระคุณเจ้าจงทำลายความสงสัย และทำปัญหานี้ให้กระจ่างด้วยเถิด"
พระนาคเสนเถรเจ้าตอบว่า "ขอถวายพระพร พระตถาคตเจ้าปรินิพพานแล้วจริงเมื่อพระองค์ยังไม่ดับขันธปรินิพพาน ก็ไม่ทรงยินดีต่อการสักการบูชา เพราะได้ทรงสละความยินดีได้แล้วที่ภายใต้ควงไม้ศรีมหาโพธิ์ ไม่ต้องกล่าวถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ข้อนี้ มกับที่พระสารีบุตรผู้เป็นพระธรรมเสนาบดีได้กล่าวไว้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้อันเทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายสักการบูชาแล้ว ย่อมไม่ทรงยินดีต่อสักการบูชาเลย อันนี้เป็นธรรมดาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอถวายพระพร"
พระเจ้ามิลินท์ตรัสแย้งว่า "ธรรมดาบุตรก็ย่อมสรรเสริญบิดา บิดาก็ย่อมสรรเสริญบุตร ข้อนี้ไม่เป็นเหตุให้ข่มขี่ถ้อยคำของผู้อื่นได้ ข้อนี้ยังเชื่อถือไม่ได้ ขอพระคุณเจ้า ได้วิสัชนาให้แจ่มแจ้งกว่านี้ด้วยเถิด" พระเถรเจ้าตอบว่า "ขอถวายพระพร พระตถาคตเจ้าได้ทรงดับขันธปรินิพพานแล้วก็จริง พระตถาคตเจ้าย่อมไม่ทรงยินดีการบูชา แต่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย กระทำพระอัฐิธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ไม่รู้จักยินดี ผู้ปรินิพพานแล้ว ให้เป็นอารมณ์ และปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ย่อมได้สมบัติ 3 ประการ เหมือนกองไฟใหญ่ ถึงจะยังลุกโพลงอยู่ก็ไม่ยินดีต่อเชื้อ คือ หญ้าและไม้ ไม่ต้องพูดถึงเมื่อไฟดับไปแล้ว เพราะไฟไม่มีเจตนาจะยินดี
อย่างไร เมื่อไฟดับไปแล้ว โลกก็ยังไม่สูญจากไฟ เพราะยังมีไม้เป็นวัตถุที่จะให้เกิดไฟขึ้นได้พวกที่ต้องการไฟก็เอาไม้มาสีกัน และทำให้เกิดไฟขึ้นใหม่ได้ ขอถวายพระพร ถ้อยคำของพวกเดียรถีย์ที่ว่า การบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ไม่รู้จักยินดี เป็นหมัน ไม่มีผลนั้น จึงผิดไป เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าย่อมรุ่งเรืองอยู่ในหมื่นโลกธาตุด้วยพระพุทธรัศมี เหมือนกับกองไฟใหญ่ที่มีคุณฉะนั้น
ขอถวายพระพร ไฟที่ดับแล้ว ย่อมไม่ยินดีต่อเชื้อ คือ หญ้าและไม้ฉันใด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ทรงยินดีต่อเครื่องสักการบูชาฉันนั้น เมื่อไฟดับแล้ว มนุษย์เอาไม้มาสีไฟให้เกิดขึ้นได้อีกฉันใด เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายนึกถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแม้ปรินิพพานแล้ว ผู้ไม่รู้จักยินดี และปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ย่อมได้สมบัติ 3 ประการ คือ มนุษย์สมบัติทิพยสมบัติ และนิพพานสมบัติ ฉันนั้น มหาบพิตร การสักการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ปรินิพพานแล้ว ผู้ไม่ทรงยินดีต่อสิ่งใด จึงไม่เป็นหมัน แต่มีผลมาก
มนุษย์ทั้งหลายไม่ได้ยินดีให้โรคเกิดขึ้นในร่างกายของตน แต่ที่เกิดขึ้นเพราะบาปอกุศลที่ตนทำไว้ในปางก่อน เพราะฉะนั้นกุศลกรรมและอกุศลกรรมที่เขาทำไว้ในชาติก่อนก็ดีในชาตินี้ก็ดี ต้องไม่เป็นหมัน ยังมีผลอยู่เหมือนกัน นี้ชี้ให้เห็นว่า การบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ดับขันธปรินิพพานแล้ว ก็ไม่เป็นหมัน ยิ่งมีผลมาก
นันทกยักษ์มีจิตประทุษร้ายต่อพระสารีบุตรเถรเจ้า เขาถูกแผ่นดินสูบ พระเถระไม่ได้ยินดีให้นันทกยักษ์ถูกแผ่นดินสูบเลย เพราะท่านได้ตัดมูลเหตุที่ก่อให้เกิดความยินดียินร้ายแล้ว ถึงจะมีผู้ทำลายชีวิตของท่าน ท่านก็ไม่โกรธ แต่ที่นันทกยักษ์ถูกแผ่นดินสูบ เพราะอกุศลกรรมของเขาแรงกล้ามาก เพราะฉะนั้นการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ไม่รู้จักยินดี ก็ไม่เป็นหมัน ยังมีอานิสงส์อยู่ เพราะกุศลกรรมเป็นของแรงกล้าเช่นกัน
ดังในสมัยของพระอัตถทัสสีพุทธเจ้า มียักษ์ตนหนึ่งเป็นยักษ์ชั้นต่า แต่มีจิตใจสูงส่ง เพราะมีจิตเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อยากไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ยังไม่มีโอกาสเพราะมีเทวดาและยักษ์ที่มีศักดิ์ใหญ่มากมาย แต่ยังปรารถนาที่จะฟังธรรม ยักษ์ตนนี้จึงได้แต่รอโอกาสที่จะไปกราบถวายบังคม รอไปหลายหมื่นปี จนพระบรมศาสดาเสด็จดับขันธปรินิพพาน
ยักษ์ตนนี้เสียใจว่า ตัวเองบุญน้อย ไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์แม้สักครั้งเดียวพระอัครสาวกชื่อว่าสาคระ เห็นยักษ์ตนนั้นกำลังเศร้าโศก จึงได้ปลอบโยนและเทศน์ให้ฟังว่า "ผู้ใดพึงบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลก ยังดำรงพระชนม์อยู่ก็ดี พึงบูชาพระธาตุแม้ประมาณเท่าเมล็ดผักกาดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้นิพพานแล้วก็ดี เมื่อจิตอันเลื่อมใสของผู้นั้นเสมอกัน บุญมีผลมากเสมอกัน เพราะฉะนั้นท่านจงบูชาพระสถูปเจดีย์ของพระชินเจ้าเถิด
ยักษ์ฟังแล้วเกิดแรงบันดาลใจ ได้แวะเวียนไปกราบไหว้พระเจดีย์ และทำจิตให้เลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจริญพุทธานุสติมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ทั้งวันและคืน ทำเช่นนั้นตลอด 5 ปี ครั้นละจากอัตภาพนั้นแล้ว ได้ไปบังเกิดในสวรรค์เป็นเวลายาวนาน ในกัปที่ 700 นับจากภัทรกัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีพระนามเดียวกันถึง 4 ครั้งว่า ภูริปัญญาสมบูรณ์ด้วยแก้ว 7 ประการ และตั้งแต่นั้น ท่านไม่เคยไปเกิดเป็นยักษ์อีก ได้เวียนวนอยู่ในสุคติภูมิเพียงอย่างเดียว
นี่เป็นอานิสงส์ที่เกิดจากการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งแม้จะดับขันธปรินิพพานไปแล้ว อานิสงส์แห่งความเลื่อมใสนั้น ก็ไม่ลดน้อยถอยลงไป ผลนั้นยังส่งต่อมาถึงภพชาติสุดท้ายทำให้ท่านได้ออกบวชและบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในที่สุด เพราะฉะนั้น ให้ลูก ๆ ทุกคนหมั่นทำใจให้เลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และหาโอกาสไปนมั การพระเจดีย์หรือพระ ถูปต่าง ๆ ที่เนื่องด้วยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือหากสะดวกจะมานมัสการมหาธรรมกายเจดีย์ที่เราได้ช่วยกันสถาปนาขึ้นมา อานิสงส์นี้ย่อมทำให้เราได้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในโดยเร็วพลันกันทุกคน
*----------------------------------------------------------------------------------------------------------*
หนังสือ PD 007 พุทธธรรมทีปนี 1
หนังสือเรียน DOU หลักสูตร Pre-Degree