พุทธศาสนิกชนในเขตราษฎร์บูรณะ –ทุกครุ กรุงเทพมหานคร และเขตใกล้เคียงร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์แห่งความดี ด้วยการไปร่วมพิธีตักบาตรคณะสงฆ์ 1,000 รูป เมื่อวันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พุทธศักราช 2551 ที่ผ่านมา กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้น ณ ถนนราษฏร์พัฒนา สุขสวัสดิ์ 27 โดยได้รับความเมตตาจาก พระเดชพระคุณพระธรรมกิตติวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ได้รับเกียรติจาก นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ซึ่งการตักบาตรในครั้งนี้ ได้มีการแสดงตนเป็นพุทธมามกะ แสดงถึงความเป็นชาวพุทธอย่างแท้จริงร่วมกันด้วย
เป็นกิจกรรมครั้งยิ่งใหญ่ คือการทำบุญตักบาตรพระแด่คณะสงฆ์ 1,000 รูป ซึ่งมาจากวัดต่าง ๆ จำนวน 50 กว่าวัด ทั้งจากพื้นที่เขตราษฏร์บูรณะ – ทุ่งครุ และเขตใกล้เคียง ทั้งนี้โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ ถวายเป็นพุทธบูชา รักษาวัฒนธรรมชาวพุทธ สืบสานอายุพระพุทธศาสนา ฟื้นฟูศีลธรรมโลก และเป็นการรวมพลังชาวพุทธ ส่งกำลังใจช่วยเหลือพุทธบุตร 266 วัด ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามโครงการตักบาตรพระ 500,000 รูป 76 จังหวัด ทุกวัดทั่วไทย เป็นหนึ่งในโครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก โดยการดำริของพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) นอกจากนี้ยังได้ทำบุญมหากุศลที่ยิ่งใหญ่ของชาวราษฏร์บูรณะ – ทุ่งครุ และเขตใกล้เคียง ที่หาได้ยากยิ่งเช่นนี้ นับเป็นครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ของชาวราษฎร์บูรณะ - ทุ่งครุ ที่ได้ได้จัดให้มีการตักบาตรพระภิกษุสงฆ์ขึ้นนี้ ซึ่งหลาย ๆ คนถึงกับบอกว่า ยังไม่เคยเห็น ไม่เคยทำ และยังไม่เคยปฏิบัติมาก่อนเลย จึ้งนับว่าเป็นบุญเป็นกุศลอันประเสริฐ และการที่พระภิกษุและพุทธศาสนิกชนได้มารวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นการฟื้นฟูวัฒนธรรมชาวพุทธ อีกทั้งเป็นการฟื้นฟูศีลธรรมให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้งหนึ่ง การที่ทุกคนมารวมกันในวันนี้ เป็นตัวอย่าง เป็นแบบอย่าง ให้ลูกหลานได้เห็นตัวอย่างดีๆ ในการทำความดี นอกจากนี้ยังเป็นการรวมสิ่งของและกำลังใจที่สำคัญยิ่ง สำหรับส่งไปช่วยเหลือพุทธบุตรใน 266 วัด ใน 4 จังหวัดภาคใต้ เรียกว่าคนไทยไม่ทิ้งกัน เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับบรรยากาศในงาน มีพุทธศาสนิกทุกเพศทุกวัยจำนวน 30,000 กว่าคน ล้วนสวมชุดสีขาว มาร่วมงานบุญในครั้งนี้กันอย่างคับคั่ง ทำให้พื้นที่จัดเตรียมไว้ จึงไม่พอที่จะรองรับพุทธศาสนิกชน จนต้องแบ่งเส้นทางการใส่บาตรของพุทธศาสนิกชน ขยายออกไปอีก 2 เส้นทาง เพื่อให้พุทธบุตรและพุทธศาสนิกชนได้ปลื้มอกปลื้มใจและทำบุญกันแบบเต็มที่เต็มกำลัง เพราะการให้ เป็นประเพณีแบบแผนของบรรพบุรุษไทย ตั้งแต่สมัยโบราณเป็นต้นมา จนมีคำกล่าวว่า เช้าใดยังไม่ให้ทาน เช้านั้นอย่าเพิ่งทานข้าว การทำบุญตักบาตรต่อพระภิกษุสงฆ์ สามเณร เป็นการต่ออายุพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาแห่งเหตุและผล นำมาซึ่งสันติสุขอย่างแท้จริง ภายในงานยังได้รับความร่วมมือจากเยาวชน เด็กดี V-STAR จากโรงเรียนบางปะกอกวิทยาคม โรงเรียนแจงร้อน และโรงเรียนวิสุทธิกษัตรี มาช่วยทำหน้าที่หลายร้อยคนอีกด้วย
ความสำเร็จของการจัดงานในครั้งนี้เกิดขึ้นได้ เพราะความร่วมมือกันของหลายหน่วยงานทั้งในภาครัฐและเอกชน ได้แก่ คณะสงฆ์เขตราษฏร์บูรณะ – ทุ่งครุ สำนักงานเขตราษฏร์บูรณะ สำนักงานเขตทุ่งครุ สถานีตำรวจนครบาลราษฏร์บูรณะ สหพันธ์รวมใจไทยทั้งชาติ สมาคมสร้างเครือข่ายคนดีราษฏร์บูรณะ ชมรมทุ่งครุรวมใจในภาคีสหพันธ์รวมใจไทยทั้งชาติ ชมรมบัณฑิตรัตน์ ชมรมพุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เทสโก้ โลตัส สาขาบางปะกอก วัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกาย
ซึ่งท่านประธานฝ่ายสงฆ์ พระธรรมกิตติวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม ได้กล่าวถึงงานบุญนี้และการให้ความสำคัญของการแสดงตนเป็นพุทธมามกะด้วยว่า “การทำบุญตักบาตรในวันนี้เป็นการรวมพลังชาวพุทธทั้งภาครัฐ ประชาชนและคณะสงฆ์จำนวน 1,000 รูป เพื่อรวบรวมปัจจัยทั้งหลายส่งไปถวายแด่พระสงฆ์ 266 วัด ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นกิจกรรมที่น่าอนุโมทนา น่ายกย่องและเป็นเรื่องที่น่ากระทำอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีกำลัง แต่ว่าจะต้องอาศัยความเสียสละอย่างแท้จริงจึงจะจัดได้ เพราะฉะนั้นก็ขออนุโมทนาในบุญครั้งนี้ด้วย … สำหรับการแสดงตนเป็นพุทธมามกะนั้น เป็นเรื่องที่เราทำกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ตอนที่จะส่งพระราชโอรสไปศึกษาต่อที่ทางยุโรป ก็ให้แสดงตนเป็นพุทธมามกะก่อน ก็ถือเป็นธรรมเนียมมาตั้งแต่บัดนั้น การแสดงตนเป็นพุทธมามกะเท่ากับเป็นการสัญญาใจกันว่าจะเป็นชาวพุทธ และเป็นชาวพุทธที่ดี การที่จะเรียกว่าเป็นพุทธมามกะ คือ การนำเอาพระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือพะพุทธศาสนานั้นเข้ามาไว้ในตัวเอามาไว้ในใจ เพราะพุทธมามกะ แปลว่า ผู้ถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นของเรา ก็คือ นำพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธศาสนามาไว้ในตัว ในใจ เหมือนเป็นสมบัติของตัว นั่นคือ นอกจากจะเปล่งว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ เป็นต้นแล้ว ยังต้อง ประพฤติปฏิบัติเป็นชีวิตให้เข้าถึงสายเลือด นั้นแหละคือเป็นพุทธมามกะอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นการแสดงตนเป็นพุทธมามกะนั้นมีความหมายที่ลึกซึ้งมากกว่าที่เราเห็นๆกัน
....ประเทศชาติจะอยู่รอดได้ ก็ต้องทำความดี ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ไม่ใช่อาศัยการพูด การพูดประเทศชาติรอดไม่ได้ แต่การทำความดี เป็นทางในการให้เกิดความสงบและความเรียบร้อย ประเทศชาติอยู่รอดได้”
นับว่าเป็นความพร้อมเพรียงกันเพื่อสร้างความดีให้เกิดขึ้นแก่ตนเอง สังคม และประเทศชาติ ด้วยการทำบุญในพระพุทธศาสนาในเบื้องต้น ที่ร่วมกันปฏิบัติ และจัดให้มีขึ้นได้โดยไม่ยาก และยังกำลังขยายไปตามจังหวัดต่าง ๆ อยู่ในขณะนี้ ด้วยการแสแห่งความดีดังกล่าว.