ระเบียบปฏิบัติการประกอบพิธีกรรม
ระเบียบปฏิบัติการจัดข้าวบูชาพระพุทธ
เหตุผลในการจัดข้าวบูชาพระพุทธ
สมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้ายังทรงมีพระชนม์อยู่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายนิยมนิมนต์พระพุทธเจ้าทรงเป็นประธานพระภิกษุสงฆ์ในพิธีบําเพ็ญกุศลตามบ้านเรือนของตน ๆ ดังมีบาลีว่า "พุทฺธปฺปมุโข ภิกฺขุสงฺโฆ" แปลว่า "พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน" ดังนี้
เมื่อถึงเวลาถวายภัตตาหาร ก็นิยมจัดภัตตาหารถวายแต่พระพุทธเจ้าเป็นพิเศษส่วนหนึ่ง เช่นเดียวกับปัจจุบันนี้ที่นิยมนิมนต์สมเด็จพระสังฆราชไปเป็นประธานสงฆ์ ในพิธีทําบุญงานมงคลตามบ้านเรือนคฤหบดี เมื่อถึงเวลาถวายภัตตาหารก็นิยมจัดภัตตาหารถวายสมเด็จพระสังฆราชเป็นพิเศษส่วนหนึ่ง จัดภัตตาหารถวายพระภิกษุสงฆ์นอกนั้นอีกส่วนหนึ่ง ฉะนั้น
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พุทธศาสนิกชนทั้งหลายก็ยังนิยมอัญเชิญพระพุทธรูปมาตั้งเป็นประธานสงฆ์แทนพระพุทธองค์ในพิธีบําเพ็ญบุญต่าง ๆ ทุกอย่างเช่นเดียวกันกับสมัยพุทธกาล
เมื่อถึงเวลาถวายภัตตาหารก็ยังนิยมจัดภัตตาหารถวายพระพุทธรูปเป็นพิเศษส่วนหนึ่ง และจัดภัตตาหารถวายพระภิกษุสงฆ์อีกส่วนหนึ่ง เช่นเดียวภันกับสมัยพุทธกาลนั้นเอง
ความมุ่งหมายของการจัดข้าวบูชาพระพุทธ
การจัดภัตตาหารถวายพระพุทธรูปนี้ มิใช่จัดไปถวายให้พระพุทธรูปฉันเหมือนอย่างจัดถวายให้พระภิกษุสงฆ์ฉันหรือไม่ใช่จัดไปเซ่นพระพุทธเจ้า เหมือนอย่างจัดอาหารไปเซ่นภูตผีปีศาจ
การจัดภัตตาหารไปถวายพระพุทธรูปนั้น เป็นการจัดไปถวายเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า เช่นเดียวกับการจัดเครื่องสักการบูชาพระรัตนตรัย มีดอกไม้ ธูป เทียน เป็นต้น
การจัดเครื่องสักการบูชาพระรัตนตรัย มีดอกไม้ ธูป เทียน เป็นต้นนั้น ไม่ใช่จัดถวายให้พระรัตนตรัยสูดดมกลิ่นธูปควันเทียน และกลิ่นหอมของดอกไม้ แต่จัดไปเพื่อบูชาพระคุณของพระรัตนตรัย ฉันใด การจัดภัตตาหารถวายพระพุทธรูปก็เพื่อบูชาพระคุณของพระพุทธเจ้า ฉันนั้น
การจัดภัตตาหารบูชาพระพุทธรูปนั้น โดยมีความมุ่งหมายด้วยผลานิสงส์แห่งการบูชาด้วยภัตตาหารนี้ต่อไปในภายหน้าตนจะได้ไม่มีความขาดแคลนด้วยอาหาร ไม่ต้องอดอยาก จะมีความสมบูรณ์พูนสุขด้วยเรื่องอาหาร การบริโภคทุกประการ
วิธีการจัดภัตตาหารบูชาพระพุทธ
ความจริงพระพุทธรูปนั้น เป็นองค์แทนพระพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้าทรงดํารงอยู่ในฐานะเป็นสังฆบิดร คือ ทรงเป็นพ่อของพระภิกษุสงฆ์
การจัดสํารับคาวหวานบูชาพระพุทธ จึงนิยมจัดด้วยสํารับใหญ่ๆ จัดให้ดีกว่า ประณีตยิ่งกว่าจัดถวายพระภิกษุสงฆ์ เพราะเป็นการบูชาพ่อ ควรจะดีกว่า ประณีตกว่าจัดถวายลูกหรืออย่างน้อยก็นิยมจัดแบบเดียวกันกับจัดถวายพระภิกษุสงฆ์
การจัดภัตตาหารคาวหวานสิ่งละเล็กละน้อย ใส่ภาชนะเล็กๆ เช่นเดียวภับจัดอาหารไปเซ่นภูตผีปีศาจนั้น เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง จะเป็นเหตุให้บุคคลที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์และเยาวชนทั้งหลาย อาจเภิดความเข้าใจผิดคิดไปว่าเป็นการจัดอาหารไปเซ่นพระพุทธเจ้า เพราะจัดอย่างเดียวกับจัดไปเซ่นผี
สําหรับภัตตาหารที่จัดไปบูชาพระพุทธนี้ ถ้าจัดเป็นสํารับใหญ่ มีคาวหวานสมบูรณ์อย่างดี อย่างประณีตแล้ว เมื่อลากลับคืนมา ภัตดาหารนั้นย่อมเป็นสิริมงคล น่ารับประทาน ถ้าจัดใส่ภาชนะเล็ก ๆ มีคาวหวานสิ่งละเล็กละน้อยคล้ายกับจัดเซ่นผีแถ้วเมื่อลากลับคืนมา ความรู้สึกของคนเราว่า ไม่ใช่ของสิริมงคลไม่มีใครต้องการรับประทาน
วิธีการถวายข้าวบูชาพระพุทธ
เมื่อพระภิกษุสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จวนจะจบ หรือจบแล้ว พิธีกรนิยมยกสํารับคาวหวานไปตั้งที่หน้าบูชาพระโดยตั้งบนโต๊ะที่มีผ้าขาวปูรอง หรือตั้งที่พื้นมีผ้าขาวปูรอง แล้วเชิญเจ้าภาพหรือประธานพิธีมาทําพิธีบูชา พิธีกรไม่ควรจัดทําการบูชาเสียเอง
เจ้าภาพหรือประธานพิธีพิงนั้งคุกเข่าจุดธูป ๓ ดอก ปักที่กระถางธูปแล้วประณมมือ กล่าวคําบูชาข้าวพระดังนี้
คําบูชาข้าวพระพุทธ
อิมัง สูปะพยัญชะนะสัมปันนัง สาลียัง โภชะยัง สะอุทะกัง วะรัง พุทธัสสะ ปูเชมิฯ
(ข้าวสุกแห่งข้าวสาลีอันสมบูรณ์ด้วยแกงและกับข้าวพร้อมกับน้ำอันประเสริฐนี้ข้าพเจ้าขอบูชาพระพุทธเจ้า) ฯ
เมื่อกล่าวคําบูชาข้าวพระพุทธจบแล้ว นิยมกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง
การลาข้าวพระพุทธ
เมื่อพระภิกษุสงฆ์ฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว เจ้าภาพหรือพิธีกร นิยมจัดการลาข้าวพระพุทธ โดยการนั่งคุกเข่าประณมมือกล่าวคําลาข้าวพระพุทธ ดังนี้
คําลาข้าวพระพทธ
เสสัง มังคะลัง ยาจามิ ฯ
(ข้าพเจ้าทูลขอสิ่งที่เหลืออันเป็นมงคล)
เมื่อกล่าวอําลาข้าวพระพุทธจบแล้ว เมื่อกล่าวอําลาข้าวพระพุทธจบแล้ว นิยมกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง แล้วยกสํารับไปได้