ศีล ๕ มิใช่เพียงให้จำได้หรือว่าตามได้

วันที่ 26 กค. พ.ศ.2567

2567.07.26%20b.jpg

 

ศีล ๕ มิใช่เพียงให้จำได้หรือว่าตามได้

 

          ตามปกติคนพุทธโดยทั่วไปรู้เรื่องศีล ๕ กัน ต่างแต่รู้ละเอียดบ้างไม่ละเอียดบ้าง อย่างน้อยก็เคยเรียนเคยท่องมาในสมัยเป็นนักเรียน หลังจากนั้นก็ห่างเหินลืมเลือนไป เว้นแต่คนที่ไปวัดหรือไปงานบุญตามบ้านเพื่อนฝูงเป็นประจำ ก็มักจะได้ยินพระให้ศีลเป็นปกติว่าตามได้บ้างไม่ได้บ้าง

 

              นี่ถือว่าเป็นเหตุปกติของคนไทยที่เป็นชาวพุทธโดยทั่วไป


            ศีลที่พระท่านให้ตามปกติก่อนที่จะให้ทาน  ก่อนที่จะทำสมาธิ   หรือก่อนที่จะบุญต่างๆ นั้น ถือกันว่าเป็นเบื้องต้นแห่งการทำบุญ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นไปตามประเพณีนิยม พระท่านให้ศีลก็ให้ตามธรรมเนียม คนรับศีลก็รับตามธรรมเนียม ให้แล้วรับแล้วก็เป็นอันผ่านไป ไม่ได้ติดตามผลว่ารับแล้วนำไปปฏิบัติหรือไม่


             อันที่จริงเรื่องศีลนี้ถ้าหากถือว่าเป็นธรรมเนียมของการให้และการรับให้แล้วรับแล้วก็แล้วกัน ก็ย่อมจะหาผลหาอานิสงส์อะไรมิได้ เพราะไม่มีจิตใจที่จะรับหรือนำไปปฏิบัติ รับเพียงให้ผ่านพิธีไปเท่านั้น ถึงจะรับศีลกันมาตลอดชีวิตเป็นร้อยครั้งพันครั้งก็ไม่มีผลอะไรเกิดขึ้นได้ แม้จะท่องศีล ๕ ได้คล่องปากว่าตามพระได้คล่องปาก ก็หาอานิสงส์อะไรมิได้


              เพราะศีล  ๕  มิใช่มีเพียงให้จำได้หรือว่าตามได้เท่านั้น


            การจำได้หรือว่าตามได้นั้นเป็นเพียงแสดงอาการภายนอกให้เห็นเท่านั้น   มิได้แสดงว่าเป็นคนมีศีล รักษาศีล หรือปฏิบัติตามหลักของศีล


           หากแต่เมื่อตั้งใจรับศีล ว่าตามได้ชัดเจน แล้วปฏิบัติตามหลักของศีลอย่างเคร่งครัด ไม่ละเมิดแม้เพียงเล็กน้อย อย่างเช่นคนที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมที่วัดหรือที่ปฏิบัติธรรมต่างๆ เนื่องในวันสำคัญทางศาสนาหรือในวันธรรมสวนะ(วันพระ) ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งใจรักษาศีล ๘ กัน เมื่อรับศีลกันแล้วจะตั้งใจประพฤติปฏิบัติตามศีล ไม่ยอมให้ศีลขาดหรือด่างพร้อยด้วยประการใดๆ รักษาวันหนึ่งกับคืนหนึ่งบ้าง ๓ วัน ๓ คืนบ้าง หรือมากกว่านั้นบ้าง อย่างนี้เป็นการรับศีลและรักษาศีลที่เป็นพิเศษ มิได้ทำกันโดยทั่วไป และอย่างนี้แหละย่อมมีผลมีอานิสงส์แน่นอน

2567%20.07.%2026%20b.jpg

             อันที่จริง  ศีลระดับคนทั่วไปคือศีล  ๕  นี้มีเป้าหมายสำคัญคือ  เพื่อรู้  เพื่อเข้าใจ และ เพื่อปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องครบถ้วน


             อันดับแรก เพื่อรู้  คือเพื่อให้คนเราได้รู้ว่าศีล ๕ มีอะไรบ้าง คนที่ท่องได้ว่าตามได้ย่อมอยู่ในระดับนี้ ชื่อว่ารู้เรื่องศีล ๕ แล้ว


            อันดับต่อมา  เพื่อเข้าใจ  คือเมื่อรู้ว่าศีล  ๕  มีอะไรบ้างแล้ว  ก็ให้เข้าใจความหมายของศีลแต่ละข้อว่ามีความหมายอย่างไร มีประโยชน์อย่างไร จะรักษาหรือปฏิบัติตามได้อย่างไรสามารถเข้าใจรายละเอียดของศีลแต่ละข้อได้อย่างชัดเจน เมื่อเข้าใจเรื่องศีลดี ย่อมเป็นเหตุให้ต้องการที่จะรักษาศีลให้บริสุทธิ์เพื่อจะได้รับผลอานิสงส์


2567.07.26.B.jpg

 

            อันดับต่อมา  เพื่อปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องครบถ้วน  คือเมื่อเข้าใจรายละเอียดของศีลแต่ละข้อแล้วก็น้อมนำมาปฏิบัติตาม โดยถือหลักตามที่เข้าใจมาว่าจะไม่ละเมิด ไม่ทำให้ศีลขาดหรือด่างพร้อย โดยรักษาองค์ศีลไว้ให้ครบไม่ให้ขาดไปแม้เพียงข้อเดียว


            คนที่ได้ชื่อว่า ผู้มีศีล หรือ ผู้รักษาศีล นั้น โดยความหมายก็คือผู้ปฏิบัติตามหลักศีลได้อย่างถูกต้องครบถ้วนนี่เอง หาใช่ผู้ที่รู้เรื่องศีลและเข้าใจเรื่องศีลเป็นอย่างดีเท่านั้นไม่

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0012770652770996 Mins