หัวใจกัลยาณมิตร
คืนนี้เป็นคืนที่ ๑๙ ของการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมถวายแด่คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย อาตมาขอถือโอกาสบรรยายถึงคุณธรรมของคุณยายฯ เพื่อเป็นกุศโลบาย เป็นแบบอย่างในการประพฤติปฏิบัติธรรม ในการสร้างคุณความดีของท่านสาธุชนให้ยิ่งๆ ขึ้นไปและอยากจะให้ทุกท่านได้เกิดจิตสำนึกและมีปณิธานอันแน่วแน่ที่จะบำเพ็ญตนเป็นกัลยาณมิตร เป็นผู้นำบุญให้สมบูรณ์แบบ แล้วก็ลร้างบารมีให้ได้อย่างคุณยายตลอดไป
คุณยายเป็นกัลยาณมิตรให้กับทุกๆ คนที่มาพบท่านโดยไม่เลือกชาติ ชั้น วรรณะ เผ่าพันธุ์ คนมี หรือคนจนด้วยเป้าหมายอันสูงส่งดุจเดียวกับพระบรมโพธิสัตว์ที่จะรื้อสัตว์ขนสัตว์ ให้ไปถึงที่สุดแห่งธรรม และการที่ท่านได้บำเพ็ญตนเป็นกัลยาณมิตรให้กับทุกๆ คนนั้น สิงหนึ่งที่ ท่านปฏิบัติอย่างเคร่งครัตตลอตมาคือ ท่านจะช่วยสงเคราะห์ทุกๆ คนที่มาหาท่าน
ในช่วงที่ท่านสุขภาพดี ท่านก็เมตตาออกมารับแขกบ่อยๆ แขกของท่านก็มีหลายแบบ บางครั้งท่านเคยปรารภกับอาตมาว่า เขาอุตส่าห์บากบั่นมาหาเราบางคนมีความทุกข์อยากให้ยายช่วย เช่น คุมบุญ ปล่อยสัตว์ ปล่อยปลา แก้ไขโรคภัยไข้เจ็บ ก็ต้องเอากับเขาหน่อย อยากจะช่วยปลดเปลื้องทุกข์ให้กับเขาบ้าง และเมื่อท่านได้ช่วยเขาเหล่านั้น ทุกครั้งท่านก็จะสอนธรรมะไปด้วย ท่านมักจะสอนบ่อยๆ ว่า มนุษย์มีกรรมเป็นของตัว ทำดีได้ดี ทำชั่วได้มชั่ว ความทุกข์ในปัจจุบันก็เพราะกรรมไม่ดีในอดีต ไม่ว่าจะเป็นวันเวลาที่ผ่านมาในชาตินี้ หรือในอดีตชาติ ฉะนั้นต้อง ละชั่วโดยให้มีศีล ๕ อย่างเคร่งครัดให้ทำความดี โดยเข้าวัดทำบุญ ทำทาน ทั้งพระเทศน์ ฟังธรรมะ จะได้รู้จักหนทางสร้างความดีเยอะๆ และทุกวันก็ต้องสวดมนต์นั่งธรรมะ ทำใจให้ใสสว่าง
ช่วงประมาณบ่ายโมงในแต่ละวัน หลังจากคุณยายเสร็จจากการรับประทานอาหารแล้ว ทุกวันท่านมักจะมาเยี่ยมอาตมาที่ครัว มาตรวจงานแถวๆ ครัว อาตมาก็จะเดินไปหา เผื่อว่าท่านจะมีอะไรให้ช่วยปรับปรุงหรือไม่ก็ช่วยชี้แนะอะไรที่จะทำให้ดีขึ้น แต่ถ้ามีแขกมาท่านก็จะรับแขกแทน
วันหนึ่ง อุปัฏฐากคือคุณอารีพันธุ์ไม่ได้มาด้วย คุณยายมาหาอาตมาตามปกติ มีแขกมา ๒ คน เป็นผู้หญิง นั่งรถแท็กซี่เข้ามา คนหนึ่งอายุราวๆ สัก ๔๐ ปีเศษ อีกคนก็ ๓๐ ปีเศษ ดูจากการแต่งกายแล้ว เหมือนไม่เคยมาวัด เพราะสวมใส่เสื้อผ้าหลากสี ดูหน้าตาเหมือนคนมีความทุกข์มาก โดยทั่วไปหากอาตมาเจอแขกที่มาวัดครั้งแรกหรือคนแปลกหน้าก็มักจะรับแขกเสียเอง ไม่อยากให้เจอคุณยายก่อน กลัวคุณยายเหนื่อยคิดว่าเดี๋ยวเราตัดตอนรับแขกเสียเอง แต่วันนี้ไม่ทัน คุณยายเดินมาพอดี เขาก็เข้ามากราบขอพบคุณยาย เขาถามว่า ชื่อคุณยายจันทร์ใช่ไหม หนูเองก็ไม่รู้จัก ได้ยินกิตติศัพท์จากเพื่อน คุณยายก็เรียกให้เขาเข้าไปในห้องรับแขกที่อาคารยามา ซึ่งห้องรับแขกนี้ มี ผนังเป็นกระจกสลับมุ้งลวดถึง ๓ ด้าน เพื่อมิให้เป็นที่ลับหูลับตาจนเกินไป พอรู้ว่าเป็นคุณยายจริง ผู้หญิงคนหนึ่งในนั้นก็เริ่มร้องไห้
อาตมาไม่ได้เข้าไปในห้อง ได้แต่ยืนอยู่ข้างนอก แต่อยู่ในจุดที่ใกล้ๆ คุณยาย พอเรียกกันได้ยินเพราะบางทีถ้าแขกแปลกหน้ามาก หรือคนที่ไม่เคยมาวัดถ้าคุณอารีพันธุ์ไม่อยู่ อาตมามักจะอยู่นอกห้องใกล้ๆ โดยให้คุณยายอยู่ในสายตาตลอดเวลา เพื่อคอยดูแลคุณยายด้วย
เธอก็บรรยายความทุกข์ของเธอให้คุณยายฟังบอกว่า สามีหนูหายไปตั้งเดือนแล้ว ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง คุณยายช่วยตามหาให้หนูหน่อย คุณยายท่านก็เมตตา เอ้า อยู่กันยังไงล่ะ ให้สามีหายไปได้ น่าสงสารจังเลย มาคุยกันซิ เรื่องราวมันเป็นยังไง เธอบอกว่า ก่อนหน้านี้ เธอเล่าความทุกข์ให้เพื่อนๆ แม่ค้าที่อยู่ในตลาดฟังเพื่อนๆ บอกว่าให้มาหาคุณยายๆ อาจช่วยได้ ชื่อคุณยายจันทร์ อยู่ที่วัดพระธรรมกาย คลองสาม ปทุมธานี เธอเองไม่รู้จัก ก็นั่งแท็กซี่ถามมาเรื่อยๆ
คุณยายก็บอก เล่าให้ฟังซิ เรื่องราวเป็นยังไง เธอก็เล่าเรื่องร่ายยาวว่า ไปหาเจ้าเข้าทรงมา เขาว่าสามีโดนทำเสน่ห์คุณไสย์ อยู่กันมาสิบกว่าปีแล้ว แรกๆ เขาก็ดี๊ดีนะไม่ทำร้ายตบตีเลย แต่มีปากมีเสียงบ้างนิดหน่อย แล้วอยู่มาวันหนึ่งเขาก็หายไป หายไปเดือนหนึ่งแล้ว ก็คุยอะไรอีกพักใหญ่เชียว อาตมาก็ฟังไม่ค่อยถนัดนัก
คุณยายก็พูดปลอบใจ คุณต้องชนะด้วยบุญนะ คุณบอกว่าสามีคุณเป็นคนดีใช่ไหม แสดงว่าสามีของคุณก็ เป็นคนมีบุญทีเดียวนะ คนมีบุญกับคนมีบุญ ถึงจะอยู่กันได้นาน คุณก็ต้องสร้างความดี สร้างบุญให้มากขึ้นอีกเดี๋ยวบุญในตัวของคุณก็จะไปดึงเขากลับมาเองแหละ แต่ว่าต้องทำทุกวันนะ เคยทำบุญใส่บาตรไหมเช้าๆ ใส่บาตรเสียนะ ใส่สักองค์สององค์ก็ได้ แล้วก็รักษาศีล ๕ สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิทำใจให้ใสๆ ทำทุกวันนะ ทำบ่อยๆ ทำใจให้สบาย คุณต้องทำอย่างที่ยายว่านะ ทำ บ่อยๆ ทำทุกวัน ทำใจสบายๆ ไม่ต้องโศกเศร้า เที่ยวไปตามหาเขาหรอก แล้วคุณก็อธิษฐานให้เขากลับมาเดี๋ยวเขาก็มาหาเองแหละ ต้องทำความดี ต้องทำบุญเอาชนะด้วยความดี ให้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเถิด อย่าไปพึ่งเจ้าทรงผีสิงที่ไหนเลย ผีมันยังเอาตัวรอดไม่ได้เลย ถึงได้เป็นผีอยู่อย่างนั้น วันอาทิตย์ก็มาวัด เช้าๆ มานั่งธรรมะกับหลวงพ่อธัมมะ ตอนบ่ายๆ มาฟังหลวงพ่อทัตตะเทศน์บ้าง คิดซะว่ามันก็ดีไปอย่างนะ ช่วงนี้สามีไม่อยู่ คุณจะได้มีโอกาสเข้าวัดสร้างความดีเยอะๆ แล้วคุณก็เลิกอุปนิสัยที่มันไม่ดี ที่เขาไม่ชอบ คุณเองก็รู้อยู่ว่า มันคืออะไร แล้วคุณต้องทำให้มันต่อเนื่องไม่เป็นไร เดี๋ยวยายจะช่วย คุณต้องทำตามที่ยายว่านะ แล้วคุณจะสมปรารถนา กลับไปตั้งต้นแก้ไขใหม่นะ
เธอก็กราบลาคุณยาย แล้วนั่งรถกลับไป คุณยายเก็บของไทยธรรมที่เขานำมาถวายในห้องรับแขกนิดหน่อย จัดโต๊ะ เก้าอี้ ปิดพัดลม แล้วก็เดินออกมานอกห้อง อ้าว... ท่านยังอยู่หรือ นึกว่าไปแล้ว อาตมาบอก ยังอยู่ครับ อยู่ใกล้ๆ คุณยาย ยืนอยู่หลังห้อง กลัวยายไม่มีเพื่อนคุณยายก็เลยปรารภตามประสาท่าน โธ่ ! ผัวมันหายมันก็ให้ยายตามหาให้มัน มันไม่ดูตัวเองเลย มันก็เล่าแต่ความดีของมัน ความร้ายของมันก็ไม่เปิดเผยให้ใครฟังอย่างนี้ใครจะไปทนอยู่ด้วยได้ อาตมาก็ถาม แล้วคุณยายจะไปตามหาให้เขาที่ไหน ยายบอก ผัวของมันก็อยู่แถวๆ นั้นนั่นแหละ ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก คนเรามันอยู่ร่วมกันได้เพราะบุญ สามีภรรยาอยู่ด้วยกันยืดยาวนี่ เพราะเขาจะมีบุญเท่าๆ กัน บุญเขาใกล้เคียงกัน ลูกที่จะมาเกิดเขาก็เลือกพ่อแม่ที่มีบุญใกล้เคียงกันกับเขา เพราะฉะนั้น อยู่กันด้วยบุญ ถ้าสามีเป็นคนเอาบุญกุศล แต่ภรรยาเป็นคนไม่เอาบุญ อยู่กันไม่ยืด สามีก็ไม่อยู่ด้วย ถ้าสามีเป็นคนเอาบุญ ภรรยาเป็นคนเอาบุญ ก็อยู่ด้วยกันยืดยาว
เหมือนพวกขี้เหล้า ขี้เหล้าก็คบค้าสมาคมกับพวกขี้เหล้าด้วยกัน โจรขโมยก็คบค้าสมาคมกับโจรขโมย บัณฑิตนักปราชญ์เขาก็คบค้าสมาคมอยู่กับกลุ่มบัณฑิตนักปราชญ์ บุคคลนี่มันคบกันโดยธาตุนะ ธาตุเหมือนกันก็คบกัน ดึงดูดเข้าหากัน เหมือนของเหม็นแมลงวันชอบตอมของหอมมนุษย์ชอบดม คุณยายพูดไปก็หัวเราะไป มันต้องทำกาย วาจา ใจของเรา ให้หอมด้วยกลิ่นศีลกลิ่นธรรม เหมือนยายนะ ยายสร้างแต่บุญ สร้างความดี มีแต่คนอยากจะเข้าใกล้ เขาเข้าใกล้แล้วก็มีความสุข
ท่านพูดเปรย ๆ รับแขกประเภทนี้ มันต้องยายเอง อย่างท่านไม่ทันเขาหรอก พระของยายยังหนุ่มๆ ไม่เคยมีครอบครัว ไม่ทันเขาหรอก พูดก็ไม่ถนัดปาก มันต้องยาย กรณีอย่างนี้ยายเจอมามากแล้ว ตั้งแต่สมัยอยู่วัดปากนํ้า ผัวหาย เมียหาย ก็ให้ยายตามหาให้ มันอยู่ด้วยกันแท้ๆปล่อยให้....หายไปได้ ยายตามหาให้แล้ว ถ้าไม่รักษาเขาก็ไปอีกแหละ รักษาไม่ดี เขาก็ไป เขามีขานี่ ไม่ถูกใจเขาก็ไปล่ะ ต้องรักษาด้วยบุญ ใช้บุญเป็นตัวรักษา ถึงจะอยู่
ยายเป็นคนทันคนนะ ทันเขาไปหมดแหละ ไม่ว่าจะพูดออกมาอีท่าไหน ปิดยายไม่มิดหรอก ใครจะมาดีมาร้ายยายรู้หมด รู้ญาณของยายแจ๋วไปเลย (คุณยายหัวเราะ) เขาพูดมาจริงหรือเท็จ ยายมองเข้าไปในไส้กลางของเขา ยายเห็นเป็นฉากๆ ปิดยายไม่มีดหรอก รู้ทันเขาหมด ทั้งเหลี่ยมคูผู้คน เพียงแต่ยายจะพูดหรือไม่พูดเท่านั้นแหละ บางทีเขาก็พูดแต่ความดีของเขา แล้วก็พูดไม่หมด ความร้ายๆ ของเขาไม่ยอมพูด
คุณยายรับแขกหมด ไม่เลือกชาติ ชั้น วรรณะ คนมี คนจน คุยกันหมด แล้วก็สอนทุกคนทีมาเข้าใกล้ บางทีช่วงใกล้งานบุญใหญ่ คุณยายมักจะบอกว่า ช่วงนี้ต้องเหนื่อยหน่อย รับแขกเยอะหน่อย แต่ก็ทำให้วันงานบุญใหญ่พวกเขาเหล่านั้นก็มาวัดกัน บางคนก็ยังหันหน้าเข้าวัดประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง
คุณยายเคยเล่าว่า คนที่มาหายาย มาขอบารมียาย ยายจะช่วยเขาทุกคนเลย ช่วยทั้งหยาบช่วยทั้งละเอียด หยาบๆ ก็ลอนวิธีให้เขาประพฤติปฏิบัติธรรม ให้เขาสร้างความดี ส่วนละเอียดกลางคืนยายก็นั่งเข้าที่ คุมบุญให้เขาตามที่เขาขอให้ช่วยนั่นแหละ อย่างนี้ยายทำมาตั้งแต่สมัยอยู่วัดปากนี้า อยู่กับหลวงพ่อวัดปากนํ้า ยายเคยอธิษฐานว่า สาธุ ลูกหลานหรือใครต่อใคร เขามาขอบารมี ขอความช่วยเหลือข้าพเจ้า ให้ข้าพเจ้าสามารถช่วยเขาได้ สงเคราะห์เขาได้หมด ด้วยบุญกุศลให้เขามีความสุข ความเจริญ ให้สำเร็จด้วยบุญกุศลหมดทุกคน
จากหนังสือ เกิดด้วยสองมือยาย
พระรังสฤษดิ์ อิทฺธิจินฺตโก