ระเบียบปฏิบัติของชาวพุทธ
ระเบียบปฏิบัติการบูชาพระประจําวัน
การน้อมระลึกถึงพระผู้มีพระคุณและอุปการคุณ
เมื่อกล่าวคําแผ่เมตตาจบแล้ว พึงตั้งใจน้อมระถึกถึงพระคุณของบิดามารดาผู้บังเกิดเกล้าของตนกล่าวคือ ท่านเป็นผู้ได้ให้กําเนิดแก่ตนมา ท่านได้มีเมตตากรุณาอุปถัมภ์คํ้าชู เลี้ยงดูตนมาทั้งแต่เริ่มถือปฏิสนธิในครรภ์จนกระทั้งเติบใหญ่ ท่านได้อุปถัมภ์บํารุงให้มีความสุขความเจริญรุ่งเรืองนานาประการ แล้วหมอบกราบพระคุณของบิดามารดาครั้งหนึ่ง ด้วยการกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์
ต่อแต่นั้น พึงระลึกถึงอุปการคุณของครูอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้แก่ตน แล้วหมอบกราบครั้งหนึ่ง ด้วยการกระพุ่มมือกราบ ไม่ต้องแบมือกราบกับพื้น
ต่อแต่นั้น พึงระถึกถึงบุคคลทั้งหลายผู้ที่มีอุปการคุณแก่ตน โดยได้ช่วยเหลือเกื้อกูลให้ตนมีความสุขความเจริญ แล้วหมอบกราบอีกครั้งหนึ่ง โดยการกระพุ่มมือกราบเช่นเดียวกัน
ครั้นแล้ว ลุกขึ้นนั่งคุกเข่ากราบพระรัตนตรัย ๓ ครั้ง และขณะหมอบกราบทุกครั้ง พึงระลึกถึงพระรัตนตรัยดังกล่าวแล้วเป็นเสร็จพิธีสวดมนต์ก่อนนอน
ในการสวดมนต์ก่อนนอนนี้ ชาวพุทธทั้งหลายผู้เคร่งครัดต่อศาสนา โดยมากนิยมอบรมนั่งสอนลูกหลานทุกคนให้ปฏิบัติเป็นกิจวัตรประจําวัน โดยที่สุดแม้แต่ลูกหลานที่ยังเล็กๆ อยู่ก็สอนให้เข้าห้องพระ กราบพระเสียก่อน แล้วจึงเข้านอน หรือสอนให้กราบพระรัตนตรัยและกราบบิดามารดาครูอาจารย์ลงที่หมอน ๓ ครั้งก่อนแล้วจึงนอนได้
ถ้าชาวพุทธทั้งหลายส่วนมากอบรมนั่งสอนลูกหลานของตนๆ ให้สวดมนต์ไหว้พระ หรือให้กราบพระเสียก่อนแล้วจึงนอนได้เช่นนี้ ย่อมจะเป็นเหตุให้เยาวชนทั้งหลายมีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณและอุปการคุณ ซึ่งจะเป็นเหตุให้เยาวชนทั้งหลายมีหลักที่ยึดเหนี่ยวแห่งจิตใจ และเป็นที่เชื่อแน่ได้ว่า ถ้าเด็กยังมีความเคารพพระรัตนตรัยเป็นหลักแห่งจิตใจอยู่ จะไม่กลายเป็นคนอกตัญญู จะไม่เสียคน ในอนาคตแน่แท้