ความจริงขั้นต้นทุกคนต้องรีบรู้ ความจริงประจำโลก ประจำชีวิตวังวนชีวิต เวลา สิ่งแวดล้อม 5

วันที่ 31 กค. พ.ศ.2568

ความจริงขั้นต้นทุกคนต้องรีบรู้ ความจริงประจำโลก ประจำชีวิตวังวนชีวิต เวลา สิ่งแวดล้อม 5

 

สาระบทที่ 2

ความจริงประจำโลก ประจำชีวิต วังวนชีวิต เวลา สิ่งแวดล้อม 5

                    1. ความจริงประจำโลก

                    • กฎความจริงตามธรรมชาติ 3

                    • ตัวอย่างกฏความจริงตามธรรมชาติ 3

                    2. ความจริงประจำชีวิต

                    3. ความจริงวังวนชีวิต

                    4. ความจริงเรื่องเวลาชีวิต

                    5. ความจริงเรื่องสิ่งแวดล้อม 5

                    • สิ่งแวดล้อม 5 ต้นแหล่งผลิตปัจจัย 4

                    • มนุษย์อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อม 5

                    วัตถุประสงค์แท้จริงการใช้ปัจจัย 4

                    • ความสัมพันธ์ของสิ่งแวดล้อม 5 ต่อชีวิตมนุษย์

                    • ชีวิตมีคุณค่าเมื่ออยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อม 5 ที่มีคุณภาพ

                    6. สรุปบทที่ 2

                    7. พระสูตรอ้างอิงบทที่ 2

 

                    การได้กายเป็นมนุษย์นั้นสุดแสนยาก เมื่อได้กายมนุษย์มาแล้วจำต้องเร่งเพิ่มคุณค่าความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์ที่สุด คือ มีความอดทน มีความพากเพียร ฝึกใจตนให้สามารถเข้าถึง ธรรม ให้เร็วที่สุด เพราะใจที่มีธรรมคุ้มครองรักษาย่อมสามารถปราบกิเลสขจัดปัญหาและความทุกข์ทั้งปวงของตนเองได้ รวมทั้งสามารถเป็นที่พึ่งช่วยเพื่อนร่วมโลกได้อีกด้วย

 

                    หากไม่รีบเพิ่มคุณค่าความเป็นมนุษย์ให้แก่ตนเอง เราจะถูกกระแสโลก กระแสกิเลสพาให้หลงยินดียินร้ายกับเรื่องราวไร้สาระของคน สัตว์ สิ่งของ ที่ไหลบ่าเข้ามาทำลายคุณค่าและตายไปโดยไม่ได้ประโยชน์จากการได้กายมนุษย์เลย

 

                    แต่เพราะ ณ ศูนย์กลางกายมนุษย์ของเราทุกคนมีธรรมที่ทำให้เรามีกำลังใจ กำลังสติปัญญาเหนือกว่าสัตวโลกชนิดอื่น ๆ พร้อมที่จะฝ่าฟันเอาชนะทุกข์และกิเลส

 

                    เราจึงสมควรเร่งรีบหาความจริงประจำโลก ประจำชีวิต วังวนชีวิต เวลา และสิ่งแวดล้อม 5 ให้รู้ชัดกันก่อน

31-7-68_12b%284%29.png

ความจริงประจำโลก

โลก คือ สิ่งที่มีความแตกสลายเป็นธรรมดาคำาว่า “โลก” ในที่นี้หมายถึง แผ่นดินที่อยู่อาศัยร่วมกันของสรรพสิ่งและสรรพสัตว์ กล่าวคือ

 

1. สรรพสิ่ง หมายถึง สิ่งไม่มีชีวิตต่าง ๆ เช่น ภูเขา ต้นไม้ ดิน รถยนต์ ถนน ฯลฯ

 

2. สรรพสัตว์ หมายถึง สิ่งมีชีวิตทุกชนิด ได้แก่ คน สัตว์ต่าง ๆ

 

โดย “สรรพสิ่งและสรรพสัตว์มีสิทธิเสมอภาคที่จะอยู่อาศัยในโลกอย่างไม่เบียดเบียนกัน

 

31-7-68_13b%284%29.png

กฎความจริงตามธรรมชาติ 3

โลกนี้มีกฎความจริงตามธรรมชาติบีบบังคับทั้งสรรพสิ่งและสรรพสัตว์ โดยไม่ประกาศให้รับรู้ที่สำคัญ 3 กฏด้วยกัน คือ

 

1. กฎสภาวลักษณะ กฎแห่งลักษณะหรือคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัวทั้งสรรพสิ่งและสรรพสัตว์มีธรรมชาติความจริงประจำแต่ละสิ่งแต่ละชีวิต ทั้งที่เป็นคุณและโทษอยู่ในตัวเอง

 

2. กฎสามัญลักษณะ กฎแห่งลักษณะที่เสมอเหมือนกันแก่สังขารทั้งปวง สรรพสิ่งและสรรพสัตว์เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นของไม่ใช่ตน ใคร ๆ ก็ควบคุมไม่ได้

 

3. กฎแห่งกรรม กฎแห่งการกระทำ อันเป็นเหตุผล

3.1 การคิด-พูด-กระทํา คือ การทำกรรม

3.2 การทำกรรมอย่างมักง่าย ไม่สำรวม ขาดสติ จัดเป็นกรรมชั่ว ได้ผลชั่ว เป็นทุกข์

3.3 การทำกรรมอย่างประณีต สำรวม มีสติ จัดเป็นกรรมดี ได้ผลดี เป็นสุข

3.4 การทํากรรมด้วยอำนาจกิเลส ชีวิตเรานั้นก็จะต้องวนเวียนเกิด แก่ เจ็บ ตาย

 

พลัดพราก เป็นทุกข์อยู่ในสังสารวัฏไม่รู้จบสิ้น

 

ตัวอย่างกฎความจริงตามธรรมชาติ 3

1. กฎสภาวลักษณะของมีด

 

มีดมีคุณสมบัติคือ มีความคม ความบาง ความแข็ง ใช้ตัด หั่น ฟัน สิ่งต่าง ๆ ได้

 

โทษของมีด คือ ใช้ทําร้าย ทำลายเช่น มีดบาด มีดแทง ฯลฯ

 

คุณของมีด คือ อำนวยความสะดวก เช่น หั่นผัก ทําครัว ฯลฯ

31-7-68_14b%284%29.png

2. กฎสามัญลักษณะของมีด

มีดย่อมมีอายุการใช้งาน มีความผุพังเสื่อมสลายเป็นธรรมดา ไม่ว่ามีดเล่มนั้นราคาถูกหรือแพงแค่ไหน ทำจากวัตถุดิบดีเลวสักปานใดเป็นของเศรษฐีหรือยาจกก็ตาม

31-7-68_15b%284%29.png

3. กฎแห่งกรรมของการใช้มีด

ผู้มีจิตใจขุ่นมัว มีโทสะ ย่อมใช้มีดก่อโทษทําความชั่ว เช่น ใช้มีดฆ่าสัตว์ ฆ่าศัตรูใช้ทำอันตรายผู้ที่ขัดใจตน การกระทำนี้เป็นความชั่ว ย่อมให้ผลชั่ว ชีวิตเป็นทุกข์

 

ผู้มีจิตใจดีงาม เห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ย่อมใช้มีดก่อคุณ ทำความดี เช่น ลูกใช้มีดหั่นผัก หั่นเนื้อ เพื่อทำอาหารให้คุณพ่อคุณแม่ เป็นการตอบแทนพระคุณท่านการกระทํานี้เป็นความดี ย่อมให้ผลดีแก่ตนและพ่อแม่ ชีวิตเป็นสุขใช้มีดก่อกรรมดี

31-7-68_16b%284%29.png

ความจริงประจำชีวิตและวังวนของชีวิต

หากนำภาพวัยเด็กเปรียบเทียบกับวัยปัจจุบัน เราคงตกใจไม่น้อยว่าช่างแตกต่างกันมากมาย ผิวพรรณที่เคยผ่องใส เต่งตึง ก็หมองคล้ำ เหี่ยวย่น ผมที่เคยดกดำ ก็หงอกขาวหลุดร่วง ร่างกายที่เคยกระฉับกระเฉง ก็ต้วมเตี้ยม จากที่เคยแข็งแรง ก็อ่อนแอ มีโรคภัยมาเบียดเบียน ที่เป็นเช่นนี้เพราะทุก ๆ วินาที ร่างกายมีเซลล์เกิดและเซลล์ตายตลอดเวลาเมื่อตอนเด็กมีอัตราเซลล์เกิดใหม่ 3.8 ล้านเซลล์ต่อวินาที แต่เมื่อโตขึ้นอัตราเซลล์เกิดกลับลดลง ๆ จนกระทั่งเมื่อโตเต็มวัย อัตราเซลล์เกิดก็น้อยกว่าเซลล์ตาย ความแก่เกิดขึ้นทุกวินาที อวัยวะภายในร่างกาย เช่น หัวใจ ตับ ปอด ม้าม ไต กล้ามเนื้อ กระดูก กระเพาะอาหาร ลำไส้ ฯลฯ ค่อย ๆ เสื่อมลงทุกวัน เพราะร่างกายต้องใช้งานตลอดเวลา เช่น ใช้ผลิตพลังงานชีวิต คือไออุ่น 37 องศาเซลเซียส โดยร่างกายใช้พลังงานชีวิตนี้ไปสร้างเซลล์ใหม่ ใช้ซ่อมแซมร่างกาย ใช้ต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บ ใช้เคลื่อนไหวร่างกาย เป็นต้นกายจึงเสื่อม

 

ยิ่งหากปล่อยใจให้ถูกกิเลสครอบงำ หลงใช้สังขารอย่างถล่มทลายในทางผิดตอนที่ร่างกายยังแข็งแรง เช่น สูบบุหรี่ เสพกัญชา ยาเสพติด จมอยู่ในอบายมุข กายก็ยิ่งเสื่อม เร็วขึ้น ตายเร็วขึ้น ด้วยเหตุนี้ ความเจ็บไข้จึงมีอยู่ในความแข็งแรง ความตายมีอยู่ในความมีชีวิต แล้ววันหนึ่งทุกคนก็ต้องตาย ต้องพลัดพรากจากกันทั้งสิ้น โดยไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร สุดท้ายกรรมดีชั่วที่ทำไว้เมื่อมีชีวิต ก็จะนำเราไปเกิดในภพใหม่

 

เรารู้หรือไม่ว่าชีวิตเรานั้นวนเวียนเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย พลัดพรากเป็นทุกข์ไม่รู้จบเพราะกิเลสที่อยู่ในใจบีบคั้นให้ทำกรรมต่าง ๆ นานา ไม่ว่าเราทุกคนจะรู้หรือไม่รู้ความจริงเหล่านี้ก็ตาม เราก็ต้องรับผลกรรมที่ทำไว้ นี้คือความจริงประจำโลกประจําชีวิต และวังวนของชีวิต

31-7-68_17b%284%29.png

ความจริงวังวนชีวิต

1. ความแก่ มีอยู่ในความเป็นหนุ่มสาว

2. ความเจ็บไข้ มีอยู่ในความแข็งแรง ไร้โรค

3. ความตาย ก็มีอยู่ในความมีชีวิต

4. ถึงคราวตาย ต่างคนก็ต่างไป

 

พ่อแม่สุดเคารพ สามีภรรยาสุดรัก

 

ลูกสุดห่วง ทรัพย์สมบัติสุดหวง

 

ล้วนต้องพลัดพรากจากกันทั้งสิ้น

 

5.ไม่ว่าใครจะยิ่งใหญ่เพียงไหน ตราบใดยังไม่หมดกิเลส ตราบนั้น

ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดเป็นนักโทษรอประหารไม่รู้จบ

 

ยังต้องถูกกิเลสตามบีบคั้นให้ทำชั่วไม่หยุดหย่อน

 

ยังต้องตกอยู่ใต้กฎแห่งกรรมตลอดไป

 

ใคร ๆ ก็ช่วยไม่ได้ นอกจากตนเอง

31-7-68_18b%284%29.png

ความจริงเวลา

1. เวลาเป็นต้นทุนของชีวิต แบ่งเป็นช่วง ๆ แต่ละช่วงสั้นมาก แค่ลมหายใจเข้าออกหยุดหายใจเมื่อไหร่ก็ตาย

 

2. เวลาเป็นทรัพย์ชนิดหนึ่ง ได้มาฟรี ๆ คนส่วนมากจึงไม่เห็นคุณค่าของเวลาและไม่รู้ว่าเวลามีคุณสมบัติพิเศษเพียงใด

 

1) เวลาเป็นสิ่งมีจริง แต่เวลาไม่มีตัวตนให้จับต้องได้

2) เวลาเป็นต้นทุนในการทำงานทุกชนิด

3) เวลามีความยุติธรรม คือมีให้ทุกคน 24 ชั่วโมงเท่า ๆ กันทุกวัน

4) เวลาผ่านไปแล้วก็ผ่านเลยไม่หวนกลับ และเอาโอกาสดี ๆ ผ่านไปด้วย

5) เวลาเอาความแก่มายัดเยียด เอาความตายมาตัดรอน

 

3. ใครไม่รู้ว่าตนเกิดมาทำไม ย่อมปล่อยเวลาให้เลื่อนลอยไป

การมีโชคลาภใหญ่ที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ย่อมสูญเปล่า ส่วนผู้มีปัญญารู้เป้าหมายชีวิตย่อมได้โอกาสใช้เวลา เพื่อปรารภความเพียรพัฒนาตนให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป

 

ความจริงสิ่งแวดล้อม 5

เราทุกคน ถูกความจริงประจำร่างกาย คือ อาพาธ 6 ได้แก่ 1) ความหนาว2) ความร้อน 3) ความหิว 4) ความกระหาย 5) ความปวดอุจจาระ6) ความปวดปัสสาวะ เบียดเบียนกายให้กระสับกระส่าย สกปรก เน่าเหม็น

 

การบรรเทาอาพาธ 6 ก็จำต้องใช้ปัจจัย 4 อย่างต่อเนื่อง เช่น ใช้เครื่องนุ่งห่มที่อยู่อาศัย เพื่อบรรเทาความหนาว ความร้อน ใช้อาหารและน้ำ เพื่อบรรเทาความหิว ความกระหาย เป็นต้น

 

ตลอดชีวิตเรา จึงต้องเสียเวลาไปมากเพื่อแสวงหาปัจจัย 4 โดยแสวงหาจากสิ่งแวดล้อม 5 ได้แก่ 1. ธรรมชาติ 2. สัตว์ 3. คน 4. วัตถุสิ่งของ5. กฎระเบียบแบบแผน

31-7-68_19b%284%29.png

1. สิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ เช่น อากาศ น้ำ ดิน หิน ลม ฝน สินแร่ ต้นไม้ พืชพรรณนานาชนิด ล้วนเป็นวัตถุดิบในการผลิตปัจจัย 4 ทั้งสิ้น

 

2. สิ่งแวดล้อมที่เป็นสัตว์ ทำหน้าที่รักษาสมดุลธรรมชาติ โดยต่างช่วยกันบ้าง เป็นอาหารของกันและกันบ้าง เพื่อไม่ให้สัตว์ประเภทใดประเภทหนึ่งมีมากเกินไป จนเป็นอันตรายต่อทั้งคน สัตว์ และระบบนิเวศ

31-7-68_20b%284%29.png

3. สิ่งแวดล้อมที่เป็นคน เราไม่สามารถผลิตปัจจัย 4 ด้วยตนเองได้ทั้งหมดเราจึงต้องพึ่งพาผู้อื่นบ้าง แต่ใจเรามีกิเลส 3 บีบคั้นตั้งแต่เกิด และชีวิตเราต่างก็มีระยะเวลาจำกัด เราจึงต้องฝึกฝนอบรมตนให้เป็นมิตรแท้ต่อตนเองให้เป็นก่อนจากนั้นจึงสามารถเป็นมิตรแท้ต่อบุคคลอื่น และต่อสิ่งแวดล้อม จึงจะอยู่ร่วมกันเป็นสุข

31-7-68_21b%284%29.png

4. สิ่งแวดล้อมที่เป็นวัตถุสิ่งของ มนุษย์จำเป็นต้องผลิตสิ่งต่าง ๆ ขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิตเช่น เครื่องครัว เครื่องใช้ สิ่งปลูกสร้าง ยานพาหนะ ฯลฯหากวัตถุสิ่งของเหล่านี้ผลิตขึ้นเฉพาะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต คือเพื่อบรรเทาอาพาธ 6มิใช่เพื่อความฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ประกวดประขันกัน

 

ทุกคนต่างใช้วัตถุสิ่งของตรงตามวัตถุประสงค์แท้จริงของสิ่งเหล่านั้นให้สิ่งแวดล้อมไม่ถูกทำลายย่อมส่งผลและมิตรภาพของเพื่อนมนุษย์ก็จะงอกงามเพิ่มพูน

 

5. สิ่งแวดล้อมที่เป็นกฏระเบียบแบบแผน ให้สมาชิกถือปฏิบัติเพื่ออยู่ร่วมกันเป็นสุข เช่น กฎหมายที่เป็นธรรม วัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม เป็นต้น

 

หากเราทุกคนฝึกฝนอบรมตน ประพฤติตนตาม “ธรรม” โดยเริ่มจากความมีสติสัมปชัญญะในการทำทุกภารกิจ ทุกหน้าที่ ย่อมส่งผลให้การออกกฎหมายกฎระเบียบต่าง ๆ มีความเป็นธรรมได้ง่าย

 

การทำการงานต่าง ๆ มีความสะอาด เป็นระเบียบ มีความสุภาพต่อกัน ตรงเวลาจิตใจมีสติสัมปชัญญะเป็นสมาธิ โลภะ โทสะ โมหะก็จะค่อย ๆ ถูกขจัดให้เบาบางลง เราทุกคนย่อมอยู่ร่วมกันเป็นสุข สิ่งแวดล้อมย่อมสะอาดปลอดภัยโลกนี้ย่อมน่าอยู่ประดุจสวรรค์บนดิน

31-7-68_22b%284%29.png

31-7-68_23b%284%29.png

31-7-68_24b%284%29.png

31-7-68_25b%284%29.png

31-7-68_26b%284%29.png

31-7-68_27b%284%29.png

31-7-68_28b%284%29.png

สรุปบทที่ 2

สิ่งที่มีความแตกสลายเรียกว่าโลก โลกเป็นที่อยู่อาศัยของสรรพสิ่งและสรรพสัตว์ มนุษยโลกพรั่งพร้อมด้วยสิ่งแวดล้อมที่เหมาะต่อการดำรงชีวิตเช่น อากาศ น้ำ ลม ฝน แดด ทรัพยากร สินแร่ พืชพันธุ์ธัญญาหาร ต้นไม้ ฯลฯ

 

โลกมีกฏความจริงตามธรรมชาติที่สำคัญ 3 กฎ กฎสภาวลักษณะกฎสามัญลักษณะ และกฎแห่งกรรม

 

หากเราปฏิบัติถูกต้อง ความเป็นมนุษย์ของเรายิ่งงอกงามเพิ่มพูน สิ่งแวดล้อมย่อมสะอาด ปลอดภัย บริบูรณ์ ไม่ขาดแคลน

 

เราทุกคนถูกความจริงประจำร่างกายที่มีชื่อว่าอาพาธ 6

คือ ความหนาว ความร้อน ความหิว ความกระหาย ความปวดอุจจาระความปวดปัสสาวะ เบียดเบียนกายตลอดชีวิตเราจึงต้องพึ่งปัจจัย 4 เพื่อบรรเทาอาพาธ 6 จงจำใส่ใจว่าปัจจัย 4 ทุกชนิดได้มาจากสิ่งแวดล้อม 5

 

จิตใจเราทุกคนยังถูกบีบคั้นด้วยกิเลส 3

คือ โลภะ โทสะ โมหะ ให้คิด-พูด-ทำไม่ดี ทำลายล้างความเป็นมนุษย์ของเราเองรวมทั้งทำลายสิ่งแวดล้อม 5 อีกด้วย คือ 1. ธรรมชาติ 2. สัตว์ 3. คน 4. วัตถุสิ่งของ 5. กฎระเบียบแบบแผน

 

เราต้องอยู่กับตนเองและสิ่งแวดล้อม 5 ให้ถูกวิธี

พึงเห็นคุณค่าคุณประโยชน์ของสิ่งแวดล้อม 5 ที่เราต่างอยู่และใช้ร่วมกันบนโลกพึงไม่ทำผิดกฎแห่งกรรม เราเป็นผู้ทำกรรมทั้งชั่ว-ดี เราจึงรับผลกรรมที่เราทำ

 

การใช้สอยสิ่งแวดล้อมถูกวิธี ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม นี้เป็นกรรมดี

 

การมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีความเอื้อเฟื้อ ปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์และ

 

สรรพสิ่ง นี้เป็นกรรมดี เพื่อให้ทุกคนเกิดกำลังใจทำความดีเพิ่มพูนความเป็นมนุษย์ให้สูงส่งสมบูรณ์ด้วยกัน

 

พระสูตรอ้างอิงบทที่ 2

ชาติธัมมวรรค สํ.สฬา. (ไทย.มจร) 18/33-42/38-40

 

ฐานสูตร องฺ.ปญฺจก. (ไทย.มจร) 22/57/99-104

 

ปฐมสัญเจตนิกสูตร องฺ.ทสก. (ไทย.มจร) 24/217/357-361

 

ปโลกธัมมสูตร สํ.สฬา. (ไทย.มจร) 18/84/77

 

มหาเวทัลลสูตร ม.มู. (ไทย.มจร) 12/449-459/488-499

 

วาเสฏฐสูตร ขุ.สุ. (ไทย.มจร) 25/656-660/654

 

สิงคาลกสูตร ที.ปา. (ไทย.มจร) 11/242-274/199-218

 

เสนาสนสูตร องฺ.ทสก. (ไทย.มจร) 24/11/17-19

 

สรีรัฎฐธัมมสูตร องฺ.ทสก. (ไทย.มจร) 24/49/105

 

สัพพสูตร สํ.สฬา. (ไทย.มจร) 18/23/22

 

สัพพอนิจจวรรค ส.สฬา. (ไทย.มจร) 18/43-51/41-42

 

สัพพอนิจจวรรค สํ.สฬา. (ไทย.มจร) 18/43-51/41-42

 

อวิชชาสูตร องฺ.ทสก. (ไทย.มจร) 24/61/134-137

31-7-68_29b%284%29.png

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.13923718531926 Mins