เรื่องที่ ๒ แสงสว่างปาฏิหารย์
คุณกวินนา สงครามศรี เป็นผู้เล่าเรื่องแสงสว่างปาฏิหาริย์ เธอมีชื่อเล่นว่า หลุยส์ ปกติแล้วทำงานอยู่ประเทศอังกฤษ เพิ่งเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อก่อนเดือนสิงหาคม ๒๕๔๑ ไม่นาน ด้วยสาเหตุพบเรื่องอัศจรรย์ แผ่นกระดาษพิมพ์ข้อความเชิญชวนทำบุญสร้างองค์พระประดิษฐานที่มหาธรรมกายเจดีย์แสดงปาฏิหาริย์
วันที่เกิดเหตุ คุณกวินนาอยู่ที่อังกฤษ วันนั้นใจคิดปรารถนาทำบุญมาก จึงซื้ออาหารเดินทางไปถวายพระที่วัดไทยพุทธประทีป เมื่อไปถึงพบสตรีผู้หนึ่งชื่อ คุณเครือวัลย์ สุขเจริญ กำลังจัดอาหารอยู่จึงได้ทำความรู้จักพูดคุยกัน รู้สึกถูกอัธยาศัยมาก
ก่อนจากกันคุณเครือวัลย์ได้เล่าเรื่องวัดพระธรรมกายที่เมืองไทย กำลังทำงานบุญใหญ่สร้างพระมหาเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานพระธรรมกายประจำตัวของมนุษย์ผู้ทำบุญทุกคน โดยจารึกชื่อไว้ที่ฐานองค์พระ สามารถบริจาคได้ตั้งแต่ ๑-๓ หมื่นบาท ตามแต่ที่ประดิษฐาน คือที่นอกเจดีย์ ในเจดีย์ ที่บนโดม และที่แกนกลางภายในเจดีย์
คุณกวินนาฟังแล้วเกิดความสนใจองค์พระบนโดม ทำบุญองค์ละ ๒ หมื่นบาท จึงขอแผ่นกระดาษเชิญชวนทำบุญเป็นแผ่นพับ ๔ สีจากคุณเครือวัลย์ติดตัวกลับบ้านหนึ่งใบ
บ่ายโมงเศษ คุณกวินนาขับรถกลับถึงห้องพัก อากาศทั่วไปมืดครึ้มอย่างหนัก ไม่มีแสงสว่างส่องผ่านเลย เพราะเป็นฤดูหนาว ซึ่งเป็นสภาพอากาศปกติของประเทศนั้น เธอนำแผ่นใบเชิญชวนทำบุญไปวางบนโต๊ะในห้อง แล้วหยิบจับสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ อยู่ใกล้ๆ
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง คุณกวินนารู้สึกตกใจที่เห็นภายในห้องพักสว่าง ไสวทั่วทั้งห้อง เมื่อมองออกไปภายนอกอากาศยังคงมืดครึ้มอยู่เหมือนเดิม ความสว่างนั้นมีมากจนคุณกวินนาคิดไปถึงยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว (ยู.เอฟ.โอ.) รู้สึกสงสัยเป็นกำลัง แน่ใจอย่างเดียวว่าเป็นแสงที่เกิดอยู่ในห้องพัก แสงข้างนอกไม่มี เธอจึงเริ่มเดินสำรวจของไปทีละอย่างจนทั่วห้อง
กระทั่งมาถึงโต๊ะที่วางใบเชิญชวนทำบุญสร้างองค์พระไว้ ฉับพลัน ได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่คาดคิด นึกไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตของตนเอง คือเห็นลำแสงสว่างพุ่งออกมาจากแผ่นกระดาษใบบอกบุญ ตรงรูปมหาธรรมกายเจดีย์ เป็นแสงสีขาวนวล สว่างไสวเย็นตาเย็นใจ แสงนั้นสวยงามมาก
ในขณะที่กำลังยืนนิ่งตกตะลึงอยู่นั้น พลันก็ได้ยินเสียงออกมาจากภายในร่างกายเหมือนก้องกังวานจากกลางท้องของตนเองว่า "
กลับบ้าน กลับบ้าน" เลยยิ่งทำให้เกิดอาการขนลุกชูชันไปหมดทั้งตัว บอกความรู้สึกไม่ถูก ทั้งตกใจ ทั้งตื่นเต้นในเหตุการณ์แปลกประหลาดมหัศจรรย์ ล้นพ้น
ครู่ใหญ่แสงสว่างทั้งหมดจึงหายไป คุณกวินนาตั้งสติได้ พยายามคิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น ตนเองควรทำอย่างไรต่อไป ก็คิดขึ้นมาว่า คำว่า "กลับบ้าน" น่าจะหมายถึงกลับเมืองไทย พอคิดได้ดังนั้นรู้สึกอยาก เดินทางกลับทันที รีบโทรศัพท์พูดกับคนรักซึ่งเป็นชาวนอร์เวย์ ทำงานอยู่ฮ่องกงชวนกลับเมืองไทย นัดพบกันที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ
เมื่อพบกันแล้ว คุณกวินนาได้เล่าเหตุการณ์ประหลาดที่ได้พบ หยิบแผ่นกระดาษรูปมหาธรรมกายเจดีย์แผ่นนั้นให้คนรักดู แล้วพากันเดินทางไปที่วัด ทำบุญสร้างองค์พระทุกชนิดที่มีอยู่ โดยเฉพาะองค์พระที่แกนกลางด้วยความเลื่อมใสศรัทธาเต็มเปี่ยม
ครั้นได้รับพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุแล้ว ยิ่งรู้สึกยินดีที่สุด รู้สึกรักผูกพันเหมือนองค์พระท่านมีชีวิต และราวกับท่านส่งกระแสพลังพิเศษให้ มีกำลังใจใคร่ทำความดีให้เป็นบุญกุศลยิ่งๆ ขึ้น ได้เดินทางกลับบ้านเดิมที่อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ชักชวนสตรีจำนวนหนึ่งที่นั่นมาบวชอุบาสิกาแก้ว ในโอกาสวันแม่ที่ผ่านมา ๗-๙ สิงหาคม ๒๕๔๑
ฟังเรื่องที่คุณกวินนาเล่าแล้ว หลายคนอาจสงสัยว่าเหตุการณ์ดัง ที่เขียนเล่ามา เกิดได้อย่างไร ส่วนคนที่ไม่สงสัยเลยมีอยู่ ๒ คน
ท่านแรกเป็นชาวบ้านอยู่จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นชัยภูมิ เคยเขียนเล่าลงในวารสารกัลยาณมิตรของวัดเมื่อปีเศษมาแล้ว หญิงชาวบ้านผู้นั้นได้รับแจกใบเชิญชวนสร้างองค์พระทำนองเดียวกับคุณกวินนา เธอนำไปวางไว้บนหลังตู้ ใจไม่คิดจะทำบุญเพราะเห็นว่าเงินถึงหนึ่งหมื่นบาท ฐานะครอบครัวของเธอทำไม่ได้ เกินกำลังจริงๆ แม้แต่ผ่อนส่งก็ไม่มี
แต่กระนั้นก็ต้องการทราบว่าเจดีย์มีรูปทรงแบบไหน เมื่อว่างจากงานบ้านจึงหยิบกระดาษชวนทำบุญนั้นมาดู หน้าปกเป็นรูปพระธรรมกายประจำตัว ซึ่งเธอรู้สึกตื่นเต้นที่เห็นภาพองค์พระงดงามอย่างไม่เคยเห็นที่ไหนๆ มาก่อน จึงเพ่งพินิจดูด้วยความพอใจ
ทันใดนั้นเอง เธอก็ต้องตกตะลึงตาค้าง เมื่อภาพองค์พระค่อยๆ หมุนเมื่อหยุดหมุนก็เปล่งรัศมีหลายสีเป็นประกายสว่างไสวออกมา สองมือของหญิงนั้นจับแผ่นภาพองค์พระ นั่งตัวแข็งนิ่งขึง เพื่อนข้างบ้านเรียกหา เสียงดังแค่ไหนก็ไม่ได้ยิน
ในที่สุดเพื่อนบ้านต้องเดินเข้ามาดูว่าทำอะไรอยู่ ทำไมนั่งนิ่ง เรียก ไม่ขาน เมื่อเข้ามาใกล้เห็นนั่งดูรูป จึงมองข้ามไหล่หญิงนั้นว่าดูรูปอะไร ครั้นแล้วเพื่อนก็ต้องนั่งอ้าปากค้างตกตะลึงไปอีกคนหนึ่งที่เห็นภาพปาฏิหาริย์ทำนองเดียวกัน
หลังจากเหตุการณ์สงบลงเป็นปกติ สองคนหายตกตะลึงแล้ว ได้คุยกันเรื่องนี้ เชื่อมั่นเต็มเปี่ยมว่า การสร้างพระบนเจดีย์ที่ทราบนี้ต้องเป็นบุญใหญ่มาก ขนาดเป็นภาพในกระดาษยังแสดงปาฏิหาริย์ให้ดู องค์พระจริงๆ บนเจดีย์จะต้องศักดิ์สิทธิ์นับเท่าไม่ถ้วน และการที่เขาทั้งสองมีโชคดีวิเศษได้พบเหตุการณ์มหัศจรรย์ดังนี้ ต้องเป็นผู้มีบุญเป็นเจ้าขององค์พระแน่นอน ทั้งสองคนจึงตกลงใจจะเก็บหอมรอมริบผ่อนส่งสร้างองค์พระให้ได้ พร้อมกันนั้นก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น และชักชวนญาติสนิทมิตรสหายร่วมทำบุญได้อีกหลายราย
ท่านที่สองคือ
อุบาสิกาถวิล วัติรางกูล ผู้อยู่ในคณะบุกเบิกสร้าง วัดพระธรรมกาย เคยปรารถนาพบเห็นปาฏิหาริย์ต่างๆ บ้าง มาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๑ ครั้งสมัยเรียนปฏิบัติธรรมกับ
คุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง และพระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสององค์ แต่แล้วเป็นเวลาผ่านมาถึง ๓๐ ปี ก็ไม่เคยได้เห็นปรากฏการณ์อะไรที่อัศจรรย์ กระทั่งเลิกอยากเห็นสิ้นเชิง
ครั้นเมื่ออาทิตย์ต้นเดือน ดูเหมือนมิถุนายน ๒๕๔๑ วันหล่อองค์พระธรรมกายประจำตัว โดยมีผู้ที่ทำบุญสร้างเกินหนึ่งล้านบาทเป็นตัวแทน วันนั้นเมื่อลืมตาจากการนั่งสมาธิ อุบาสิกาถวิลเล่าว่า ได้มองไปทางทิศที่พระมหาเจดีย์ตั้งอยู่ เห็นด้วยตาชัดๆ ว่า มีเจดีย์รูปทรงแบบเดียวกัน แต่ขนาดใหญ่โตกว่ามากมาย ไม่ได้ทำด้วยอิฐ หิน ปูน ทรายอย่างเจดีย์จริง แต่เหมือนเอาแสงสว่างเจิดจ้าสุกใส มาปั้นเป็นรูปเจดีย์ เจดีย์แสงสว่างที่เห็นเกิดสลับสับเปลี่ยนองค์แล้วองค์เล่า ใกล้บ้างไกลบ้าง บางองค์ไกลเหมือนอยู่สุดขอบฟ้า แต่ทุกองค์สว่างสุกใสเท่ากัน
ถ้าทั้งสองรายนี้ ได้ทราบเรื่องของคุณกวินนา คงจะดีใจที่ทราบว่ามีผู้พบปาฏิหาริย์เหมือนตน ได้เอามาพูดถึงไว้ในที่นี้ให้คุณกวินนาดีใจด้วยทีี่มีพวกเดียวกัน
ปาฏิหาริย์ประเภทนี้ ถ้านำมาคิดใคร่ครวญให้ดี ก็พออธิบายได้ ว่า ผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์มักจะเห็นในเวลาที่จิตใจหยุดคิดเรื่องราวต่างๆ ไม่มีคนที่ต้องพูดคุยด้วย จิตรวมตัวหยุดโดยบังเอิญ ทำให้ตาของกายเนื้อและอาจรวมถึงตาของกายอื่นๆ ตรงกันขึ้นมา ตามนุษย์จึงสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ในมิติของกายมนุษย์ละเอียดหรือกายฝัน
ยิ่งสำหรับคุณกวินนาแล้ว ไม่ใช่แต่เรื่องตาตรงกันอย่างเดียว หู ของกายมนุษย์ก็ยังตรงกับหูของกายฝัน กายฝันจึงบอกให้ "กลับบ้าน" หูมนุษย์ก็ได้ยิน และที่บอกว่าเป็นเสียงที่ออกมาจากกลางท้อง ก็ทุกกายมีศูนย์กลางกายซ้อนอยู่ที่เดียวกัน ตรงศูนย์กลางกายของมนุษย์ ตรงกลางท้องเหนือสะดือ ๒ นิ้ว
อย่างไรก็ตามถ้าคิดตามหลักวิชา พาให้เข้าใจยากยิ่งแล้ว เชื่อว่าเป็นปาฏิหาริย์ย่อมเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เป็นที่ตั้งของศรัทธา ผู้ได้พบ ได้ยิน ได้ฟัง ย่อมรู้สึกตื่นเต้น มีใจอ่อนโยน และคล้อยตามในทางที่ดี สร้างบุญสร้างบารมีให้ตนเองได้ง่าย
และอันที่จริง ใบเชิญชวนทำบุญทุกชนิด ย่อมเป็นกระดาษศักดิ์สิทธิ์ในตัวอยู่แล้ว ผู้สร้างขึ้นย่อมตั้งใจเป็นกัลยาณมิตรให้ชาวโลกมีโอกาส ทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ไม่ใช่กระดาษชักชวนประกอบอกุศล เหมือนโฆษณาบางอย่าง ขายเหล้า ขายบุหรี่ ขายอาวุธ หรือชวนเที่ยวบ่อน เที่ยวบาร์ เมื่อเป็นสื่อชักชวนผู้คนทำบุญกุศล พลังบุญจากพระนิพพานนั่นเอง ย่อมติดตามไปกับสิ่งเหล่านั้น ยิ่งผู้จัดสร้างเป็นผู้มีความสามารถทางจิตสูง ย่อมสามารถอาราธนาทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ไว้ในสื่อเหล่านั้น มีอานุภาพพิเศษ หากผู้พบเห็นเป็นผู้มีกุศลจิต พลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งเกิดทับทวี
บุญกุศลนั้น เป็นสิ่งเห็นได้ในญาณของผู้มีสมาธิขั้นสูง มีลักษณะเป็นความสว่างไสวเย็นตาเย็นใจ ไม่ใช่เจิดจ้าแสบตาอย่างแสงสว่างทาง โลก
ใครก็ตามเห็นความสว่างไสวจากสิ่งใดที่เป็นดังว่านี้ ซึ่งไม่ใช่แสงสว่างของธรรมชาติในโลก ย่อมหมายความว่า เขาได้เห็นพลังบุญที่มีอยู่ในสิ่งนั้นๆ ขอให้ถือเป็นสิริมงคล เป็นพลังใจในการประกอบบุญกุศลให้ยิ่งๆ ขึ้นไป