ความสำคัญของการมาฟังสวดพระอภิธรรม

วันที่ 09 กค. พ.ศ.2562

620710_01.jpg
ความสำคัญของการมาฟังสวดพระอภิธรรม
(บทสำหรับให้พระไว้กล่าวให้ญาติโยมฟังก่อนที่จะสวดพระอภิธรรม)
                   

 

              ก่อนที่พวกเราทุกคนจะได้ฟังพระสวดบทพระอภิธรรมนั้น ขอเวลาเพียงสักไม่กี่นาที..เพื่อให้เราได้มาศึกษาเรียนรู้และทำความเข้าใจกันก่อนว่า “ ทำไม..เราถึงต้องมาฟังสวดพระอภิธรรมกันด้วย และบทพระอภิธรรมนั้นมีความสำคัญอย่างไร ” เพราะว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัว และไม่ใช่เรื่องที่ใกล้ตัว แต่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก..ที่เกี่ยวข้องกับตัวเราและผู้ที่นอนอยู่ในโลงโดยตรง เพราะฉะนั้น..จึงอยากให้ทุกคนให้ความสำคัญกับการมาฟังสวดพระอภิธรรมกันในวันนี้

              ซึ่งผู้ที่นอนอยู่ในโลงนั้น..ก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ และเคยมีชีวิตมาก่อนเช่นเดียวกับพวกเรา แต่สุดท้ายแล้ว..ก็ต้องไปนอนอยู่ในโลง เพราะชีวิตก็เป็นอย่างนี้ มันเป็นสัจธรรมที่ทุกคนจะต้องเจอ เพราะฉะนั้น..ผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ในตอนนี้ สักวันหนึ่ง..ตัวเราเองก็ต้องไปนอนอยู่ในโลงเช่นเดียวกัน และเมื่อกลายเป็นผู้ที่ไปนอนอยู่ในโลงแล้ว ตัวเองก็หมดสิทธิ์ในการที่จะสั่งสมบุญ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม..ก็ไม่ควรหมดโอกาสที่จะรับบุญ ซึ่งโอกาสที่จะรับบุญได้นั้น..ก็ต่อเมื่อผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำบุญแล้วก็อุทิศผลบุญไปให้!!!...

             และ ณ ช่วงเวลานี้เอง..บุญที่จะอุทิศไปให้กับผู้ตายได้นั้นก็คือ  บุญที่เกิดจากการฟังสวดพระอภิธรรม..ซึ่งเป็นบทธรรมที่สำคัญมากๆ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเลือกที่จะไปโปรดพุทธมารดา ..  ผู้ให้กำเนิดกายมนุษย์แก่พระองค์ถึงที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เลยทีเดียว และเมื่อบุญนี้เกิดขึ้นแล้ว ผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทั้งหมด..จะได้พร้อมใจกันส่งบุญนี้ไปให้กับผู้ที่นอนอยู่ในโลง

               ซึ่งบุญที่เกิดจากการฟังสวดพระอภิธรรมนั้น..ก็ไม่ใช่แค่สะกดว่า..บอ-อุ-ญอหญิง..บุญ ตามที่เราเคยเข้าใจกันเท่านั้น แต่คำว่า “บุญ” นี้เป็นกระแสธารแห่งบุญที่เกิดขึ้นจริงๆ จากความเคารพเลื่อมใสในการฟังสวดพระอภิธรรม แม้ตัวเรานั้นจะยังไม่เข้าใจความหมายที่พระท่านสวดเลยก็ตาม แต่กระแสธารแห่งบุญนี้ก็จะไหลมารวมเป็นดวงบุญที่ใสสว่างอยู่ที่ศูนย์กลางกายของเรา และทันทีที่เราอุทิศบุญนี้ไปให้กับผู้ที่นอนอยู่ในโลง กระแสธารแห่งบุญนี้ก็ส่งไปถึงยังบุคคลผู้นั้นเลย แล้วก็ไปปรับสภาพความเป็นอยู่ในปรโลกให้ดีขึ้น อีกทั้ง..ยังทาให้กายของผู้ที่ละโลกไปแล้วมีความสวยงามและสว่างไสวยิ่งขึ้นไปจากเดิมอีกด้วย

              ดังนั้น..เมื่อเรามาร่วมงานศพแล้ว เราก็ไม่ควรมาแค่พูดคุยกันเท่านั้น แต่ถ้าอยากจะพูดคุย หรือถามสารทุกข์สุกดิบกันนั้น..ก็ควรจะเป็นช่วงหลังจากที่งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสิ่งที่เราควรจะต้องทำกันในตอนนี้ก็คือ..ทำจิตของเราให้บริสุทธิ์ ว่างๆ และทำใจให้สบายๆ พร้อมที่จะฟังบทพระอภิธรรม และถึงแม้ว่าเรา..จะยังฟังไม่ออกว่าพระท่านสวดอะไร มีความหมายว่าอย่างไร หรือแปลว่าอะไรก็ตาม แต่ก็ให้ตั้งใจฟังด้วยจิตที่เลื่อมใสไปก่อน

                เพราะเคยมีเรื่องราวที่ปรากฏเอาไว้ในอดีต..เกี่ยวกับฝูงค้างคาวที่อยู่ ณ เงื้อมเขาแห่งหนึ่ง..ได้ตั้งใจฟังเสียงพระที่ปลีกวิเวกไปบำเพ็ญสมณธรรมและสาธยายบทพระอภิธรรม แม้ว่าค้างคาวเหล่านั้น..จะไม่รู้เรื่องเลยว่าพระท่านพูดถึงเรื่องอะไรก็ตาม แต่ก็ตั้งใจฟังด้วยความรู้สึกที่สบายใจ เพราะเสียงที่พระสาธยายบทพระอภิธรรมนั้น..เป็นเสียงที่แตกต่างจากเสียงที่เคยได้ยินได้ฟังมาทั้งหมด

              และด้วยความเลื่อมใสในเสียงที่พระท่านสวดบทพระอภิธรรมนี้เอง จึงทำให้หลังจากที่ค้างคาวเหล่านั้น..ละจากโลกนี้ไปแล้ว พวกเขาก็ได้ไปเกิดเป็นชาวสวรรค์ แล้วก็ได้เสวยทิพยสมบัติอยู่ยาวนานถึงพุทธันดรหนึ่ง จวบจนกระทั่งมาถึงในพุทธันดรนี้..พวกเขาก็ได้มาเกิดเป็นมนุษย์และได้บวช แล้วต่อมา..ก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ อีกทั้งยังมีความแตกฉานทางด้านพระอภิธรรมอีกด้วย

                 ดังนั้นจะเห็นได้ว่า..แม้สัตว์เดรัจฉานยังสามารถกลายไปเป็นชาวสวรรค์ และสุดท้ายก็สามารถที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้ เพราะบุญจากการที่ตั้งใจฟังพระสวดบทพระอภิธรรมด้วยจิตที่สบาย..แม้ตัวเองจะยังไม่เข้าใจในเนื้อหานั้นก็ตาม!!!...

                เพราะฉะนั้น..ผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทั้งหมดนี้..ก็ควรที่จะต้องตั้งใจฟังสวดพระอภิธรรมด้วยความเคารพ และฟังด้วยความรู้สึกที่สบายใจ บุญนี้จะได้เกิดขึ้นกับตัวเราทุกๆ คน และหลังจากนั้นแล้ว..ก็จะได้รวมใจกันอุทิศบุญนี้ไปให้กับผู้ที่นอนอยู่ในโลง..ด้วยความรู้สึกสุขใจ สบายใจ และปลื้มใจ

            ซึ่งการที่เราจะได้ฟังพระสวดบทพระอภิธรรมนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นง่ายๆ เพราะว่าจะต้องมีการ บังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน แต่กว่าจะมีการบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นก็ยากมากๆ เพราะพระองค์จะต้องสร้างบารมีมายาวนานอย่างน้อยก็ต้อง 20 อสงไขยแสนมหากัป โดยจะต้องสละทรัพย์ อวัยวะ และชีวิตมานับครั้งไม่ถ้วน

             อีกทั้งกว่าที่ตัวเราจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์..มาพบพระพุทธศาสนา แล้วก็ได้มาฟังสวดพระอภิธรรมอย่างนี้ก็ยากมากๆ มากๆ เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนบนโลกจะได้มีโอกาสแบบนี้ และผู้ที่นั่งกันอยู่ตรงนี้..ก็ล้วนแต่คัดมาจาก 7,000 กว่าล้านคนในโลกเลยทีเดียว โดยคัดเฉพาะผู้มีบุญในระดับที่สามารถฟังสวดพระอภิธรรมได้

                     ดังนั้น..ผู้ที่นั่งกันอยู่ตรงนี้จึงเป็นผู้ที่มีบุญมาก และหากตั้งใจฟังธรรมด้วยความเคารพแล้ว..ก็จะได้อานิสงส์ คือ..จะได้รับความเคารพจากมนุษย์และเทวดาทั้งหลายในทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเรานั้นยังมีชีวิตอยู่ หรือละจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม และบัดนี้!!!..ถึงเวลาแล้วที่ผู้นอนอยู่ในโลงอยากจะปลื้ม และอยากจะได้รับบุญ

                  ดังนั้น..ให้ญาติโยม ทั้งหลายจงตั้งจิตให้เป็นกุศล ทำจิตของเราให้บริสุทธิ์ เกษม มีความสุข และตั้งใจฟังพระสวดบทพระอภิธรรมด้วยความเคารพ..และด้วยจิตที่เลื่อมใสในคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันทุกคนเทอญ. 


โหลดคำกล่าวที่นี่

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.013433766365051 Mins