งูมีขา
เสียงสรวลเสเฮฮาของชายฉกรรจ์ที่อยู่เบื้องหน้า สร้างความดีใจให้กับหนุ่มน้อยเป็นยิ่งนัก เพราะเสียงที่เขาได้ยินนั้นจะทำให้เครื่องดื่มที่อยู่ในมือของเขาได้รับการเปิดให้ลิ้มลองรสชาติเสียที
เมื่อหนุ่มน้อยปรากฏอยู่ต่อหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์ ทำให้พวกเขาเหล่านั้นถึงกับอยากจะโผเข้าไปหา โดยเฉพาะกับเครื่องดื่ม
“เฮ้ย! ทำไมมาช้านัก แถมได้เครื่องดื่มมาขวดเดียวเอง แล้วจะพอกินได้อย่างไร” ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้น
“ได้เครื่องดื่มมาก็บุญแล้ว กว่าจะเซ่นไหว้เสร็จ พวกพี่ๆ ก็รู้อยู่ว่านายข้าจริงจังกับเรื่องนี้ขนาดไหน” หนุ่มน้อยบอกถึงที่มาของเครื่องดื่ม ที่กว่าจะได้มา เขาต้องรอให้เจ้านายไหว้ศาลเจ้าเสร็จเสียก่อน
“นายข้ายังฝากมาบอกพวกพี่ด้วยว่า อย่ากินให้มากเดี๋ยวจะเสียการเสียงาน” หนุ่มน้อยบอกกับเพื่อนฝูงต่างรุ่น
“เฮอะน่า พูดมากเดี๋ยวไม่ได้กินหรอก” ชายฉกรรจ์ร่างผอมแห้งเอ่ยขึ้นอย่างหิวกระหายในเครื่องดื่ม
ทุกคนจึงหยุดพูดก่อนจะหันมามองเครื่องดื่มที่วางอยู่กลางวง
“ข้าว่าเอาอย่างนี้ไหม เครื่องดื่มมีขวดเดียว จะกินตั้งสี่ซ้าห้าคนก็ใช่ที่ เรามาแข่งขันกันดีกว่า ว่าใครจะได้ลิ้มรสและครอบครองเครื่องดื่มขวดนี้” ชายที่มีทีท่าฉลาดที่สุดเอ่ยขึ้น เพื่อนๆ ต่างมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย
ชายผู้ออกความคิดเห็น จึงวางกติกาที่ตนเองถนัดที่สุด เพราะเขารู้ว่าหากทำการแข่งขันไม่มีใครสู้เขาได้ เขายิ้มอย่างมีเลิศนัยก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“พวกเราจะแข่งขันกัน วาดรูปงูไว้บนพื้นคนละ 1 ตัว ใครวาดเสร็จก่อน คนนั้นจะได้ครอบครองเครื่องดื่มขวดนี้"
เพื่อนๆ ที่ไม่ทันความคิดเขาตอบตกลง
การแข่งขันเริ่มขึ้นเมื่อทุกคนจับจองพื้นดินที่โล่งเตียนเพื่อลงมือวาดรูปงู ชายผู้ออกความคิดเห็นมองเพื่อนๆ อย่างนึกขำ เขาก้มๆ เงยๆ อยู่สักพัก รูปงูก็ปรากฏขึ้นอย่างสวยงาม
“เสร็จเสียที” ชายเจ้าเล่ห์คิด ก่อนจะหันไปมองเพื่อนๆ ที่ยังก้มหน้าก้มตาวาดรูปต่อไป ในจำนวนเพื่อนสี่คนมีเพียงชายร่างผอมที่แสดงออกถึงความหิวกระหายในเครื่องดื่มที่สุด วาดรูปงูได้เพียงครึ่งตัว ส่วนเพื่อนคนอื่นยังได้แค่ส่วนหัว ชายเจ้าเล่ห์จึงหันไปมองขวดเครื่องดื่ม นึกกระหยิ่มยิ้มหย่องในใจ
ถึงอย่างไรเครื่องดื่มขวดนี้ต้องเป็นของเขาอยู่วันยังค่ำ ชายเจ้าเล่ห์มองผลงานตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะตัดสินใจไปเติมขางู
"ยังมีเวลาอีกเยอะ ข้าไปเติมขางูดีกว่า” ชายเจ้าเล่ห์คิด
เมื่อเขาไปเติมขางูเสร็จจึงคิดจะไปคว้าขวดเครื่องดื่มเพื่อประกาศชัยชนะแต่แล้ว..
“ในที่สุดข้าก็เป็นผู้พิชิตเครื่องดื่มที่รสชาติเยี่ยมยอดขวดนี้” ชายร่างผอมพูดขึ้น พลางยกขวดเครื่องดื่มซดอย่างกระหาย ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆ ที่มองอย่างอิจฉาโดยเฉพาะชายเจ้าเล่ห์ที่บัดนี้มองรูปงูของตัวเองที่มีขาโผล่พ้นออกมา
“งูบ้านเอ็งหรือมีขา” ชายผู้ชนะมองรูปงูของเพื่อน พลางหัวเราะอย่างชอบใจ
เสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ทุกคนจึงดังขึ้น พลางแย่งขวดเครื่องดื่มอย่างสนุกสนาน ยกเว้นชายเจ้าเล่ห์ที่รู้สึกเศร้าใจกับการกระทำของตนเอง ที่รู้ว่าผลงานของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังต่อเติมในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์จนต้องพ่ายแพ้
“ไม่ต้องเสียใจหรอกเพื่อน มาดื่มกันดีกว่า เครื่องดื่มขวดนี้เพื่อทุกๆ คน"
ชายร่างผอมยังมีน้ำใจแบ่งเครื่องดื่มให้กับเพื่อนๆ โดยลืมความพ่ายแพ้ ชัยชนะและการแข่งขันไป
ชายเจ้าเล่ห์จึงมาสนุกสนานกับเพื่อนๆ ต่อ ถึงเขาจะพ่ายแพ้ แต่มิตรภาพของพวกเขาก็ยังคงอยู่ กลุ่มชายฉกรรจ์จึงตั้งวงสนทนาอย่างสนุกสนานท่ามกลางรูปงูเป็นสักขีพยานในมิตรภาพครั้งนี้
นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า...
หากการลงมือทำอะไรลงไป เมื่อเราแน่ใจในผลงานที่เราสร้างขึ้น ว่าสมบูรณ์เรียบร้อยทุกประการ เราไม่จำเป็นต้องไปปรับปรุงเสริมต่อ เพราะบางครั้งการปรับปรุงนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น นอกจากเสียเวลาแล้ว อาจทำให้เสียงานด้วย