ไตรสิกขา - พระวินัยบัญญัติ

วันที่ 21 ตค. พ.ศ.2564

ไตรสิกขา - พระวินัยบัญญัติ

ไตรสิกขา 


         สิกขาแปลว่า การศึกษา, การเล่าเรียน ในที่นี้หมายถึงข้อที่จะต้องศึกษา, ข้อที่จะต้องปฏิบัติ มี ๓ ประการ จึงเรียกว่า ไตรสิกขา

         ไตรสิกขา เป็นข้อที่ท่านกำหนดไว้สำหรับศึกษาเรียนรู้สำหรับปฏิบัติ คล้ายเป็นหลักสูตรเพื่อเรียนรู้พระพุทธศาสนาสำหรับบรรพชิตคือภิกษุสามเณร และพุทธสาวกทั้งหลายเมื่อเรียนรู้และปฏิบัติตามได้แล้วย่อมได้รับอานิสงส์ได้รับความเจริญก้าวหน้าไปตามลำดับ จนถึงสามารถบรรลุถึงมรรคผลนิพพานได้
         สิกขา ๓ ประการ อันเป็นระดับเบื้องต้นที่สามารถเรียนรู้และปฏิบัติตามได้ทั่วไปนั้น คือ
         ๑. ศีล 
         ๒. สมาธิ 
         ๓. ปัญญา

         ศีล คือ ความสำรวมกายวาจาให้เรียบร้อย การรักษากายวาจาให้อยู่ในสภาวะปกติธรรมดา ไม่ใช้กายวาจาไปทำชั่วพูดชั่วก่อความเดือดร้อนให้แก่ตนและคนอื่น การทำกิจทำหน้าที่ประจำวันอย่างปกติธรรมดาการดำรงอยู่ในกรอบของกฎหมายและระเบียบปฏิบัติในสังคมอย่างปกติโดยการรักษากาย และวาจามั่นคงอยู่ในสุจริตธรรม เช่น รักษาและปฏิบัติตามหลักศีล ๕ เป็นต้น
         สมาธิ คือ ความรักษาใจมั่น การรักษาใจให้สงบนิ่ง ไม่ให้ฟุ้งซ่านระงับใจได้ควบคุมใจได้บรรเทาความเครียดได้
         ปัญญา คือ ความรอบรู้ในกองสังขาร การเข้าใจสภาวะความเป็นจริงของร่างกายว่าตกอยู่ในสามัญลักษณะคือเป็นไปเสมอเหมือนกันหมดเป็นไปตามกฎเกณฑ์ธรรมชาติคือ
         - อนิจจัง ไม่เที่ยง ไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
         - ทุกขัง ไม่ทนอยู่ในสภาพเดิม ไม่หยุดนิ่ง ไม่คงที่
         - อนัตตา ไม่ใช่ตัวตน หาตัวตนที่แท้จริงไม่ได้ไม่อาจบังคับได้

         ไตรสิกขาเช่นนี้เป็นไตรสิกขาระดับต้น ระดับฐานรากอันเป็นพื้นฐานสำหรับดำเนินชีวิตไปตามปกติธรรมดา เพื่อให้เกิดความสุข ความสงบเย็นไม่เบียดเบียนทำร้ายกัน และมีความรู้สึกที่ดีต่อผู้อื่น

         เมื่อสามารถปฏิบัติตามหลักไตรสิกขาเบื้องต้นอย่างนี้ได้ ก็จะสุขสงบ ไม่ก่อเวรภัย ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัย จิตใจก็จะเข้มแข็ง มีวิสัยทัศน์ มองเห็นสภาพความเป็นจริงของชีวิตได้อย่างชัดเจน 

     ไตรสิกขา อีกระดับหนึ่งซึ่งเป็นระดับสูงนั้น เป็นระดับปฏิบัติของภิกษุผู้สละเครือญาติสละสมบัติและความสุขในเพศคฤหัสถ์แล้วออกบวชเพื่อบรรลุถึงมรรคผลนิพพาน ไตรสิกขาระดับนี้มีชื่อเรียกโดยเฉพาะว่า
         ๑. อธิสีลสิกขา
         ๒. อธิจิตตสิกขา
         ๓. อธิปัญญาสิกขา

         ในพระไตรปิฎก มีพระสูตรหลายพระสูตรเช่น สามัญญผลสูตรสุภสูตรได้อธิบายความเรื่องไตรสิกขาไว้อย่างละเอียด เข้าใจได้ง่าย เป็นไปตามลำดับกล่าวโดยสรุปได้ว่า 

         อธิสีลสิกขา คือการปฏิบัติมั่นอยู่ในศีลขันธ์(จุฬศีล มัชฌิมศีล มหาศีล) เป็นผู้มีอินทรียสังวร สำรวมอินทรีย์(ตา หูจมูก ลิ้น กาย ใจ) เป็นผู้
ประกอบพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะและเป็นผู้สันโดษในปัจจัย ๔ มีจีวร เป็นต้น อันเป็นอริยะ แล้วเสพเสนาสนะอันสงัดเช่น ป่า โคนไม้ภูเขาซอกเขา เป็นต้น บำเพ็ญเพียรทางจิตต่อไป

         อธิจิตตสิกขา คือ การบำเพ็ญเพียรทำสมาธิเพื่อให้ใจหยุดนิ่ง หลังจากปฏิบัติมั่นอยู่ในอธิสีลสิกขาแล้ว โดยนั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า นิ่งแน่วอยู่จนกระทั่งละนิวรณ์๕ ได้คือ
         - กามฉันท์ พอใจรักใคร่ในอารมณ์ที่ชอบใจมีรูปเป็นต้น
         - พยาบาท      ความปองร้ายผู้อื่น
         - ถีนมิทธะ      ความที่จิตหดหู่และเคลิบเคลิ้ม
         - อุทธัจจกุกกุจจะ     ความฟุ้งซ่านและรำคาญ
         - วิจิกิจฉา      ความลังเลไม่ตกลงได้
         เมื่อพิจารณาเห็นนิวรณ์๕ ที่ละได้แล้วในตน ย่อมเกิดปราโมทย์เมื่อเกิดปราโมทย์แล้วย่อมเกิดปีติเมื่อมีปีติในใจ กายย่อมสงบ เมื่อกายสงบแล้วย่อมได้เสวยสุข จิตย่อมตั้งมั่น ย่อมสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลกรรม แล้วได้บรรลุฌานสูงขึ้นไปตามลำดับ จากปฐมฌานถึงจตุตถฌาน
         อธิปัญญาสิกขา คือ การที่เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นจิตอ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว หลังจากได้บรรลุฌานแล้วอย่างนี้ย่อมโน้มจิตใจไปเพื่อญาณทัสสนะ จากนั้นก็จะได้บรรลุถึงวิชชาหรือญาณไปตามลำดับ คือ วิปัสสนาญาณ มโนมยิทธิญาณ อิทธิวิธญาณ ทิพยโสตญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ


หน้าที่และความสำคัญของไตรสิกขา
      ไตรสิกขานี้แต่ละอย่างต่างทำหน้าที่ต่างกัน แต่สอดคล้องกันโดยตลอด คือ
      ศีล มีหน้าที่กำจัดกิเลสอย่างหยาบ ที่เกิดขึ้นทางกายและทาง
      วาจา และมีหน้าที่ในการป้องกันวีติกกมโทษ คือโทษที่เกิดจากการล่วงละเมิด
      สมาธิ มีหน้าที่กำจัดกิเลสอย่างกลางอันทำให้เกิดความกลุ้มรุมใจ และมีหน้าที่ปราบปริยุฏฐานกิเลส คือความกลุ้มรุมใจ
      ปัญญา มีหน้าที่กำจัดกิเลสอย่างละเอียดที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน และมีหน้าที่ปราบอนุสัย คือกิเลสที่ฝังอยู่ในสันดาน

      พระวินัยหรือศีลทุกประเภทจัดเป็นสีลสิกขาในระดับต้น ทั้งศีลของภิกษุ ๒๒๗ สิกขาบท ศีลของภิกษุณี ๓๑๑ สิกขาบท ศีลของสามเณร ๑๐ สิกขาบท และศีล ๕ ศีล ๘ ของอุบาสกอุบาสิกา 

      ด้วยเหตุที่ไตรสิกขามีความสำคัญดังกล่าวมานี้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกา จะต้องศึกษาเล่าเรียน จะต้องสำเหนียกรู้และ เข้าใจอย่างถ่องแท้เพื่อรักษาตนให้บริสุทธิ์บริบูรณ์อยู่ในสีลสิกขาเป็นพื้นฐานเพื่อให้มีจิตใจมั่นคง ไม่หวั่นไหวง่าย เพื่อมีปัญญาเห็นจริงในไตรลักษณ์หรือสามัญลักษณะในตน และเพื่อประกาศเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างถูกต้องอันเป็นเหตุให้พระพุทธศาสนาดำรงมั่นคงอยู่ต่อไปตลอดกาลนาน


 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.034423832098643 Mins