การเจริญเมตตาเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ในการแผ่เมตตาในวิชชาธรรมกาย ให้เริ่มจาก “ ศูนย์กลางกาย” โดยเริ่มแผ่ความใสสว่างออกมาจากศูนย์กลางกายให้ครอบคลุมตนเองก่อน จนเห็นตัวเองใสสว่างและมีความรักปรารถนาดีกับตนเอง โดยอาจใช้คำบริกรรมภาวนาช่วย จากนั้นจึงแผ่ให้บุคคลตามลำดับโดยน้อมเอาบุคคลนั้นมาไว้ที่ศูนย์กลางกาย แล้วกลั่นให้ใสจนเหมือนกับเป็นตัวเอง ตั้งแต่ บุคคลที่เรารัก, บุคคลที่เรารักใคร่มาก, บุคคลที่เราไม่รักไม่ชัง, และบุคคลที่เป็นศัตรู จนทุกคนใสสว่างเท่ากัน เรามีความรู้สึกปรารถนาดีกับทุกคนเท่ากันเหมือนเป็นตัวของเรา เรียกว่าถึงขั้น “ สีมสัมเภท”
จากนั้นใจก็จะรวมเป็นหนึ่งตกศูนย์เข้าถึง “ ดวงธรรม” ที่แท้จริงภายใน จึงแผ่ขยายให้กว้างขวางออกไปเป็น “ ทิสาผรณา” คือ ทั่วไปทั้ง 10 ทิศ ให้ครอบคลุมขยายออกไปรอบตัวทั้งซ้าย ขวา หน้า หลัง ล่าง บน จนคลุมทั่วจังหวัด ประเทศ โลก และจักรวาล แล้วน้อมแผ่ไปสู่ประเภทบุคคล 7 จำพวก เป็น “ โอทิโสผรณา” และแผ่ไปโดยไม่จำกัดบุคคล 5 จำพวก เป็น “ อโนทิโสผรณา” จนเห็น “ ดวงปฐมมรรค” ของเราขยายคลุมโลกจักรวาล สรรพสัตว์ที่อยู่ในนั้น ใสสว่างเสมอเท่ากันหมดในดวงปฐมมรรคของเรา เรียกว่าเป็น “ อัปปมัญญา” จริงๆ แล้ว การเจริญเมตตาภาวนาในระดับที่ประณีตยิ่งขึ้นไปกว่านี้ยังมีอีก คือ การเจริญเมตตาในระดับการเข้าถึงกายต่างๆ จนถึงการเจริญเมตตาสมาบัติในธรรมกาย แต่ในที่นี้ขออธิบายแต่เพียงเท่านี้
นิมิต 3 กับภาวนา 3 ในเมตตาภาวนา
นับตั้งแต่เริ่มแผ่เมตตาให้กับตนเองเป็นต้น จนถึงเวรีบุคคลรวมทั้ง 4 จำพวกนี้มาไว้ที่ศูนย์กลางกายเรียกว่า บริกรรมนิมิต เมื่อเมตตาจิตเกิดมีทั่วไปในบุคคลทั้ง 4 จำพวก แต่ยังไม่เข้าถึงขั้นสีมสัมเภท เรียกว่า อุคคหนิมิต เมื่อสำเร็จเป็นสีมสัมเภท คือ เห็นทุกคนใสสว่างเท่ากันหมดแล้ว เรียกว่า “ ปฏิภาคนิมิต” ในขณะเริ่มต้นบริกรรมด้วยใจว่า อเวรา โหนฺตุ เป็นต้น ไปในบุคคลต่างๆ เรียกว่า “ บริกรรมภาวนา” การแผ่เมตตาในระหว่างที่ได้อุคคหนิมิตและ ปฏิภาคนิมิต เรียกว่า “ อุปจารภาวนา” เมื่อดวงธรรมเกิด เรียกว่า “ อัปปนาภาวนา”
----------------------------------------------------------------------------
MD 407 สมาธิ 7: สมถกัมมัฏฐาน 40 วิธี