ปัตตวรรค สิกขาบทที่ ๔
คำแปลพระบาลีที่เป็นพุทธบัญญัติ
“ภิกษุรู้ว่า ฤดูร้อนยังเหลืออีก ๑ เดือน พึงแสวงหาผ้าอาบน้ำฝน รู้ว่า ฤดูร้อนยังเหลืออีกกึ่งเดือน พึงทำนุ่งห่มได้ ถ้าเธอรู้ว่า ฤดูร้อนเหลือเกินกว่า ๑ เดือน แสวงหาผ้าอาบน้ำฝน รู้ว่า ฤดูร้อนเหลือเกินกว่า ๑ เดือน ทำนุ่ง เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์”
เนื้อความย่อในหนังสือนวโกวาท
“เมื่อฤดูร้อนยังเหลืออยู่อีกเดือนหนึ่ง คือตั้งแต่แรมหนึ่งค่ำเดือน ๗ จึงแสวงหาผ้าอาบน้ำฝนได้เมื่อฤดูร้อน เหลืออยู่อีกกึ่งเดือน คือตั้งแต่ขึ้นค่ำหนึ่งเดือน ๘ จึงทำนุ่งได้ถ้าแสวงหาหรือทำนุ่งให้ล้ำกว่ากำหนดนั้นเข้ามาต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์”
อธิบายความโดยย่อ
คำว่า ผ้าอาบน้ำฝน คือผ้าที่ใช้นุ่งในเวลาสรงน้ำ หรือในเวลาอาบน้ำตอนฝนตก เรียกว่า ผ้าวัสสิกสาฎก
ผ้าอาบน้ำฝนเป็นผ้าที่ทรงอนุญาตให้ภิกษุใช้ได้เป็นผืนที่สี่ นอกจากไตรจีวรจัดเป็นผ้าพิเศษ มีลักษณะคล้ายกับผ้าขาวม้า นอกจากใช้ผลัดสรงน้ำแล้ว ยังใช้ประโยชน์อื่นได้อีกมากเหมือนผ้าขาวม้า ที่ทรงอนุญาตไว้ก็เพื่อให้ภิกษุมีผ้านุ่งในขณะสรงน้ำหรือขณะอาบน้ำฝน เพราะก่อนหน้านั้นทรงอนุญาตให้ภิกษุใช้แค่ไตรจีวร คือผ้าพาด ๑ ผ้าห่ม ๑ ผ้านุ่ง ๑ หากจะสรงน้ำหรืออาบน้ำฝน จำต้องเปลือยกาย ทำให้เกิดความละอายแก่ผู้พบเห็น นางวิสาขามหาอุบาสิกาเป็นผู้กราบทูลขอให้ภิกษุรับถวายผ้าอาบน้ำฝนได้ซึ่งก็ทรงอนุญาตตามที่ทูลขอ
ในสิกขาบทนี้ทรงอนุญาตให้ภิกษุปฏิบัติตามระยะเวลาดังนี้
๑.ระยะแสวงหาผ้าอาบน้ำฝน ๑ เดือน คือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๗ จนถึงขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘
๒.ระยะทำนุ่ง กึ่งเดือน คือตั้งแต่ขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๘ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘
๓.ระยะอธิษฐานก่อนใช้๔ เดือน คือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำเดือน ๘ จนถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒
เมื่อพ้นจากระยะนั้นไป ให้วิกัปไว้
เจตนารมณ์ของสิกขาบทข้อนี้
สิกขาบทนี้ทรงบัญญัติไว้เพื่อมิให้ภิกษุมักง่ายทำอะไรตามใจชอบเพราะต้นเหตุของเรื่องนี้เพราะภิกษุเมื่อรู้ว่าพระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้รับผ้าอาบน้ำฝนได้ก็ดิ้นรนแสวงหาผ้าอาบน้ำฝนก่อนเวลาหน้าฝนบ้าง ได้มาแล้วทำนุ่งเสียก่อนบ้าง ครั้นใช้ไปนานเข้าผ้าเกิดเก่าชำรุดใช้ไม่สะดวก เมื่อถึงหน้าฝนก็เปลือยกายอาบน้ำฝนกันเหมือนเคยมา เพื่อป้องกันอย่างนี้จึงทรงบัญญัติกำหนดระยะเวลาไว้เพื่อให้รู้จักประหยัด ไม่มักง่าย
อนาปัตติวาร
ในสิกขาบทนี้ท่านแสดงภิกษุผู้ได้รับยกเว้นไม่ต้องอาบัติไว้คือ
(๑) ภิกษุสำคัญว่าฤดูร้อนยังเหลืออีก ๑ เดือน แสวงหาผ้าอาบน้ำฝน
(๒) ภิกษุสำคัญว่าฤดูร้อนยังเหลืออีกกึ่งเดือน ทำนุ่ง
(๓) ภิกษุสำคัญว่าฤดูร้อนยังเหลือไม่ถึง ๑ เดือน แสวงหาจีวรคือผ้าอาบน้ำฝน
(๔) ภิกษุสำคัญว่าฤดูร้อนยังเหลือไม่ถึงกึ่งเดือน ทำนุ่ง
(๕) เมื่อภิกษุแสวงหาผ้าอาบน้ำฝนได้แล้ว ฝนแล้งเมื่อภิกษุทำผ้าอาบน้ำฝนนุ่งแล้ว ฝนแล้ง ภิกษุซักเก็บไว้
(๖) ภิกษุนุ่งในสมัย
(๗) ภิกษุผู้มีจีวรถูกโจรชิงไป
(๘) ภิกษุผู้มีจีวรหายไป
(๙) ภิกษุผู้วิกลจริต
(๑๐) ภิกษุผู้เป็นต้นบัญญัติหรือภิกษุอาทิกัมมิกะ ได้แก่ พวกภิกษุฉัพพัคคีย์