รอดตาย หายป่วย ด้วยอานุภาพบุญ
โดย นพ.วุฒิพันธ์ แซ่เล้า
“ผมเกิดในครอบครัวคนจีน คุณพ่อมาจากเมืองจีน คุณแม่ก็เป็นคนจีนแท้ๆ แต่มาเกิดที่เมืองไทย ตลอดชีวิตที่ผ่านมาผมอยู่ในครอบครัวคนจีน ได้รับการปลูกฝังวัฒนธรรมจีนเกี่ยวกับการไหว้เจ้า จะไม่ค่อยได้เข้าวัดปฏิบัติธรรม ส่วนคุณแม่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงมาตลอด จนกระทั่งท่านอายุประมาณ ๗๐ กว่า ช่วงวัยหนุ่ม เวลา ๖-๗ ปีที่ผมทุ่มเทอย่างจริงจังกับการ “เรียนหมอ” เพราะมีความหวังอยู่อย่างเต็มเปี่ยมในใจว่า ถ้าพ่อแม่ชราลงมีโรคภัยรุมเร้า ตัวเราจะใช้วิชาชีพทั้งหมดที่เรียนรู้สั่งสมมารักษาผู้มีพระคุณที่สุดสำหรับชีวิต เป็นการตอบแทนพระคุณของท่าน แต่พอถึงเวลาที่ท่านต้องพึ่งพาอาศัยเราจริงๆ ความคาดหวังที่เคยตั้งใจไว้กลับไร้ผล ทั้งๆ ที่ท่านมีลูกเป็นหมอถึง ๒ คน สิ่งที่ทำให้คุณแม่หายเป็นปกติได้ กลับเป็นหนทางที่ไม่ได้เลือกไว้ในการเล่าเรียน
ท่านป่วยเนื่องจากสมัยก่อนชอบทานยาชุดยาซอง ซึ่งมียาบางประเภทเป็นยาสารพัดโรคที่มีฤทธิ์ทำให้กระดูกกร่อน กระดูกผุ คุณแม่จะซื้อมาทานเอง เพราะสมัยก่อนไม่มีโรงพยาบาลในอำเภอ พออายุมากขนาดนี้ทำให้กระดูกพังลงมา เหมือนบ้านที่โดนปลวกกิน และไม่มีความรู้สึกแม้แต่โดนอะไรจนเลือดไหลอาบขา
ผมเองทุกข์ใจมากเพราะผมผูกพันกับท่านชนิดที่เรียกได้ว่า ลูกติดแม่ ผมและครอบครัวได้พาท่านไปหาหมอเก่งที่สุดในจังหวัดนครราชสีมาหมอดูฟิล์มเอ็กซเรย์แล้วส่ายหน้า บอกกับผมว่าไม่กล้าผ่าตัดให้คนไข้อายุมากๆ ถึงแม้ว่าผ่าตัดแล้วคนไข้จะปลอดภัย แต่โอกาสที่จะเป็นอัมพาตมีสูงมาก จึงไม่อยากให้รับการผ่าตัด สู้ปล่อยให้คนไข้อยู่โดยที่ไม่เป็นอัมพาตอย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซนต์จะดีกว่า และแนะนำว่าให้ทำกายภาพบำบัดซึ่งเป็นเพียงความหวังที่ริบหรี่เอามากๆ
หลังจากที่เข้ารับการผ่าตัด คุณแม่อาการก็ไม่ดีขึ้น ขาก็ยังขยับไม่ได้ ความรู้สึกตามขาก็ยังรับความรู้สึกไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือ สายสวนปัสสาวะ ซึ่งใส่เอาไว้ก็ยังถอดออกไม่ได้ เนื่องจากคุณแม่ปัสสาวะไม่รู้ตัวตอนนั้นคุณแม่เริ่มมีอาการทุกข์ใจแล้ว แต่ว่าญาติพี่น้องที่มาเยี่ยมก็ให้กำลังใจว่า ถ้าคุณแม่ไม่หายแล้วใครจะหาย แม่มีลูกเป็นหมอถึง ๒ คนถ้าลูกเป็นหมอถึง ๒ คนแล้วยังรักษาแม่ไม่หาย คนทั้งโลกสงสัยจะไม่หายแน่ คุณแม่ก็ดีใจเวลามีใครให้กำลังใจ คุณแม่ได้ยินคนให้กำลังใจแบบนี้ก็จะยิ้ม
หลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือน ท่านก็เข้ารับการผ่าตัดครั้งที่ ๒ เนื่องจากอาการไม่ดีขึ้น หลังจากการผ่าตัดครั้งที่ ๒ แล้ว อาการก็ยังไม่ดีขึ้นเลย ขามีแต่จะลีบลง ขยับไม่ได้เลย อย่าว่าแต่ขยับเลย เอาเข็มมาจิ้มที่ปลายเท้ายังไม่รู้สึก ที่บ้านเริ่มกังวลว่าจะรับภาระค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ไม่ไหว ก็พาคุณแม่กลับไปที่นครราชสีมา คุณหมอที่ผ่าตัดให้ท่านก็บอกเป็นนัยๆ กับคุณพ่อและพี่ชายของผมว่า คงจะมีความหวังน้อยที่จะให้กลับมาเดินได้
เมื่อคุณแม่กลับมาบ้านแล้ว ช่วงนั้นผมยังเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลโนนแดง ผมเป็นหมอคนเดียวในอำเภอ รับราชการอยู่เวรตลอด ๓๐ วัน ไม่มีพัก แต่ต้องกลับมาเยี่ยมคุณแม่ประมาณ ๓-๔ วันก็จะมาครั้งหนึ่ง ช่วงนั้นคุณแม่ร้องไห้ทุกวันเพราะท่านจะคิดวนเวียนด้วยความน้อยใจว่าตัวเองเลี้ยงลูกมา ๘ คน หวังว่าพอลูกโตขึ้นมา พอลูกคนสุดท้องโตเป็นหนุ่ม หมายถึงผมนะครับ มีครอบครัวแล้ว ท่านก็อยากจะใช้ชีวิตในปั้นปลายอย่างผู้เฒ่าที่มีความสุข อยากจะไปเที่ยวที่ไหนก็ไปได้ ท่านไม่เคยนึกเลยว่า ท่านต้องมาเป็นอัมพาต แล้วท่านก็ร้องไห้
ครั้งหนึ่งเมื่อผมกลับมาที่บ้าน พี่สะใภ้เล่าให้ฟังว่าแม่พยายามจะฆ่าตัวตาย คุณแม่ท่านขยับขาไม่ได้ ท่านก็เอาศีรษะพุ่งลงไปที่พื้น หวังจะให้ศีรษะกระแทกพื้น เดชะบุญที่ว่าศีรษะของคุณแม่ไปโดนฝ่าเท้าของพี่สะใภ้ ก็ไม่เป็นอะไร ตอนนั้นผมกังวลมาก ผมเอาเทปของพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว เรื่องมงคลชีวิตไปเปิดให้แม่ฟัง เอาเทปนำนั่งสมาธิไปเปิดให้แม่ฟัง ท่านก็ไม่ยอมฟัง ท่านหันหน้าเข้าผนัง เพราะท่านไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ผมก็เปิดให้ฟังเรื่อยๆ บางครั้งท่านก็ให้หลานมาปิดวิทยุ หลังจากที่ผมออกจากห้องไปแล้ว แล้วผมก็พบว่าสิ่งที่ผมทำไม่ได้สูญเปล่าเลยหลานบอกว่า เวลาลูกหลานออกไปหมด คุณแม่ผมแอบยกมือไหว้พระที่ปลายเตียงจะมีรูปแม่ผมกำลังใส่บาตรพระ ผมเคยพาแม่ผมไปใส่บาตรแล้วผมก็ถ่ายรูปไว้ แล้วก็บอกแม่ว่า “แม่ ผมจะเอารูปนี้ไว้ที่ปลายเตียงนะ เพราะไว้ที่หัวเตียงแม่ก็ดูไม่ได้ เอาไว้ที่ปลายเตียง แม่ดูแล้วแม่ก็นึกถึงบุญที่แม่ใส่บาตร” ท่านก็พยักหน้า
หลังจากที่ผมสังเกตเห็นว่าแม่เริ่มไหว้พระ ซึ่งตอนนั้นหมดความหวังที่จะรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบัน ผมก็พาแม่มาที่วัดพระธรรมกายเอารถเข็นคนพิการให้แม่นั่ง ผมก็เข็นพาไปทำบุญที่เต็นท์รับบริจาค ให้แม่หยอดตู้แล้วให้แม่อธิษฐานจิต แล้วผมก็เป็นไปรอพบคุณยาย ตอนนั้นคุณยายอาจารย์ของเรายังเมตตาลงรับแขกอยู่นะครับ ผมพาแม่เข้าไปกราบคุณยาย เอาเข้าไปทั้งรถเข็นเลยครับ เพราะแม่ลงจากรถเข็นไม่ได้คุณยายท่านก็เมตตา ท่านให้เข้ามาทั้งรถเข็น ผมยกมือพนมบอกคุณยายเสร็จ คุณยายท่านก็มองสักพัก ท่านก็บอกว่า เป็นกรรมที่ทำมาตั้งแต่ภพชาติก่อน ผมพนมมือขอให้คุณยายช่วย คุณยายท่านก็พยักหน้า แค่เพียงคุณยายพยักหน้าเท่านั้น ผมก็เชื่อมั่นว่าคุณแม่ผมจะต้องหาย เพราะผมรู้ซึ้งว่าคุณยายเป็นผู้มีคุณธรรมมากขนาดไหน แล้วผมก็พาแม่กลับ แล้วก็ให้แม่สร้างพระธรรมกายประจำตัว หลวงพ่อบอกว่าบุญสร้างพระที่ได้จากการสร้างมหาธรรมกายเจดีย์นั้นได้บุญเป็นฟ้าครอบเลย สามารถปิดอบายภูมิในขณะนั้นเลย
ผมก็เลยให้แม่สร้าง เผอิญโชคดีมีพระอาจารย์รูปหนึ่งไปที่จังหวัดนครราชสีมา จึงนิมนต์ท่านมารับปัจจัยสร้างองค์พระกับคุณแม่ เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นแม่ทำบุญนอกจากที่พาไปตักบาตรแล้ว ครั้งนี้ท่านถวายปัจจัยเพื่อสร้างพระประจำตัว ผมเห็นแม่ร้องไห้ด้วยความปีติ เพราะพระอาจารย์ท่านเทศน์ถึงเรื่องอานิสงส์ของการสร้างพระ
วันนั้นผมมีความสุขมากเพราะเห็นแม่ทำบุญด้วยน้ำตา แล้วแม่ก็มีความเชื่อลึกๆ อยู่ในใจว่าบุญจะมาช่วยท่าน เพราะเห็นท่านอธิษฐานจิตตอนที่ลูกไม่อยู่ในห้อง เชื่อไหมครับว่า หลังจากวันที่แม่ผมสิ้นหวังจากการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน หลังจากวันที่คุณแม่ผมเริ่มมาวัดพระธรรมกาย หลังจากวันที่แม่ผมเริ่มสร้างพระธรรมกายประจำตัว หลังจากวันที่แม่ผมได้มากราบคุณยายไม่ถึงครึ่งปี คุณแม่ผมลุกขึ้นมานั่งนะครับ ตอนที่ลุกขึ้นมานั่งนี่ หมอที่โรงพยาบาลประหลาดใจมาก รีบบอกผมผมไปดูก็เห็นแม่นั่งได้จริงๆ ทั้งๆ ที่ขาท่านลีบแล้ว พอนั่งได้ท่านก็อยากจะยืน ไม่กี่วันท่านก็เริ่มหัดยืน ยืนสักพักหนึ่งท่านก็อยากจะเดิน หัดเดินอยู่ประมาณครึ่งปี แล้วท่านก็เดินได้ แล้วใช้ที่พยุงเดิน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ก่อนที่ผมจะย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ คุณแม่ผมไปเที่ยวเมืองจีนมาแล้ว
จากที่สิ้นหวังในการรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบัน ด้วยอานุภาพบุญที่แม่ผมทำจากการสร้างพระประจำตัว ด้วยบุญบารมีของคุณยายอาจารย์ทำให้คุณแม่กลับมาเดินได้ ผมมีความสุขมากเลยที่เห็นแม่ไปเที่ยวเมืองจีน ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมมีความเชื่อมั่นว่า บุญเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งให้แก่เราได้ เพราะแต่เดิมผมเคยคิดว่า ผมเรียนหมอมา ๖-๗ ปี คิดว่าจะนำวิชาชีพมาช่วยเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะเวลาพ่อแม่เราแก่เฒ่า เราอยากจะรักษาท่าน แต่ก็พบแล้วว่า วิชาชีพที่ร่ำเรียนมาช่วยท่านได้แค่ในระดับหนึ่ง ไม่อาจช่วยพ่อแม่ได้อย่างแท้จริงเลย โดยเฉพาะไม่สามารถเป็นที่พึ่งที่ระลึกให้แก่พ่อแม่ได้ บุญเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งให้แก่ท่านได้ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาก็เชื่อในอานุภาพบุญอย่างสุดหัวใจ
มีอีกคนหนึ่งเป็นคุณนายรองผู้กำกับ ท่านรองผู้กำกับท่านนี้ต่อต้านวัดพระธรรมกายมาก คุยกับผมเป็นวันๆ เลย บอกว่าผมไม่ไปหรอกวัดนี้ วัดนี้รวยแล้ว ผมอยากทำกับวัดที่จนๆ วัดที่อยู่ในป่า ท่านสอนผมว่าคุณต้องไปทำในที่ที่เขาขาด ไม่ใช่ไปทำในที่ที่เขาเกิน ผมเห็นภรรยาท่านเป็นมะเร็งในเต้านมระยะ ๓ ถูกตัดเต้านมทั้งสองข้างและตัดมดลูกไปอีก และเนื่องจากมะเร็งระยะ ๓ นี้มันกระจายไปทั่วตัวแล้ว เขาก็ฉายแสง เสร็จแล้วให้สารเคมีกระตุ้นจนผมร่วงหมด
ท่านรองผู้กำกับบอกว่า ถ้าเขาอยากกินอะไรอร่อยๆ ผมจะทำให้เขาทาน เขาจะอยู่ได้อีกไม่กี่เดือน ท่านร้องไห้เหมือนเด็กเลย ผมก็เลยพาพี่เจี๊ยบ คือภรรยาของรองผู้กำกับท่านนี้มาที่วัดพระธรรมกาย พี่เจี๊ยบเห็นตู้รับบริจาคแล้วหยอดเงินทำบุญทุกตู้ ตั้งแต่ตู้แรกจนถึงตู้สุดท้ายแล้วมาเห็นบอร์ดสร้างพระ ถามว่าสร้างพระองค์ละเท่าไหร่ ทราบว่าองค์ละหมื่นก็ทำบุญสร้างเดี๋ยวนั้นทันที ผมพามาอยู่ธุดงค์กลั่นแผ่นดิน พาขึ้นสวนบัว แล้วกลับบ้านก็นั่งสมาธิทุกวัน วันธรรมดาก็รักษาศีล วันอาทิตย์ไปถวายภัตตาหารพระที่วัด ทำอยู่อย่างนี้ประมาณปีกว่าๆ จนกระทั่งใกล้ถึงกำหนดวันที่หมอนัดไปตรวจชิ้นเนื้อ พี่เจี๊ยบกลุ้มใจมากกลัวจะไม่หายเพราะการตรวจชิ้นเนื้อจะทำนายโรคได้ว่า คนไข้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนผมก็ไปกราบท่านรองผู้กำกับซึ่งตอนนั้นยังต่อต้านวัด บอกว่า “ผมขอเถอะผมรักพี่จริงๆ ขอให้พี่เจี๊ยบไปเถอะ ผมจะพาไปกราบคุณยาย”
ตอนแรกท่านก็ไม่ให้ไป คงมองว่าเหลวไหล แต่คงมองเห็นว่าผมถึงกับมากราบ ท่านจึงอนุญาต ผมพาพี่เจี๊ยบไปกราบคุณยาย คุณยายเอามือมากุมมือพี่เจี๊ยบไว้แล้วก็ยิ้ม พูดว่า “ขอให้หายนะ” พี่เจี๊ยบสาธุแล้วก็ออกมาไม่ดีใจอะไรเลย คุณยายให้พร พี่เจี๊ยบก็คิดว่าคงเหมือนพรที่เคยได้รับ ผมกับแฟนขับรถออกมาดีใจกันมาก บอกพี่เจี๊ยบว่า “รู้ไหมพี่ต้องหายแน่เลย ผมเชื่อมั่นมาก คุณยายท่านพูดออกมาจากละเอียดนะท่านไม่ได้พูดเล่นๆ นะ หายแน่นอน ขอให้ทำใจสบายๆ” พอไปตรวจชิ้นเนื้ออีกครั้ง คุณหมอบอกว่าไม่เจอชิ้นเนื้อมะเร็งแล้ว อัศจรรย์ไหมครับคุณหมอท่านนี้ก็นั่งอยู่ที่นี้ด้วย
ในกรณีแบบนี้ผมคิดว่าหนึ่งในล้าน มะเร็งระยะที่ ๓ นะครับ รักษาจนตัดหมดแล้ว พอไปตรวจชิ้นเนื้อคุณหมอบอกว่าไม่เจอเซลล์มะเร็ง หลังจากเหตุการณ์นี้ ท่านรองผู้กำกับท่านนี้ตามผมมาวัดพระธรรมกาย และไปนั่งสมาธิที่สวนบัว พอลงมาท่านศรัทธามาก ต่อมาจัดรถบัสมาวัด ๓๕ คัน เอาตำรวจจราจรมาช่วยคุมรถ ท่านรองฯ ก็มาโบกรถช่วยกันทั้งคืนไม่ได้นอนเลย ด้วยอานุภาพบุญที่ท่านเห็นเป็นอัศจรรย์ที่ภรรยาของท่านสร้างพระบนเจดีย์และนั่งสมาธิแล้วหายจากโรค
หลังจากที่ผมพบอานุภาพบุญของแม่และได้บวชพระธรรมทายาทรุ่น ๕๑ ปีของหลวงพ่อ หลังจากลาสิกขาแล้วก็มีความฝังใจลึกๆ ว่าเราต้องช่วยพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ตอนนั้นผมตระหนักแล้วว่าท่านรับภาระหนัก ท่านช่วยเราขึ้นมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ทำให้เรารอดพ้นจากอบายภูมิ เราจะต้องช่วยท่าน ด้วยกำลังสองแขนสองขาของเรานี้ เราจะทำให้สุดชีวิต”